ตอนที่ 9 ใครกันแน่ที่อ่อน
คอนเสิร์ตดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนานแต่ละมุนหมดสนุกเพราะถูกควบคุมเต้นไม่ถนัดจนการแสดงคอนเสิร์ตสิ้นสุดลงผู้ชมยังคงอยู่ที่ลานหน้าเวทีรอมันต่อกับดีเจ ละมุนบอกกับเพื่อน ๆ ว่าจะกลับแล้วร่ำลากันก่อนจะถูกพสุธรกุมมือเธอเดินฝ่าผู้คนออกมาพร้อมกัน จากนั้นเขาก็เดินขึ้นมายังชั้นลอยเพื่อหยิบถุงสิ่งของที่เพื่อนให้ไว้วางอยู่บนโซฟา
“วันนี้กลับก่อน ไว้เจอกัน”
“ฮึ้ม จะพาพี่เลี้ยงแวะไปไหนหรือเปล่า” ศรุตหรี่ลงเอ่ยแซวเพื่อน
“ไม่แวะ ไม่ชอบไก่อ่อน”
“ลืมไปว่านายชอบผู้หญิงภูมิฐานสวยเลิศเชิดรวย ไก่อ่อนสุดเหวี่ยงคงไม่ใช่สเป๊คนาย” รามยิ้มกริ่มมองไปทางพี่เลี้ยงสาวที่ยืนรออยู่หน้าซุ้มทางออกของลานเบียร์
“อื้ม” พสุธรยักคิ้วหน้าตึงเก็บอาการก่อนจะหันหลังโบกมือให้กับเพื่อนแล้วรีบลงบันไดไปหาละมุน
“ให้ไม่เกินเดือนเดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่อ่อน” รามยักคิ้วกับศรุตแล้วหัวเราะกันร่วน ด้านพสุธรได้ยินเสียงเพื่อนหัวเราะตามหลังก็ไม่ได้สนใจเดินตรงไปหาละมุนแล้วพาเธอไปเรียกแท็กซี่กลับ ส่วนเขาเดินไปเอารถยนต์คันหรูแยกกันกลับไม่ให้คนที่คฤหาสน์สงสัย
หน้ารั้วคอนกรีตสูงกลางซอยสิงหบดินทร
รปภ.เปิดประตูรั้วให้ละมุนที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่เข้าไปยังคฤหาสน์หรูเพราะไม่อยากให้รถคนนอกเข้าในพื้นที่ส่วนตัวของเจ้านาย เมื่อเข้ามาในห้องนอนของลูกละมุนมองลูกชายนอนหลับบนเตียงกว้างมีเบาะนุ่มกันไม่ให้ตกเตียงทั้งสองฝั่ง แล้วย่องไปยังโซฟาตัวใหญ่ข้างเตียงสะกิดแขนเรียกนุ่มที่มานอนเฝ้าลูกให้เบา ๆ นุ่มกระดิกตัวปรือตามองละมุน
“แต่งหน้าสวยแซ่บเลยนะ” นุ่มเอ่ยแซวไม่ค่อยเห็นละมุนแต่งหน้าจัดปากแดงแต่ก็สวยเปรี้ยวไปอีกแบบ
“นิดหน่อยเอง” ละมุนอมยิ้มเขินกับคำชม นุ่มค่อย ๆ ยันตัวขึ้นมองนาฬิกาบนข้างฝาห้องเป็นเวลาตีหนึ่ง
“คุณหนูพึ่งดื่มนมไปตอนห้าทุ่มนะ”
“ขอบคุณจ้ะ พี่นุ่มกลับไปนอนที่ห้องเลยก็ได้ละมุนอาบน้ำแป๊บเดียวจะรีบออกมาดูแลคุณหนูต่อ” ละมุนยิ้มอ่อนก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งแกะผมที่มัดสูงอยู่หน้ากระจกนุ่มเดินงัวเงียผ่านเธอออกไปจากห้องนอน ผมให้ยาวถูกปล่อยสยายทั่วแผ่นหลังแล้วมัดรวบด้วยกิ๊ฟติดผมอันใหญ่จากนั้นใช้คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางเข้มจัดออกเผยผิวขาวใสไร้เครื่องสำอางก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างละมุนกำลังรีบอาบน้ำล้างเหงื่อไคลก็ได้ยินเสียงลูกร้องงอแงเลยรีบปิดก๊อกพันผ้าขนหนูวิ่งหน้าตาตื่นตัวเปียกออกมาหาลูกตรงไปข้างเตียงฝั่งลูกนอนแล้วโน้มตัวเอื้อมมือผ่านเบาะกั้นไปตบก้นลูกเบา ๆ สักพักประตูห้องนอนก็เปิดออกพร้อมกับพสุธร
“เฮ้ย!” ละมุนตกใจหน้าตาเหลอหลารีบย่อตัวหลบข้างเตียง พสุธรสะดุ้งหน้าเหวอรีบหันหลังเมื่อเห็นละมุนมีเพียงผ้าขนหนูปิดบังร่างกาย
“เข้ามาทำไมคะ?”
“ได้ยินเสียงลูกร้อง นึกว่าไม่มีใครดู” เสียงทุ้มกดต่ำเคร่งเครียดกำหูถุงกระดาษในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดนัยน์ตาคมวูบไหวหน้าอกกระเพื่อมแรงจากการหายใจเข้าออกเพื่อดับความร้อนรุ่ม
“ลูกนอนต่อแล้วค่ะ” เธอเหลือบมองหลังแกร่งอย่างประหม่าเพราะกำลังโป๊อยากให้เขากลับไปที่ห้องนอนของเขา พสุธรยืนนิ่งอยู่สักพักก็ก้าวเท้าหนักเชื่องช้าเกือบออกนอกประตู ละมุนพ่นลมหายใจโล่งอกแต่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นเขาปิดประตูห้องแล้วกดล็อกกลอนประตู
“มีอะไรอีกคะ จะบ่นหนูตอนนี้เลยเหรอ” หน้าสวยซีดเผือดหวาดระแวงกายหนาที่กำลังเยื้องย่างเข้าใกล้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยสายตามองตรงมาทางเธอ
“ฉันนึกได้ว่าลืมเอาของให้เธอ”เขาเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ละมุนเลิ่กลั่กถอยหลังห่างมองหาทางหนีทีไล่
“เสื้อที่ระลึกพร้อมลายเซ็นวงที่เธอชอบ” มือหนายื่นถุงกระดาษส่งให้เธอตรงหน้า ละมุนผงะลังเลก่อนจะยื่นมือไปรับถุงกระดาษทั้งที่ไม่ค่อยไว้ใจ ละมุนรีบหยิบของในถุงกระดาษออกมาเป็นเสื้อยืดมีรูปของวงดนตรีที่เธอชื่นชอบพร้อมกับลายเซ็นครบทุคนในวง
“คุณได้มายังไงคะ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างฉีกยิ้มปลื้มปริ่มน้ำตาจะไหล
“เพื่อนฉันเป็นเจ้าของเบียร์ที่จัดงาน ปกติวงดนตรีจะมีของที่ระลึกให้ผู้ว่าจ้าง”
“ขอบคุณค่ะ”หน้าสวยเปื้อนยิ้มดีใจรีบยกขึ้นไหว้ขอบคุณเขาอุตส่าห์เอามาให้เพราะรู้ว่าเธอชอบ ละมุนก้มมองลายเซ็นศิลปินบนเสื้ออยู่สักพักจนลืมว่าตัวเองกำลังโป๊ เป็นอาหารตาให้พสุธรจ้องมองสายตากรุ้มกริ่มราวกับมองเหยื่ออันโอชะ เมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องเธอเงยหน้ามองคนตัวโตกำลังมองสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“เสร็จธุระแล้วกลับเลยดีไหมคะ หนูจะอาบน้ำเตรียมตัวให้นมลูก”
“ดื่มเบียร์มาจะให้ลูกกินนมได้ยังไง?”
