ตอนที่ 8 จะดื้อกับฉันใช่ไหม
ร่างกำยำสูงท่วมหัวจนเธอต้องเงยมองพสุธรในชุดเสื้อคอปกกางเกงขายาวรองเท้าผ้าใบที่เขาใส่ออกมาจากคฤหาสน์เมื่อตอนบ่าย ละมุนกลอกตาหลุกหลิกกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างประหม่าแทบไม่ได้ยินเสียงเพลงที่อึกทึกรอบกาย
“ใจแตกหนีลูกเที่ยว” เสียงทุ้มกดต่ำใบหน้าเรียบแสนเรียบเฉยช่างค้านกับสายตาดุดัน ละมุนเหลือบมองรอบข้างให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ไม่อยากให้ใครรู้ความลับของเขากับเธอ
“คุณหญิงอนุญาตให้หนูมา”
“เธอก็ควรมีสำนึกความเป็นแม่ไม่ใช่ทิ้งลูกมาหาความสุขคนเดียว”
“แล้วทำไมพ่อถึงทิ้งลูกมาเที่ยวหาความสุขได้ล่ะคะ”
“ฉันเป็นผู้ชาย”
“พ่อเที่ยวได้ แม่ก็ต้องเที่ยวได้” เสียงหวานค้านขึ้นหน้างอนี่มันยุคไหนแล้วทำไมผู้ชายทำอะไรก็ได้แต่ผู้หญิงต้องอยู่แต่ในกรอบ
“ฉันเที่ยวเอาความบันเทิงไม่ได้หวังมาอ่อยผู้ชายเหมือนเธอ”
“ก็ต้องอ่อยหน่อยมั้ยคะ ลูกใกล้หย่านมหนูกำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่” หน้าสวยเชิดขึ้นหงุดหงิดแค่มาเที่ยวสนุกไม่ได้มาอ่อยผู้ชายอย่างที่เขาว่า
“เธอไปไหนไม่ได้ลูกติดเธอ เธอก็ต้องอยู่เลี้ยงเขา” เขาพูดห้วน ๆ เริ่มหงุดหงิดเดี๋ยวนี้ว่าอะไรหน่อยก็เถียงฉอด ๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ชอบร้องไห้พูดแต่คำว่าขอโทษ
“ก็ได้ค่ะ ยังไงหนูก็จะเป็นพี่เลี้ยงของลูก แต่หนูก็มีสิทธิ์หาสามีได้ หนูยังสาวไม่อยากกลายเป็นสาวโสดขึ้นคานเหี่ยวเฉาไปจนแก่”
“เรายังไม่ได้หย่ากันถ้าเธอนอนกับใคร ฉันจะฟ้องมันให้หมดตัว” นัยน์ตาคมแข็งกร้าวกระตุกเหนือกว่า
“งั้นก็หย่าสิคะ จะหย่าตั้งแต่คลอดลูกแล้วยังไม่หย่าสักที”
“เพราะฉันไม่โง่หย่าให้เธอไปมั่วกับผู้ชายแล้วทิ้งลูกไง ในเมื่อเธอพลาดอุ้มท้องลูกของฉัน เธอก็ต้องทนอยู่จนกว่าลูกจะโต”
“เผด็จการ!”
“แล้วจะทำไม” เท้าหนักย่างกรายเข้าใกล้จ้องตาเขม็ง ละมุนเกิดอาการประหม่าค่อย ๆ ถอยห่าง
“หนูขอดูคอนเสิร์ตก่อนเสร็จแล้วจะรีบกลับ” เสียงหวานแย้งขึ้นในเมื่อค้านไม่ได้ก็ขอต่อรองอีกสักนิด
“กลับเดี๋ยวนี้” เขาสวนกลับทันควันแทบไม่ใช้เวลาคิด ละมุนเม้มริมฝีปากกดดันหน้าแดงก่ำอยากจะร้องไห้
“นาน ๆ ทีหนูจะได้ออกมาเที่ยว ได้ดูวงดนตรีที่ชอบไหน ๆ ก็มาแล้วขอดูอีกแค่นิดเดียวเอง!” พูดจบเธอก็ซอยเท้าวิ่งหนีเขาไปทีเผลอ พสุธรหันมองตามไม่ทันได้แต่ขบกรามแน่นโมโหแม่วัยใสห่วงแต่สนุก ละมุนไม่หันมองข้างหลังแทรกฝ่าผู้คนเข้าไปจะหาเพื่อน ๆ เพราะรู้ว่าพสุธรไม่เบียดผู้คนมากมายเพื่อตามเธอ ไหน ๆ ก็จะโดนดุแล้วขอสนุกสุดเหวี่ยงก่อนพอกลับไปที่คฤหาสน์ค่อยขอความช่วยเหลือจากคุณหญิงย่าอีกที ละมุนยังไม่ทันจะเดินถึงเพื่อนข้อมือเรียวก็ถูกดึงรั้งไว้
“เฮ้ย!” ละมุนสะดุ้งตาเหลือกไม่คิดว่าเขาจะฝ่าคนเยอะเพื่อมาตาม
“จะดื้อกับฉันใช่ไหม!”
“ขอดูหน่อยนะคะกำลังสนุกเลย นะคะ” หน้าสวยหม่นเศร้าช้อนตามองอ้อนวอนแตะมือลงหลังมือหนาแผ่วเบา พสุธรจะกระตุกมือออกตามนิสัยถือตัวไม่ให้ใครแตะง่าย ๆ แต่มือนุ่มที่สัมผัสก็ทำให้เขาชะงักมองเธอด้วยสายตาวูบไหวกับความรู้สึกแปลกยังไม่ทันได้คิดอะไรนานร่างบางที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ถูกคนดันจนตัวเธอเบียดเข้าหาเขาแขนแกร่งขึ้นโอบตัวเธอไว้ให้ทรงตัวเพียงครู่เดียวความรู้สึกประหลาดก็แทรกเข้ากลางใจให้เต้นแรงอยู่ด้วยกันมานานเขาและเธอแทบไม่ได้สัมผัสตัวกัน
“ขอโทษค่ะ” ละมุนรีบผละออกห่างก้มหน้างุด พสุธรอึกอักปรับสีหน้าไม่ทัน
“จบคอนเสิร์ตวงนี้เธอต้องกลับ”
“ค่ะ” ริมฝีปากบางแย้มยิ้มสดใสสายตาหลุกหลิกยังเขินกับเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนจะรีบหันเดินแหวกผู้คนไปหาเพื่อนที่หน้าเวที พสุธรเดินตามเธอไปจนถึงกลุ่มเพื่อนละมุนก็กระโดดโลดเต้นต่อไม่รู้ตัวว่าพสุธรยืนกอดอกคุมอยู่ข้างหลัง ศรุตกับรามนั่งอยู่บนชั้นลอยเห็นทุกอย่างชัดเจน เพื่อน ๆ มองพสุธรยืนกอดอกหัวโด่อยู่ท่ามกลางผู้ชมที่กำลังชูมือกระโดดโลดเต้นกันในคอนเสิร์ต
“มันชักจะยังไง ๆ แล้วสิ” รามยกยิ้มกริ่มเหล่มองไปทางศรุต
“สงสัยพี่เลี้ยงจะควบสองตำแหน่งกล่อมเด็กเสร็จกล่อมพ่อเด็กต่อ” ศรุตอมยิ้มกว้างชนแก้วกับรามแล้วมองไปทางพสุธรที่ยืนคุมพี่เลี้ยงของลูกไม่ห่าง
ช่วงจังหวะเพลงช้าพสุธรยกแขนโอบเอวบางไว้ ละมุนสะดุ้งจะหันไปโวยวายคิดว่าใครลวนลามแต่พอเห็นเป็นพสุธรก็หุบปากแทบไม่ทัน
“คุณพอล” ละมุนเลิ่กลั่กหันมองเพื่อน ๆ ที่มองแต่บนเวทีไม่ได้สนใจเธอและผู้คนที่เบียดแน่นเลยไม่มีใครเห็นว่าเขาโอบเอวเธอ
“มีผู้ชายจะเข้าหาเธอเลยกันไว้ให้” เขาเอ่ยขึ้นข้างหูแต่สายตามองตรงไปบนเวที ละมุนนิ่วหน้าเหลือบมองซ้ายขวาข้างกายเธอล้อมด้วยผู้ชายอย่างที่เขาบอก
“กันแบบไหน นี่คุณกอดเอวหนูอยู่”
“ที่มันแคบให้ทำไง” เขากระแทกเสียงหงุดหงิดละมุนเอียงหน้ามองเคืองที่เขาฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งเลยขยุกขยิกตัวจะแกะมือเขาออก
“สนุกกับคอนเสิร์ตไปเถอะเดี๋ยวเพื่อนก็สงสัย” วงแขนแกร่งยังโอบกระชับเอวคอดกายกำยำเบียดเข้าชิดแผ่นหลังบางแนบชิด ละมุนขนลุกวาบหวามทั่วกายเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ ๆ ก็ถูกลวนลามจากสามีในนามของตัวเองทั้งที่เมื่อสองปีก่อนเขาแทบจะเขี่ยเธอให้ออกห่างด้วยซ้ำ
