ตอนที่ 7 พี่เลี้ยงลูก
ลานเบียร์สดหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง
น้ำหวาน ทราย ละมุน พู่และปราง ห้าเพื่อนสาวได้รวมตัวกันเที่ยวในรอบสองปีกว่าหลังจากเรียนจบแยกย้ายกันไปทำงานที่ต่างจังหวัดบ้างใกล้บ้านบ้างไม่ง่ายเลยที่จะนัดรวมตัวเจอกันครบแก๊ง สาว ๆ แต่งตัวสวยสำหรับเที่ยวยามค่ำคืนละมุนสวมชุดครอบตัวสั้นปาดไหล่สีขาวกางเกงเอวสูงสีดำรัดเอวคอดโชว์ความขาวที่หน้าท้องเล็กน้อยผมยาวถูกรวบขึ้นสูงเผยลำคอเรียวผสานกับผิวหน้าอกขาวผ่องหน้าสวยถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจัดจ้านใบหน้าที่เคยน่ารักบ้องแบ้วเปลี่ยนเป็นโฉบเฉี่ยวเหมือนกับเพื่อนในกลุ่มที่มาคอนเสิร์ตของวงดนตรีและศิลปินที่ชื่นชอบเพื่อระลึกความหลังวัยเรียน
ห้าสาวรวมตัวครบแก๊งกันอีกครั้งก็กอดกันกลมต่างพูดคุยกันเรื่องต่าง ๆ รอพู่ไปซื้อบัตรผ่านประตู
“ฉันไปทำจมูกมาสวยมั้ย?” ปรางเอียงหน้าจิกตาให้เพื่อน ๆ ดูผลงาน
“ไม่โด่งเกินไปดูธรรมชาติดีนะแก” ทรายยกนิ้วโป้งเยี่ยมให้กับปราง ส่วนน้ำหวานมองละมุนยังตัวเล็กเหมือนเดิมแต่สะโพกผายก้นเยอะกว่าเมื่อก่อนยิ่งใส่กางเกงเอวสูงยิ่งเห็นชัด
“ละมุนสะโพกกับก้นแกใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ”
“เป็นพี่เลี้ยงเด็กกินอิ่มนอนสบายอ้วนลงก้นล่ะสิ” ปรางกับทรายหันไปมองก้นของละมุนด้วย
“ก็คงงั้น” ละมุนยิ้มแหยผู้หญิงมีลูกมักจะสะโพกผายแต่เธอไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่ามีลูกแล้ว
“พวกเราพร้อมไหม” พู่ไปซื้อบัตรผ่านประตูแล้ววิ่งกลับมาหาเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่หน้าลานเบียร์
“พร้อม” สาว ๆ ประสานเสียงชูแขนขึ้นสุดมือ
“ลุย!” พู่ชูมือขึ้นเดินนำเพื่อน ๆ เข้าไปในลานเบียร์ด้วยกัน ห้าสาวเลือกที่นั่งรับประทานอาหารดื่มเบียร์เพื่อรอคอนเสิร์ตเริ่ม ละมุนดื่มน้ำเปล่าแม้เพื่อน ๆ จะคะยั้นคะยอให้ดื่มเบียร์ก็ไม่เป็นผลเพราะเธอตัวว่าต้องกลับไปให้นมลูก
คอนเสิร์ตลานเบียร์มีวงดนตรีอื่นเปิดโชว์ก่อน ห้าสาวพุ่งตัวไปหน้าเวทีกรี๊ดสุดเสียงร้องเพลงโยกเต้นตามจังหวะเพลง ท่ามกลางผู้คนนับร้อยร่วมสนุกกันอยู่หน้าเวที เมื่อวงดนตรีที่พวกเธอชื่นชอบออกมา สาว ๆ กระโดดดีใจกรี๊ดต้อนรับคอแหบคอแห้งหน้าดำหน้าแดงแสงไฟสปอตไลต์ฉายเข้าหน้าเวทีกล้องถ่ายทอดฉายขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์ให้ลูกค้าที่นั่งโต๊ะอาหารด้านหลังได้เห็นศิลปิน
เสียงดนตรีดังกระหึ่มกระตุ้นให้ฮึกเหิม ศิลปินร้องเปิดวงด้วยเพลงฮิตทำเอาแฟนคลับกรี๊ดลั่นกระโดดโยกกันหัวสั่นหัวคลอน ช่วงศิลปินยื่นไมค์ให้ผู้ชมร่วมร้องเพลงตามกล้องก็ได้แพลนมายังผู้ชมเห็นละมุนและเพื่อน ๆ ยืนตะโกนร้องเพลงกันสุดเสียงขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์ น้ำหวานสะกิดเพื่อน ๆ ให้มองดูพวกเธอขึ้นจอแล้วโบกมือร้องเพลงเล่นกล้องสนุกสนาน
บนชั้นลอยของวีไอพี ชายหนุ่มสามคนสวมเสื้อยืดคอปกมาดดีแม้อยู่ไกล ๆ ก็ดูรู้ว่ารวยนั่งบนโซฟาเบาะหนังสีดำชมการแสดงคอนเสิร์ตอยู่ไกล ๆ
“โห ร้องเอาเป็นเอาตายจะอยู่ไหวถึงเพลงสุดท้ายกันไหมเนี่ย” ศรุตเจ้าของเบียร์นำเข้ายี่ห้อดังนั่งไขว่ห้างกอดอกมองลูกค้าหน้าเวทีสนุกสุดเหวี่ยงแล้วอมยิ้มนึกถึงวัยหนุ่มที่รวมตัวกับเพื่อน ๆ ไปดูคอนเสิร์ตร่วมกัน
“พวกเขายังวัยรุ่นยังไงก็ไหว เหมือนพวกเราเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ถ้าไปกระโดดโลดเต้นแบบนั้นเสียภาพลักษณ์แน่” รามยกยิ้มกระดกแก้วดื่มเบียร์เย็น ๆ ลงคอ พสุธรนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับศรุตและรามได้ยินเสียงเพื่อนสนทนาทั้งหมด เขากำลังดูตารางงานของวันจันทร์สักพักก็วางโทรศัพท์ลงหยิบแก้วเบียร์ขึ้นดื่มสายตามองตรงไปยังโปรเจคเตอร์หน้าเวที
“พรวด” พสุธรตาโตตกใจสำลักเบียร์แทบพุ่งออกจากปาก เพื่อน ๆ หันมองพากันขำพสุธร
“เห็นความสวยสาว ๆ จนกระอักเลยเหรอ”
“คนที่มัดผมเสื้อขาวเป็นพี่เลี้ยงของกร”
“ฮะ!” ศรุตกับรามอุทานพร้อมกัน พสุธรจับจ้องไปที่หน้าโปรเจคเตอร์แล้วลุกขึ้นชะเง้อมองหน้าเวทีเห็นละมุนกระโดดเต้นแร้งเต้นการ้องเพลงสุดเสียงสนุกสนาน
“นายจ้างพริตตี้มาเป็นพี่เลี้ยงลูก?” รามเงยมองเพื่อนสลับกับจอโปรเจคเตอร์พี่เลี้ยงของลูกเพื่อนแม้จะมีเหงื่อโซมหน้าตะโกนร้องเพลงไม่ห่วงสวยแต่ความสวยก็ออร่าเด่นสะกดตา
“คุณย่าจ้างเราไม่เกี่ยว”
“จริงหรา....” รามลากเสียงยาวไม่ค่อยอยากเชื่อ
“พี่เลี้ยงมาเที่ยวแบบนี้ใครเลี้ยงลูกนายล่ะ” ศรุตเอ่ยถามเพื่อนที่ลุกยืนจ้องพี่เลี้ยงลูกตาเขม็งอย่างกับคนกำลังหึงแฟน รามเหล่มองศรุตแล้วอมยิ้มกรุ้มกริ่มกับท่าทางแปลก ๆ ของเพื่อน
ศิลปินร้องเพลงสร้างความสนุกให้ผู้ชมอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางของการแสดง ศิลปินพักดื่มน้ำก็มีสตาฟเดินขึ้นมาบนเวทียื่นกระดาษส่งให้ศิลปิน ๆ อ่านข้อความในกระดาษก่อนจะชูมือขึ้นเรียกเสียงผู้ชม
“ไหวไหมพวกเรา”
“ไหว” ผู้ชมส่งเสียงฮึกเหิมยังไงก็สู้
“ก่อนเพลงถัดไป ผมขอประกาศหาคนก่อนนะ นางสาวลลนา เด่นระตี หรือน้องละมุนอยู่ตรงนี้ไหมครับ” ศิลปินประกาศผ่านไมค์ เพื่อน ๆ ของละมุนกรี๊ดลั่นตื่นเต้นแทนเพื่อนชูแขนขึ้นสูง
“เพื่อนหนู ๆ”
“เชิญออกมารับรางวัลพิเศษหลังเวทีด้วยครับ มาคนเดียวนะคนอื่นสนุกกันต่อเลย” ศิลปินบอกละมุนแล้วเสียงดนตรีก็ดังขึ้นพร้อมสนุกกันต่อ ละมุนดีใจได้ชั่วครู่ก็นิ่วหน้าสงสัยท่ามกลางเพื่อนที่เต้นตามจังหวะเพลง
“เขารู้ชื่อเราได้ไง?”
“จากหางบัตรที่มีจับรางวัลไง” ปรางตะโกนแข่งกับเสียงดนตรี
“ไปเลยแล้วค่อยมาสนุกต่อ” ทรายรีบดึงแขนเพื่อนให้เดินผ่านตัวเธอออกไปข้างเวที ละมุนเดินฝ่าผู้คนเบียดเสียดออกมาอย่างทะลักทุเลหายใจหอบเหนื่อยเหงื่อไหลโซมกายก่อนจะเดินไปข้างหลังเวทีเพื่อรับรางวัล ร่างบางเดินมาเรื่อย ๆ ถึงหลังเวทีไม่เห็นมีใครอยู่สักคนเลยหันหลังจะเดินกลับอยู่ ๆ หน้าสวยที่กำลังเบิกบานก็กลายเป็นซีดเผือดภายในเสี้ยววินาที
“งานเข้าแล้วไหมล่ะ”
