ตอนที่ 6 ฉันเป็นใครแล้วเธอเป็นใคร
ภายในห้องนอนของอธิกร
ละมุนพาลูกขึ้นมาบนห้องนอนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกล่อมจนลูกเคลิ้มหลับเลยจะเอนกายนอนข้าง ๆ อยู่ ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นละมุนผวานึกได้ว่าล็อกประตูแล้วเลยเบาใจแต่ก็มีเสียงไขกลอนประตู สักพักประตูห้องเปิดออกทำเอาละมุนสะดุ้งสุดตัว ทว่าเสียงบ่นจากร่างหนาที่กำลังเดินเข้ามาในห้องก็ทำให้เธอโล่งอก
“เลี้ยงลูกตามใจจนนิสัยเสีย ตบตีจิกหัวพี่เลี้ยงก้าวร้าวทำฉันขายขี้หน้า!” พสุธรเดินปรี่เข้ามาหาขึงขังไม่พอใจที่เลี้ยงลูกจนเสียเด็ก
“ปกติลูกไม่ก้าวร้าวนะคะ คงหิวและงานเลี้ยงก็นานจนดึกเกินเวลานอนลูกเลยงอแง แต่ถ้าพูดกับดี ๆ เขาก็ฟังนะคะถ้าตวาดใส่เขาจะตอบโต้กลับรุนแรงกว่าเดิม” ดวงตากลมโตช้อนมองพสุธรที่ยืนค้ำหัวแล้วบอกคำแนะนำของคุณหมอเพื่อลดอารมณ์ฉุนเฉียวของลูก
“เธอจะบอกว่าฉันตะคอกลูกทำให้เขาเกเร?”
“ค่ะ”
“ละมุน ฉันเป็นใครแล้วเธอเป็นใคร?” เขากดเสียงต่ำจ้องมองมาดหมาย
“หนูเป็นคนที่คุณพอลจ้างมาอุ้มบุญเป็นพี่เลี้ยงเด็กและก็เป็นแม่ของลูกหากลูกผิดหนูสั่งสอนได้ถ้าผู้ใหญ่ผิดหนูก็ต้องเตือน”
“คุณย่าให้ท้ายเธอจนลืมตัว”
“หนูไม่เคยลืมตัว หนูแค่พูดในฐานะแม่คนหนึ่ง”
“ถ้าเป็นแม่ก็อบรมลูกด้วยอย่าให้เกิดเรื่องอย่างวันนี้อีก!” เสียงเข้มตวาดลั่นทำลูกชายที่นอนหลับผวา ละมุนรีบหันไปตบก้นลูกเบา ๆ กล่อมให้นอนต่อแล้วหันมองค้อนพ่อของลูก
“เป็นพ่อต้องหัดควบคุมอารมณ์ด้วยนะคะ” เธอเหวี่ยงเสียงห้วน ๆ ไม่สบอารมณ์ที่เขามาโวยวายให้ลูกตกใจ
“เดี๋ยวนี้ต่อปากต่อคำเก่งขึ้นนะหรือว่าฉันใจดีกับเธอมากไปเลยไม่เกรงใจ”
“หนูเคารพและยอมคุณพอลเสมอ ยกเว้นเรื่องพ่อแม่กับลูกที่ต้องปกป้อง หนูยอมไม่ได้” สายตาสวยแน่วแน่ตั้งแต่เป็นแม่คนหญิงสาววัยรุ่นที่เคยอ่อนต่อโลกเข้มแข็งกล้าได้กล้าเสียมากกว่าเดิม
“เธอปกป้องใครไม่ได้หรอกละมุนแค่ตัวเธอเองยังปกป้องไม่ได้เลย” พสุธรแสยะยิ้มเยาะสาววัยใสที่ยอมให้เขากดขี่โดยไร้ข้อโต้แย้ง
“ถ้าการที่หนูยอมรับสภาพจำยอมตามคุณที่อยากให้เป็นคือการปกป้องตัวเองไม่ได้ คุณกำลังประมาทหนูเกินไป” เสียงหวานเอ่ยขึ้นสีหน้าเรียบเฉยจ้องตากับเจ้านายที่เป็นพ่อของลูกอย่างไม่เกรง การที่เธอยอมเขาเพราะมีเป้าหมายให้ครอบครัวอยู่สุขสบายและได้เลี้ยงลูกจนเติบใหญ่นี่คือความเข้มแข็งเพื่อปกป้องคนที่รักอย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจ พสุธรนิ่งอึ้งมองสบตาหญิงสาวที่แกร่งขึ้นสายตาอ่อนไหวของเธอเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ให้กำเนิดลูกชายแตะเธอได้แต่แตะลูกเธอไม่ได้หรือนี่คือจิตวิญญาณความเป็นแม่ที่เธอซึมซับมาตลอดหนึ่งปี
วันหยุดยาวสุดสัปดาห์
ในห้องรับแขกติดกระจกบานใหญ่มองเห็นสวนร่มรื่นหน้าบ้าน มีเบาะนวมกั้นเด็กขนาดใหญ่ ของเล่นเด็กทั่วไปและพัฒนาสมองอยู่เต็มห้อง ช่วงเช้าพสุธรเข้ามาเล่นกับลูกโดยมีคุณหญิงย่าและพ่อแม่ของละมุนที่นำขนมจีนน้ำยากะทิกับขนมไทยมาฝากทุกคนในคฤหาสน์คุณหญิงย่าชื่นชอบฝีมือทำขนมไทยของแม่ละมุนที่รสชาติดีตามสูตรโบราณ ทุกคนร่วมกันรับประทานและเล่นกับอธิกร จนถึงช่วงบ่ายพสุธรออกไปไดร์ฟกอล์ฟกับเพื่อน ๆ ส่วนพ่อแม่ก็รีบกลับไปเตรียมหมูปิ้งขายในตอนเย็น
คุณหญิงย่านั่งจัดดอกไม้ใส่แจกันอย่างประณีตเตรียมไว้สำหรับนำขึ้นไปจัดไหว้พระพุทธรูปในห้องพระเช้าวันพรุ่งนี้
ละมุนเล่นของเล่นคลานกลิ้งเกลือกกับลูกในเบาะกั้นขนาดใหญ่ก่อนจะให้นมลูกแล้วผล็อยหลับอ่อนแรงไปพร้อม ๆ กัน หลังจากนอนหลับไปเกือบชั่วโมงละมุนรู้สึกตัวว่าถูกสะกิดแขนเลยสะดุ้งลืมตาตื่นมามองเห็นคุณหญิงย่ายื่นโทรศัพท์มือถือให้กับเธอ ละมุนรีบยันตัวนั่งกดรับโทรศัพท์ทันที
“สบายดี แกเป็นไง”
“เรารับจ้างเลี้ยงเด็กไปไม่ได้หรอก”
“ไว้เจอกันวันหลังนะ” ละมุนคุยประโยคสุดท้ายกับปลายสายแล้วกดวางสาย คุณหญิงย่าเหลือบมองมือจับกรรไกรค่อย ๆ ตัดก้านดอกไม้
“ใครชวนไปไหน?”
“เพื่อนตอนเรียนพาณิชย์ค่ะ ไม่ได้เจอกันสองปีกว่าเพื่อน ๆ เลยโทรมานัดรวมตัวไปเที่ยวกัน”
“ก็ไปสิ ย่าเลี้ยงกรให้เอง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เพื่อนนัดเที่ยวกลางคืนถ้ากลับดึกคุณพอลรู้ว่าหนูไม่อยู่เลี้ยงลูกต้องโดนบ่นอีกแน่” ละมุนยิ้มแห้งเหนื่อยหน่ายที่ต้องทะเลาะกับพสุธร
“ย่าอนุญาตให้ไป ถ้าพอลบ่นก็ให้มาบ่นย่านี่” คุณหญิงยิ้มอ่อนมีเมตตา ท่านเคยเลี้ยงทั้งลูกหลานและเหลนรู้ว่าการเป็นแม่เหนื่อยล้าแค่ไหนหากได้พักผ่อนหย่อนใจพบปะเพื่อนฝูงก็จะคลายเหนื่อยได้บ้าง ละมุนนิ่วหน้าครุ่นคิดใจหนึ่งก็อยากเจอเพื่อนอีกใจก็กลัวว่าพสุธรไม่พอใจ
“ไปเที่ยวเถอะ เลี้ยงแต่ลูกจะไม่มีสังคมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง” ละมุนไม่อยากขัดคุณหญิงย่าและอยากไปเที่ยวเลยยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ใจดีอย่างนอบน้อมก่อนจะโทรไปบอกเพื่อนว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน
