ตอนที่ 5 ความเคยชิน
“ค่ะ” เธอรีบก้มหน้าก้มตาหยิบถุงมาใส่หมูปิ้งกับข้าวเหนียวลงในถุงหูหิ้วก่อนจะส่งให้กับพสุธรที่สีหน้าบึ้งตึงยื่นแบงก์ร้อยจ่ายค่าหมูปิ้งแล้วหันหลังเดินไปโดยยังไม่ได้รับเงินทอน
“เขาลืมเงินทอนนี่ เดี๋ยวเราตามไปให้เอง” เต้หันรีหันขวางแบมือรอเงินทอนจะวิ่งตามไปให้กับลูกค้า
“ละมุนไปเอง ฝากร้านด้วยนะ” ละมุนรีบฝากร้านแล้ววิ่งตามเอาเงินทอนไปให้พสุธาที่กำลังเดินไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ลานจอดรถไกล ๆ
“เงินทอนค่ะคุณพอล” เสียงเล็ก ๆ เรียกให้เขาหันมาเพราะเหนื่อยวิ่งตามชายหนุ่มที่เท้ายาวเดินเร็วกว่า เขาหยุดกึกหันขวับตาขวาง
“ลูกก็มีแล้วแต่แม่ไม่ยอมเลี้ยงแอบมาเล่นหูเล่นตากับผู้ชาย!”
“คุณหญิงเลี้ยงลูกให้ค่ะ วันนี้เป็นวันหยุดหนู” หน้าสวยซีดเผือดกับสายตารังเกียจเดียดฉันท์ที่เขามองมา
“เป็นแม่มีวันหยุดได้ด้วยเหรอ ถ้าลูกหิวลูกอึลูกไม่สบายแต่แม่บอกว่าหยุดก็ปล่อยลูกตามยถากรรมได้งั้นสิ” เสียงทุ้มกดต่ำจ้องมองราวกับจะขยี้หญิงสาวตัวเล็กให้แหลกคามือโทษฐานที่ละเลยลูกเพื่อมาอ่อยผู้ชาย
“หนูแค่อยากมาหาพ่อแม่บ้าง ช่วยขายของแบ่งเบาภาระพ่อแม่ไม่ได้เลยเหรอคะ ถ้าต้องตัวติดกับลูกตลอดเวลาคราวหลังหนูจะพากรมาช่วยขายหมูปิ้งได้ไหมล่ะคะ?”
“อย่าเอาลูกฉันมาเหนื่อยกับเธอเด็ดขาด”
“หนูทำหน้าที่แม่แล้วก็ต้องทำหน้าที่ลูกด้วย มีลูกก็ใช่จะละเลยพ่อแม่ได้” ละมุนเชิดหน้าเถียงกลับน้ำตารื้นเพราะความรักที่เธอมีให้พ่อแม่และลูกทำให้เธอต้องแบ่งเวลาให้กับทุกคนจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนให้กับตัวเอง
“คุณย่าให้ค่าตอบแทนพ่อแม่เธอไปตั้งมากมายเงินเดือนค่าจ้างเธอก็เยอะให้พ่อแม่ใช้ไม่ต้องลำบากก็ได้หรือว่าเธอให้เงินน้อยไปพวกเขาเลยทำตัวลำบากหวังเรียกร้องเงินเพิ่ม”
“เพราะท่านไม่อยากพึ่งพาลูก ถ้าเบียดเบียนมากก็กลัวลูกจะลำบากถึงต้องขวนขวายหาเงินกันเอง คุณเกิดมารวยไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าพ่อแม่ที่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกสุขสบายเป็นยังไง!” ละมุนแผดเสียงขึงขังเขาจะต่อว่าเธอยังไงก็ได้แต่ห้ามแตะต้องพ่อแม่เธอ พสุธรนิ่งเงียบเขาโตมากับคุณหญิงย่าที่มีทรัพย์สมบัติมากมายไม่เคยต้องทุกข์ร้อนเลยไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกับพ่อแม่เป็นและเขาก็ไม่เคยมีความผูกพันกับพ่อแม่หากไม่เห็นรูปครอบครัวเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่หน้าตาเป็นยังไงเพราะพวกท่านถูกมัจจุราชพรากไปตั้งแต่อายุไม่ถึงห้าเดือน
“ถ้าตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เสร็จก็รีบกลับไปเลี้ยงลูกแล้วกัน” เสียงทุ้มอ่อนลงเบือนหน้าหนีหันหลังเดินไปที่รถยนต์คันหรู ละมุนมองตามแผ่นหลังแกร่งที่ห่างออกไปก่อนจะเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“คุณทำเหมือนไม่อยากให้หนูห่างลูกเลยนะคะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณไล่ให้หนูไป”
“ลูกต้องกินนมแม่ถึงจะดีที่สุดไง ลูกเลิกดื่มนมจากอกเธอเมื่อไหร่เธอจะไปมีชีวิตยังไงก็เชิญ” พสุธรเอียงมองเล็กน้อยรีบหันหน้าหนีสายตาวูบไหวรู้สึกใจหายหากถึงวันที่ต้องปล่อยเธอไปมีชีวิตใหม่ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เธอเตรียมตัวตั้งครรภ์จนถึงตอนนี้มันกลายเป็นความเคยชินสำหรับเขาไปเสียแล้ว
คฤหาสน์หลังใหญ่ท่ามกลางสวนดอกไม้ร่มรื่น
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุหนึ่งขวบของอธิกร สิงหบดินทรจัดขึ้นภายในคฤหาสน์แต่งสถานที่ด้วยลูกโป่งซูเปอร์ฮีโร่และเซตอาหารราคาแพงวางเรียงรายสำหรับเลี้ยงญาติพี่น้องที่แต่งหน้าแต่งตัวหรูหรามาร่วมงานต่างพูดคุยกันเรื่องธุรกิจและชีวิตประจำวันของแต่ละคนอย่างชื่นมื่นยิ้มแย้มให้กันมีทั้งยิ้มที่จริงใจและจอมปลอมปะปนแต่ก็ทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของอธิกรเต็มไปด้วยคึกคัก
ละมุนนั่งหลบอยู่ในห้องคนรับใช้มีอาหารวางไว้ในถาด เธอไม่อยากออกไปพบเจอใครโดยเฉพาะนพกุล คุณหญิงย่าเข้าใจความไม่สบายใจของเธอที่จะเผชิญหน้ากับคนที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลยให้หลบอยู่ในห้องแคบแล้วให้นุ่มพี่เลี้ยงอีกคนคอยตามดูแลอธิกร ไม่นานนักเสียงลำโพงและเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังแว่วมาจากห้องโถงใหญ่ ละมุนได้แต่นั่งปรบมือร้องเพลงวันเกิดให้ลูกชายเพียงลำพังดวงตากลมโตมีประกายดีใจที่ลูกชายมีชีวิตที่ดีสมบูรณ์แบบแม้ในความสมบูรณ์แบบจะไม่มีเธออยู่ในนั้นก็ตาม
ภายในห้องจัดเลี้ยง
อธิกรวัยหนึ่งขวบผิวพรรณขาวสะอาดคิ้วเข้มจมูกเป็นสันรับกับริมฝีปากเป็นกระจับใบหน้าหล่อดวงตากลมโตบ้องแบ้วคล้ายกับแม่ผู้ให้กำเนิด อธิกรกำลังหัดเดินเป๋ไปมาล้มเข่ากระแทกไปหลายครั้งแต่พยายามลุกขึ้นมาใหม่เสมอ นุ่มและอรคอยเดินตามดูแลไม่ห่างจนอ่อนแรงเพราะการกินเลี้ยงยาวนานตั้งแต่เย็นยันค่ำ
“กรยังดื่มนมแม่นมคนนั้นอยู่ไหมคะ?” นริตาเอ่ยถามเสียงใส
“ยังดื่มอยู่จ้ะ”
“แปลกดีนะคะให้ดื่มนมจนหน้าตาเหมือนแม่นมคนนั้นเลย” นริตาหันมองหลานชายหน้าตาน่าเอ็นดูตาโตบ้องแบ้วขนตายาวเหมือนแม่นมที่เคยเจอ พสุธรชะงักหลบตาลงต่ำปกปิดความเลิ่กลั่ก
“ปกติเด็กมักจะหน้าตาเหมือนคนที่เลี้ยง แต่หน้าจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เหมือนพ่อแม่ตัวเอง” ยุพวรรณบอกกับนาริตาแล้วมองไปทางอธิกร
“จริงสิ ริตาจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ มีคนบอกว่าริตาหน้าเหมือนพี่เลี้ยงที่เป็นคนฟิลิปปินส์เลย” นาริตายิ้มกว้างเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก คุณหญิงย่ายิ้มแห้งหยิบกระดาษทิชชู่ซับเหงื่อซึมบนหน้าผากที่เกิดจากความกดดัน
“คุณหนูใจเย็น ๆ ค่ะ คุณหนู” เสียงของนุ่มกับอรร้องห้ามอธิกรที่ร้องไห้งอแงยกมือขึ้นตีพี่เลี้ยงไม่หยุด
“หยุดนะกร! พ่อบอกให้หยุดไง!” พสุธรจ้องตาเขม็งดุลูกเสียงดัง อธิกรเบะปากหน้าแดงหยุดตีนุ่มแต่คว้าผมของนุ่มมาดึงรั้งแทน พสุธรลุกพรวดไปกระชากมือลูกออกจากผมของพี่เลี้ยง
“ทำไมเกเรอย่างนี้ ไปหาแม่เลย!” พสุธรกำข้อมือลูกสีหน้าเกรี้ยวกราดหลุดพูดไล่ลูกไปหาแม่อย่างลืมตัว ญาติ ๆ ที่คุยกันระงมในห้องอาหารเงียบกริบหันมองพสุธรกับลูกเป็นตาเดียวกัน
“พอลหมายถึงแม่นม” คุณหญิงย่าเลิ่กลั่กรีบแก้ตัวแทน พสุธรสูดหายใจเข้าลึกตั้งสติคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้หัวเสีย
“กรน่าจะหิวพวกเธอพาไปหาแม่นมของเขาเถอะ” เสียงทุ้มอ่อนลงโบกมือให้นุ่มกับอรพาอธิกรไปส่งให้ละมุน ส่วนตัวเองเดินมานั่งรับประทานอาหารกับญาติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
