บทที่ 2 ไม่ใช่คนขี้แพ้
ร่างเพรียวระหงเดินนวยนาดลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์สุดหรู เสียงฮัมเพลงในลำคอของเธอทำให้พวกผู้ใหญ่ที่นั่งคุยกันอยู่กลางบ้านหยุดพูดและหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“หมิว...มาสวัสดีท่านวิโรจน์สิลูก เดี๋ยวสักพักลูกชายท่านจะมา...” คนเป็นพ่อเอ่ยเรียกลูกสาวที่แต่งตัวสวยลงมาจากบนบ้านด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“สวัสดีค่ะท่าน ขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีนัดกับคุณวัน” หญิงสาวเหยียดยิ้มหวานเต็มดวงหน้าให้กับบิดาและคนที่ท่านอยากให้เดินไปทำความรู้จัก
“วัน...วันที่เป็นลูกชายท่านปลัดนะเหรอ?”
“จะเลิกกันอยู่แล้วนะครับ แต่ฝั่งนั้นตามตื๊อไม่เลิก เพราะเป็นเพื่อนพี่ชายก็แบบนี้แหละครับ ไม่ต้องห่วง...”
มินตราเดินพ้นประตูบ้านมาแล้วเพราะไม่ได้ตั้งใจอยู่ฟังจนจบหรอก เธอหยิบพวงกุญแจรถสปอร์ตป้ายแดงคันใหม่ขึ้นมา กดปลดล็อกก่อนจะเข้าไปนั่งและเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
Ford Mustang สีแดงเพลิง เลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณชายทะเลก่อนที่หญิงสาวจะรีบเปิดประตูลงและก้าวเท้ายาว ๆ ไปยังท่าเรือที่นัดแนะกับทีมวิศวกรและสถาปนิกที่จะเข้าไปก่อสร้างรีสอร์ตให้กับเธอ
“ขอโทษที่สายนะคะ” เสียงใสตะโกนบอกทุกคนพร้อมกับค้อมหัวเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยื่นมือทำความรู้จักกับคนในทีมที่เธอไม่เคยเห็นหน้า
“นี่ทีมอินทีเรียพิเศษที่จะมาช่วยเพิ่มเติม และนี่คุณหมิวครับเจ้าของรีสอร์ตที่เราจะทำการก่อสร้าง” มินตรายกยิ้ม ก่อนจะบิดมือออกเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่เธอกำลังจับมือด้วยมองด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย และเธอก็หันทั้งตัวไปสนใจคนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่มุมสุดของท่าเรือ
“ยังอยู่อีกหรือคะนึกว่าหนีกลับกรุงเทพไปแล้ว” หญิงสาวพูดติดตลกและเสียงดังพอจะทำให้คนที่พูดถึงได้ยิน
กัมปนาท หรือ เจมส์ มองคนที่พูดจากระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนสนิทของเขา ไอ้เตอร์ และอดที่จะส่ายหน้าให้กับคนทั้งสองไม่ได้
“เพื่อนผมไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้หรอกนะ” มินตราจิ๊ปากชอบใจ
“เส้นสายคุณเจมส์นี่สุดยอดไปเลยนะคะรู้กระทั่งว่าเพื่อนคุณตอกหน้าหมิวยังไง แล้วนี่คุณครีมไม่มาหรือคะ?” หญิงสาวสอดส่ายสายตาหาร่างบอบบางของภรรยากัมปนาท
“ที่ร้านยุ่ง ๆ และนุ่มนิ่มงอแงอีกไปฉีดวัคซีนมาเมื่อวันก่อน ว่าแต่คุณเถอะอย่าไปปั่นประสาทมันนักช่วงนี้งานเยอะและมันขี้หงุดหงิด” กัมปนาทเอ่ยบอกด้วยความหวังดีเพราะไม่อยากจะให้สองคนทะเลาะกันทั้งที่จะต้องร่วมงานกันอย่างจริงจัง
“พยศ ๆ หน่อยสิดี สนุกจะตาย คุณเจมส์ก็เฉย ๆ ไปนะคะไม่ต้องคิดมากอะไรหมิวสบาย ๆ อยู่แล้ว” และฝ่ามือบางก็วางทาบลงมาบนต้นแขนหนั่นแน่น มินตราเหยียดยิ้มพร้อมกับลอยหน้าลอยตาและเพียงเท่านั้นร่างสูงของกัมปนาทก็โดนดึงไปอีกทางในทันที
มินตราใช้นิ้วจับจีบแสร้งดึงแขนเสื้อเชิ้ตของกัมปนาท แต่ก็ได้ดวงตาคมดุตวัดของหนุ่มตี๋หน้ามนตวัดสายตามามองเธอราวกับหึงหวงเพื่อนรักนักหนา หญิงสาวส่งยิ้มกว้างกลับไปให้ตุลธรที่ทำหน้าตึงใส่เธอ
“ไอ้เจมส์ขึ้นเรือ!”
“ไม่รอคุณหมิวเหรอไอ้เตอร์” กัมปนาทยังคงเอ่ยขยี้ไม่หยุดเหมือนตนเองไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุในตอนนี้
“ไม่ต้องรอ มึงอะขึ้นเรือไปเลย!”
มินตราย่นจมูกใส่คนที่พูดประโยคนั้น และเบนสายตามองไปยังคนงานที่ขนสัมภาระและข้างของขึ้นเรือเฟอรี่อีกลำด้านข้าง
เมื่อเห็นว่าระยะห่างพอสมควรแล้ว หญิงสาวก็วิ่งตามร่างสูงของผู้ชายทั้งสองไป และมันยังไม่จบแค่นั้นเพราะเธอวิ่งไปสอดแขนคล้องเข้ากับแขนของกัมปนาทอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่ามีหนึ่งคนที่มองเธอด้วยความไม่พอใจ
