บทที่ 1 ต้องการเพื่อนดื่ม
“นั่นสิคะ...ของมีตำหนิ ใช้แล้ว ใช้ซ้ำ มันจะคู่ควรกับผู้ชายดี ๆ กับคุณได้ยังไง ไม่เหมาะสมเลยสักนิด แต่นั่นมันก็เป็นปัญหาของคุณค่ะไม่ใช่ปัญหาของฉัน” มินตราหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน และเธอก็ยกแก้วไวน์จรดริมฝีปากดื่ม
ทำเอาคนฟังถึงกับต้องหลับตาลงอย่างอดทนอดกลั้น และสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว…
“คุณสนุกนักหรือไง?”
“คุณเตอร์พูดเรื่องอะไรคะ...หมิวไม่เข้าใจ” หญิงสาวยิ้มเพียงเล็กน้อยและจ้องมองขอบแก้วไวน์ที่เปื้อนลิปสติกของตนเอง
“ผมว่าคุณเข้าใจนะคุณหมิว” น้ำเสียงที่เขาใช้กับเธอแค่เพียงเขาพูดออกมาเบา ๆ แต่กลับกดศีรษะเธอให้จมหายไปในทันที
“หมิวไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ ถ้าอยากให้เข้าใจก็อธิบายมาสิคะ” หญิงสาวเอนกายไปด้านหน้าและใช้ศอกทั้งสองข้างเท้าเคาน์เตอร์บาร์ ดวงตากลมโตมองไปด้านหน้าอย่างเลื่อนลอย
“ทำลายครอบครัวคนอื่น คุณสนุกนักหรือไง?”
“แล้วคุณคิดว่าหมิวสนุกไหมคะ?” กลีบปากบางยกยิ้มกว้างและส่งไปให้กับเขาและนั่นยิ่งทำให้ตุลธรเดือดดาลขบสันกรามจนปูดนูน
“สักวันคุณจะต้องทุกข์ทรมานกับการกระทำของคุณเอง และผมจะบอกให้นะ ไอ้เจมส์มันรักเมียมันยิ่งกว่าอะไรไม่มีทางที่มันจะมาชายตาแลคุณหรอก”
“งั้นลองกันสักตั้งไหมคะ?”
“..........”
“ถ้าเพียงหมิวกดโทรศัพท์ออกไปหาคุณเจมส์...ในค่ำคืนเงียบเหงาแบบนี้...” มือบางวาดปลายนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรู ก่อนที่เธอจะช้อนสายตาขึ้นสบมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“คุณมันผู้หญิงไร้ยางอาย!” มินตราระเบิดหัวเราะ ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มและแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง
“คุณต้องการอะไรจากผม” หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ตั้งคำถามนั้นกับเธอ
“แล้วคุณคิดว่าหมิวต้องการอะไร...ในสิ่งที่คุณคิดก็คงใช่มั้งคะ” คำตอบนั้นทำให้ตุลธรกัดฟันกรอด เขากำมือแน่นและสูดลมหายใจเข้า-ออกลึก ๆ และถามตัวเองในขณะที่ยังคุกรุ่นไปด้วยโทสะทำไมเขาถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้
“ผมเกลียดผู้หญิงแบบคุณที่สุด ผู้หญิงที่ใช้ร่างกายเข้าแลกทุกอย่าง”
“เวลาคุณไม่เมาก็พูดเจ็บแล้วนะคะ เวลาเมาแล้วฟังแล้วเจ็บจี๊ดดีจัง”
มินตราย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม แต่เธอก็ยังหยิบขวดไวน์เทรินให้กับเขาราวกับว่าคำพูดที่กรีดลึกลงในใจนั่นไม่ได้มีผลอะไรต่อคนอย่างเธอเลย
“หมิวก็ไม่ได้ขอให้คุณมารู้สึกดีหรือรู้สึกรักหมิว ดื่มให้หมดหมิวต้องการเพื่อนดื่มด้วยเท่านั้น”
“ไปหาผู้ชายคุณสิ! ไอ้พวกผู้ชายหน้าโง่พวกนั้น!”
“หมิวขี้เบื่อคุณก็รู้...ดูสิ คุณมาอยู่นี่ไม่กี่เดือนหมิวควงผู้ชายไปแล้วกี่คน” มินตราหัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
“สิ่งที่คุณมีมันอาจจะยั่วยุผู้ชายหลายคนให้สนใจคุณได้...แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผม” เกลียดชัง เขาเกลียดเธอเสียยิ่งกว่าอะไร
“แต่คุณก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้...มันน่าแปลกไหมละคะ”
“พรุ่งนี้ผมจะยกเลิกสัญญา ผมจะไม่ทำงานร่วมกับผู้หญิงอย่างคุณอีก!” คนฟังพยักหน้าและจิ๊ปากอย่างรู้สึกชอบใจ
“คุณเด็ดเดี่ยวแบบนี้หมิวถูกใจสุด ๆ แต่มันก็แล้วแต่คุณค่ะ คุณเป็นสถาปนิกและยังควบด้วยตำแหน่งอินทีเรีย ถ้าคุณจะเทงานเพียงเพราะไม่ชอบเจ้าของงาน คุณมันก็แค่คนไร้ความรับผิดชอบคนหนึ่ง” เธอตวัดสายตาดูหมิ่นมาให้เขาแต่นั่นก็แค่แวบเดียว ตุลธรเดือดปุดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหากเธอกดโทรศัพท์ออกไปครอบครัวเพื่อนอาจจะมีปัญหากันได้
“กับงานอื่นผมสู้ตาย! แต่นี่มันต้องมาเจอคนอย่างคุณ...คงไม่ต้องบอกนะว่าแต่ละวันที่ต้องเจอกันมันกล้ำกลืนฝืนทนขนาดไหน” มินตราหลับตาลงซึมซับคำพูดนั้นก่อนจะยักไหล่ไม่ยี่หระ
“งั้นก็ยกเลิกเลยค่ะ ค่าปรับยี่สิบสามสิบล้านคงไม่ทำให้ผู้รากมากดีเก่าอย่างคุณขนหน้าแข้งร่วงหรอกค่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไง...ว่าผมเป็นใคร” มินตราขยิบตาให้กับคนถาม ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นคว้าแก้วไวน์ตัวเองมาถือไว้
“อะไรที่หมิวอยากได้ หมิวจะต้องได้...หวังนะคะว่าคุณจะไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ที่จะหนีงานอย่างไร้ความรับผิดชอบนะคะ”
“คุณมัน...ออกไปให้พ้นหน้าเลย!” ตุลธรตวาดออกมาเสียงดังจนทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นหันมาสนใจเรา และก็อีกนั่นแหละ...พรุ่งนี้เธอคงจะตกอยู่ในหัวข้อสนทนาระดับจังหวัดอีกครั้ง
วูบหนึ่งที่มินตรารู้สึกหัวใจไหวหวิวแต่เธอก็หัวเราะออกมาและโครงศีรษะไปมาตามจังหวะเพลง…
