ตอนที่ 7
“เอ้านี่ น้าต้องตาฝากลูกเอาจดหมายลาของน้องไปให้คุณครูประจำชั้นด้วย แล้วก็ข้าวกล่องเรา ลืมอีกคราวนี้ไม่มีใครเอาไปส่งให้แล้วนะ” คุณทับทิมบ่นพึมพำ พลางส่ายหน้าเมื่อเห็นลูกชายตัวดีรีบคว้าของทั้งสองอย่างก่อนเดินตัวปลิวออกไป
จิรายุเงยหน้ามองหน้าต่างชั้นสองของบ้านข้างๆ คิ้วเข้มขมวดนิดๆ ใจอยากรู้ว่ายัยนั่นป่วยหนักแค่ไหนถึงขนาดต้องลาหยุดเลยหรือ ทั้งที่ปกติหากไม่ล้มหมอนนอนเสื่อพาฝันเป็นไม่ยอมหยุดเรียนเด็ดขาด
“ยัยนั่นเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ”
หลายครั้งที่คนเกเรเคยเกเรียนด้วยการป่วยการเมือง แต่ก็มีไม่น้อยที่ป่วยจริงๆ และยามที่พาฝันป่วยแต่ละครั้งทั้งสองบ้านก็แทบไม่เป็นอันทำอะไร คุณทับทิมต้องมาเฝ้าประคบประหงมหลานสาวคนโปรดข้างๆ เตียง หรือหากเขาอยู่ก็ไม่แคล้วต้องถูกเรียกให้ไปเฝ้าไข้น้องจนกว่าอาการจะดีขึ้น
“พี่จิม!”
เสียงนั้นฉุดเขาจากภวังค์สงสัย หันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท
“อ้าว! น้ำ ทำไมวันนี้เดินมาคนเดียวล่ะ เจ้านัฐไปไหน”
“พี่นัฐยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยค่ะ น้ำมีซ้อมรำตอนเช้าเลยจะไปก่อน”
“แล้วนี่น้ำจะไปยังไงล่ะ เดินไปเหรอ”
“ทีแรกก็ว่าจะนั่งสองแถวไปค่ะ แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มาซักทีกลัวสายเลยว่าจะเดินไปเรื่อยๆ ถ้าเจอรถกลางทางค่อยขึ้น”
“งั้นก็ซ้อนจักรยานไปพร้อมพี่ไหม” นัฐมลมองคนชวนด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ ก่อนพยักหน้ารับน้ำใจของอีกฝ่าย ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานของเขา
โดยทั้งสองไม่รู้เลยว่าภาพนั้นตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่มองลงมาจากหน้าต่างของบ้านหลังถัดไป
พาฝันเม้มปากแน่น เมื่อเห็นว่ามีคนมาซ้อนจักรยานที่ประจำของตน พี่นัฐมลคนนั้นดูไปแล้วก็ช่างเหมาะกับพี่จิมของเธอไม่น้อย หนุ่มหล่อสาวสวยแถมเก่งรอบด้านทั้งคู่
พี่จิมของเธอดูจะชอบนัฐมลคนนั้นอยู่เหมือนกัน เวลาอยู่ด้วยกัน เขาดูจะผ่อนคลาย หน้าตาไม่บึ้งตึง หรือทำท่ารำคาญใจเหมือนตอนอยู่กับน้องสาวข้างบ้านคนนี้
หัวใจดวงน้อยห่อเหี่ยวยามที่คิดว่าจะมีใครอีกคนแทรกตัวเข้ามายึดครองพี่ชายคนสนิทไป
“อ้าว น้องดรีม หายปวดหัวแล้วหรือลูก” คุณต้องตาหันไปทักลูกสาวที่เดินหน้าหงอยๆ ลงมาจากห้องนอน
“ดีขึ้นนิดหนึ่งค่ะ นั่นแม่กำลังทำอะไรเหรอคะ หอมจัง”
“ทำคุกกี้ช็อกโกแลตจ้า พอดีมีลูกค้าสั่งมาจะเอาพรุ่งนี้ ไปแจกวันวาเลนไทน์ที่บริษัท”
คุณต้องตามีอาชีพเสริมคือการทำขนมและเบเกอรี่ขาย แต่ไม่ได้เปิดร้านจริงจัง รับทำตามออเดอร์เป็นงานอดิเรกเท่านั้น แม้ว่าสามีจะมีหน้าที่การงานที่ค่อนข้างมั่นคงเป็นระดับผู้จัดการในบริษัทใหญ่ แต่เธอก็ไม่อยากงอมืองอเท้ารอรับเงินของเขาฝ่ายเดียว
“พรุ่งนี้...วันวาเลนไทน์” คนตัวเล็กงึมงำเบาๆ เธอจำได้ว่าใครบางคนก็ชอบกินคุกกี้รสช็อกโกแลตเหมือนกัน
“แม่คะ สอนน้องดรีมทำคุกกี้หน่อยได้ไหมคะ จะได้ช่วยแม่ทำอีกแรงไงคะ”
คุณต้องตาเงยหน้ามองลูกสาวที่ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากเข้าครัวอย่างแปลกใจ
“นะคะแม่ขา...” เจ้าตัวน้อยกอดเอวมารดายิ้มประจบ ซึ่งเป็นท่าไม้ตายที่สามารถทำให้ใครๆ ใจละลายกับความน่าเอ็นดูของเธอได้ ยกเว้นเพียงคนเดียว
“ได้สิจ๊ะ ว่าแต่หนูจะทำไปให้ใครล่ะ”
“ก็...เอ่อ...” คนเป็นแม่คลี่ยิ้มอย่างรู้ทัน แต่พอเห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายของลูกสาวก็เอ็นดู หากอีกใจก็อดรู้สึกสงสารลูกรักไม่ได้
พาฝันนั้นดูง่ายอ่านง่ายความรู้สึกที่มีจริงใจเปิดเผยไม่ซับซ้อน ต้องโทษผู้ใหญ่อย่างเธอและเพื่อนรักที่ปลูกฝังความรู้สึกของเด็กน้อยเรื่องการจับคู่มโนของพ่อแม่ ทำให้พาฝันปักใจยึดพี่ชายข้างบ้านเป็นดังสมบัติของตัวเองมาตลอด
แต่ทว่าคุณต้องตาก็ใช่จะไม่เคยรู้ว่าจิรายุแม้ต่อหน้ารายนั้นจะยอมหยวนบ้าง ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเกรงใจเพื่อนพ่อแม่ แต่ความอึดอัดของเด็กชายก็มีให้เห็นตลอดมา
“ว่าแต่ลูกน่ะไม่สบายอยู่จะทำไหวเหรอ”
“ไหวสิคะ”
“เดี๋ยวนะ นี่ลูกไม่ได้ป่วยการเมืองใช่ไหมเนี่ย”
คนถูกจับได้หลุบตาลงนิดๆ เป็นการยอมรับโดยปริยาย ที่จริงเธอก็แค่อยากรู้ว่าใครบางคนจะห่วงกันไหมหากรู้ว่าเธอไม่สบาย แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่สนใจ ไม่มาดูมาแลเหมือนเคย แถมยังให้สาวอื่นซ้อนจักรยานไปเรียนหน้าตาเฉยอีก
คิดแล้วก็น่าน้อยใจ สำหรับจิรายุเธอคงเป็นตัวน่ารำคาญเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นพาฝันก็อยากเป็นคนสำคัญของเขาบ้าง พรุ่งนี้เป็นวันแห่งความรัก หากเธอมอบของขวัญที่ทำเองกับมือด้วยความตั้งใจให้พี่จิมของเธอ และบอกความรู้สึกที่มีต่อเขาไป อยากรู้จังว่าเขาจะว่ายังไง
เพียงคิดหัวใจก็เต้นรัวเสียแล้ว...
