ตอนที่ 5
อารมณ์ขุ่นมัวยังติดค้างในใจจิรายุจนถึงเย็น เขาพยายามถ่วงเวลาอยู่ในชั่วโมงชมรมให้นานกว่าปกติ เพื่อให้ใครบางคนรอไม่ไหวจนกลับไปก่อน เด็กหนุ่มมองนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ ป่านนี้ยัยนั่นคงรอไม่ไหวกลับบ้านไปแล้ว และที่เขาแอบสงสัยคือเจ้าเพื่อนตัวดีที่ขอ กลับก่อน หรือว่ามันจะไปส่งพาฝันที่บ้าน
“ช่างประไร ดีเหมือนกัน ยัยนั่นจะได้ไม่ต้องมากวนใจเขา”
เด็กหนุ่มเก็บกีต้าร์โปร่งเข้าตู้เก็บเครื่องดนตรี เตรียมกลับบ้าน แต่พอเดินผ่านห้องชมรมนาฏศิลป์เขาก็พลันได้ยินเสียงเพลงรำดังแว่วมา จึงได้หยุดยืนมอง
เด็กสาวรูปร่างอ้อนแอ้นคนหนึ่งกำลังซ้อมรำอย่างอ่อนช้อยแต่น่าดู เธอไม่รู้ว่ามีคนแอบมองเพราะกำลังมีสมาธิกับการซ้อม ใบหน้าหวานพริ้มเพรามีรอยยิ้มงามแต้มที่ริมฝีปากนิดๆ อย่างน่ารัก ชวนให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของหนุ่มวัยรุ่นเต้นแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
“อุ๊ย! พี่จิม” นางรำแสนสวยประจำโรงเรียนอุทานเบาๆ เมื่อหันมาเห็นผู้ชมที่ประตู ใบหน้าหวานก็แต้มสีแดงระเรื่อเขินอาย
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ น้ำมัวแต่รำเลยมองไม่เห็น”
“เมื่อกี้เอง พอดีพี่เดินผ่านมาได้ยินเสียงเลยมาดูน่ะ”
น้ำ หรือนัฐมล ก้มหน้าเขินๆ กิริยานั้นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มอดใจเต้นไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายเป็นน้องสาวของเจ้าเพื่อนสนิท พบกันมานาน แต่เขาเพิ่งมาสังเกตว่าอีกฝ่ายโตเป็นสาวและดูท่าจะสวยมากเสียด้วย
“แล้วนี่น้องน้ำซ้อมเสร็จหรือยัง จะกลับยังไง หรือเจ้านัฐจะมารับ”
“พี่นัฐกลับไปแล้วค่ะ เห็นว่าจะรีบไปทำรายงานส่ง เดี๋ยวน้ำว่าจะนั่งสองแถวกลับเอง แล้วพี่จิมล่ะคะกลับยังไง ไม่ได้กลับพร้อมน้องดรีมหรือคะ”
“ไม่หรอก พี่บอกให้เขากลับไปก่อนแล้วล่ะ งั้นเรากลับพร้อมกันดีไหม”
“ก็ได้ค่ะ งั้นพี่จิมรอน้ำเก็บของแป๊บหนึ่งนะคะ”
“ครับ” ดวงตาคมกล้าทอดมองแก้มแดงระเรื่อของสาวน้อยนางรำด้วยความรู้สึกใจเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ
สองหนุ่มสาวเดินออกจากตึกชมรมพร้อมกัน ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นดูแล้วแสนโรแมนติก โดยที่จิรายุมัวแต่สนใจเด็กสาวที่เดินเคียงข้าง จนไม่ได้สังเกตรอบกาย เขาจึงไม่ทันได้เห็นใครบางคนที่ยืนรอเขาที่ม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าตึกกิจกรรม
“พี่จิม...” เสียงเรียกนั้นถูกกลืนหายลงคอไป เมื่อเห็นว่ามีใครเดินเคียงข้างพี่ชายคนสนิทของเธอ พาฝันมองใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มในยามที่คุยกับนัฐมล แล้วอดแปลกใจไม่ได้
พี่จิมของเธอไม่เคยยิ้มใจดีแบบนั้นให้เธอนานเท่าไหร่แล้วนะ จำไม่ได้ เพราะสำหรับเธอมันก็แค่ตัวน่ารำคาญที่คอยทำให้จิรายุหน้าบูดบึ้งใส่ตลอดศก คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้
หากเธอวิ่งไปหาคนทั้งสองตอนนี้ รอยยิ้มของพี่จิมจะหายกลายเป็นหน้าบูดบึ้งตามเดิมหรือเปล่านะ ใบหน้าใสๆ หม่นหมอง พอเห็นทั้งสองเดินไปไกล เจ้าตัวจึงรีบจูงจักรยานเดินตามไป แต่ทว่าก็ไม่ทันเพราะทั้งสองคนนั้นขึ้นรถสองแถวไปเสียแล้ว
โดยไม่รู้เลยว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ ยืนรอเขาเพื่อกลับบ้านพร้อมกันอย่างเคย...
จิรายุเดินผิวปากเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่นั่งรถเลยไปส่งนัฐมลกลับบ้านก่อน แล้วค่อยเดินย้อนกลับมาบ้านตัวเอง โดยที่ไม่มีตัวป่วนคอยกวนใจเช่นที่เคย
“ตาจิม กลับมาแล้วเหรอลูก อ้าว! แล้วน้องดรีมล่ะ” พอมาถึงก็เจอแม่ยกของพาฝันยิงคำถาม
“ไม่รู้สิครับ พอดีวันนี้ผมเลิกชมรมช้า เลยให้น้องปั่นจักรยานกลับมาก่อน ยังมาไม่ถึงอีกหรือครับ”
“แม่ยังไม่เห็นน้องกลับมานี่ลูก” คุณทับทิมหันไปสบตามารดาของพาฝันที่นั่งข้างๆ ที่ส่ายหน้าว่ายังไม่เห็นลูกสาวกลับมาเช่นกัน
“เย็นมากแล้วนะ ดูท่าฝนตั้งเค้าจะตกเสียด้วย แม่ชักจะเป็นห่วงน้อง”
จิรายุใจหายวาบ ไม่ใช่ว่ายัยนั่นจะยังรอเขาที่โรงเรียนหรอกนะ
“อ้าว! ตาจิม นั่นจะไปไหนน่ะลูก” คุณทับทิมร้องถาม เมื่อเห็นลูกชายผลุนผลันจะออกจากบ้านทั้งๆ ที่เพิ่งมาถึง
“ไปดูที่โรงเรียนครับ”
