บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

นานวันเข้าเด็กชายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นก็มักจะชอบผลักไสน้องสาวข้างบ้านจอมจุ้นจ้านให้ไปไกลๆ เสมอ

“พี่จิมจ๋า รอน้องดรีมด้วย...” เสียงเจื้อยแจ้วตะโกนข้ามรั้ว เมื่อเห็นพี่ชายข้างบ้านกำลังลากรถจักรยานจะปั่นไปโรงเรียน

จิรายุในวัยสิบหกย่างเข้าสิบเจ็ดปีทำหูทวนลม มือเร่งจูงจักรยานออกไปไม่เหลียวหลัง

“ตาจิม! น้องเรียกไม่ได้ยินเหรอลูก รอน้องด้วยสิ” เป็นคุณทับทิมที่เดินออกมาจากบ้าน ช่วยเรียกพ่อลูกชายตัวดีไว้ก่อนที่จะดอดหนีน้องไปโรงเรียนก่อน

จิรายุถอนหายใจแรงๆ ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ เขาหรืออุตส่าห์สอนยัยตัวยุ่งนี่ให้ปั่นจักรยานแทบตาย หมายใจว่าถ้าเธอปั่นเป็น ก็จะได้ปั่นไปโรงเรียนเอง ไม่ต้องหาเหตุมาซ้อนจักรยานกินแรงเขาไปโรงเรียนทุกวี่วัน แต่ก็นั่นแหละ ถึงปั่นเป็นแต่สุดท้ายพาฝันก็ไม่ยอมปั่นไปเอง ต้องวิ่งแจ้นมาขอซ้อนจักรยานไปโรงเรียนกับเขาทุกเช้าอยู่ดี โดยใช้ข้ออ้างที่ตัวเองปั่นจักรยานไม่แข็งและกลัวล้ม

ซึ่งยัยนี่ก็ปั่นจักรยานล้มบ่อยจริงๆ น่ะแหละ แล้วล้มแต่ละทีก็ได้แผลเจ็บตัวกันไปมากบ้างน้อยบ้าง ที่น่าหมั่นไส้สำหรับเขาคือยามที่เห็นยัยจอมยุ่งนี่มีแผลทั้งพ่อแม่เขาและพ่อแม่เธอก็จะคอยมาโอ๋คนเจ็บเสียจนน่าเบื่อ โดยเฉพาะแม่เขานี่แหละ เห็นแม่คนโปรดเจ็บหน่อยเดียวเป็นไม่ได้ต้องรีบมาปลอบขวัญยกใหญ่

ครั้นจะหนีทิ้งให้ไปโรงเรียนเอง แม่เขาก็ออกโรงปกป้องแม่คนโปรดอีก

ลำพังทำโทษเขาไม่กลัวหรอก แต่ขี้เกียจฟังเทศนาของมารดาที่จะทำให้เขาหูชาไปตลอดวันนี่สิ มันไม่น่าสนุกเอาเสียเลยสำหรับเด็กผู้ชายที่เริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่น เพราะยัยตัวแสบนี่คนเดียวที่สร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเขา ตั้งแต่เธอเกิดมาไม่มีวันไหนที่ชีวิตเขาจะสงบสุขเลยสักวันเดียว

นี่เขาต้องทนรับมือ ‘ตัวน่ารำคาญ’ นี่ไปถึงไหนนะ น่าเบื่อที่สุด

“พี่จิมรู้ไหมคะว่าวันมะรืนเป็นวันอะไร”

“วันศุกร์ไง ซื่อบื้อจริงแค่นี้ก็ไม่รู้” พาฝันแอบค้อนใส่หลังพี่ชายข้างบ้านที่ลับหลังผู้ใหญ่แล้วปากจัดใช่ย่อย

“นอกจากวันศุกร์แล้ว พี่จิมรู้ไหมว่ามันสำคัญยังไง”

“สำคัญยังไง มันก็เหมือนทุกวัน” เหมือนตรงที่ไม่ว่าจะวันไหนๆ เขาก็ต้องเป็นเบ๊ให้แม่จอมยุ่งนี่อยู่ดีน่ะสิ น่าเบื่อ!

“พี่จิมนี่ ไม่รู้อะไรบ้างเลย มะรืนนี้เป็นวัน...”

ยังไม่ทันตอบ ทั้งสองก็เข้าเขตโรงเรียนเสียก่อน ด้วยความหมั่นไส้เจ้าคนพูดไม่หยุด จิรายุจึงเบรครถจักรยานพรืดจนคนซ้อนหน้าทิ่มใส่หลังเขา

“โอ๊ย! พี่จิมบ้า เบรกซะแรงเลย โอย...หัวโนหรือเปล่าเนี่ย”

“ลงไปได้แล้ว พี่จะเอารถไปจอดที่โรงเก็บ”

เด็กหญิงตะกายลงจากเบาะ พลางลูบศีรษะป้อยๆ ทำท่าจะเดินตามไปด้วยกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่หันมาเบรคเสียก่อน

“เข้าไปก่อนเลยไม่ต้องรอ”

“ก็เข้าไปพร้อมกันสิคะ น้องดรีมรอได้ไม่ได้รีบ ยังเช้าอยู่เลย”

“รอทำไม ตัวไม่ได้ติดกันซักหน่อย เรียนก็คนละชั้น คนละตึก เธอเดินเข้าไปก่อนเลย” เด็กหนุ่มรีบกวัดไกวไสส่ง

“แล้วตอนเย็นพี่จิมจะรอน้องดรีมไหมคะ”

“วันนี้พี่มีชมรมกลับช้า เธอจะกลับก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอ จะเอาจักรยานพี่กลับบ้านไปก่อนก็ได้นะ” จิรายุบอกอย่างใจป้ำแต่จริงๆ คือการกวัดไกวแม่ตัวน่ารำคาญ

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องดรีมรอได้ กลับพร้อมกันดีกว่า แม่กับคุณป้าทับทิมจะได้ไม่เป็นห่วง”

พอเธอเอาบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมาอ้าง จิรายุจึงต้องเก็บปาก ช่างสิ อยากรอก็รอไป เขาจะแกล้งให้รอเสียให้เข็ดเลยคอยดู

“อ้าว! จิม นายเพิ่งมาถึงเหมือนกันเหรอ”

เสียงทักทายนั้นทำให้สองพี่น้องต่างสายเลือดต้องหยุดราวีกันชั่วขณะ คนทักคือเพื่อนร่วมชั้นของเขา ที่มีน้องสาวซ้อนท้ายมาด้วย

“อืม...เพิ่งมาถึง”

“สวัสดีตอนเช้าจ้าน้องดรีมคนสวย”

“สวัสดีค่ะพี่นัฐ พี่น้ำ” พาฝันทักทายเพื่อนสนิทของพี่ชายข้างบ้าน และเลยไปถึงนัฐมลน้องสาวของเขาซึ่งเรียนในชั้นโตกว่าพาฝันสองปี บ้านของทั้งสองอยู่ซอยถัดจากบ้านเธอไปสองซอยเท่านั้น นัฐพลเรียนชั้นเดียวกับจิรายุมาตั้งแต่ม.1 จนตอนนี้ม.5 แล้วทั้งคู่ก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน ทำให้พลอยรู้จักกันไปด้วยทั้งสี่คน นัฐมลยิ้มให้พาฝัน ก่อนแลเลยไปยังเพื่อนของพี่ชายที่ยืนทำหน้านิ่งขรึม ก่อนหน้าแดงระเรื่อโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel