ตอนที่ 2
“ว่าที่ลูกสะใภ้เรา น่าเอ็นดูเหลือเกิน”
“ไงเจ้านุ ลูกสะใภ้คนนี้ของฉัน นายจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ดีว่ามาเลย พ่อทุ่มไม่อั้น” แทนที่จะปราม แต่ทว่าคุณจอมพล ปรีดากุล กลับเห็นดีเห็นงามกับเมียรัก
ในเมื่อสองครอบครัวต่างก็รู้จักสนิทสนมกันฉันท์เพื่อนรักเพื่อนสนิทกันมานาน เพราะคุณภานุ ปัญจรักษ์ เป็นเพื่อนกับคุณจอมพล ปรีดากุล มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ประถมด้วยกัน และทั้งคู่ยังมาพบรักกับรุ่นน้องสมัยมัธยมอย่างคุณต้องตาและคุณทับทิมซึ่งทั้งสองก็เป็นเพื่อนซี้กันอีก ทำให้สองครอบครัวยิ่งมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น
เมื่อแต่งงานกันสองครอบครัวก็ยังมาซื้อบ้านติดกันเป็นเรือนหอเพื่อไปมาหาสู่กันอีก จนกระทั่งทั้งสองบ้านมีลูก โดยบ้านปรีดากุลมีลูกชายชื่อ จิรายุ หรือ จิม ส่วนบ้านปัญจรักษ์ก็เพิ่งมีลูกสาวแรกคลอดคือ เด็กหญิงพาฝัน หรือ น้องดรีม สองบ้านวาดฝันที่จะเชื่อมความสัมพันธ์อีกขั้นจึงตกลงว่าหากเด็กทั้งสองโตขึ้นก็จะจับคู่ให้เหมือนในนิยายพาฝันที่พวกแม่ๆ ทั้งสองชื่นชอบ แต่ทว่า...
“ผมไม่เอา!”
ผู้ใหญ่ทั้งสี่ถึงกับชะงัก หันไปมองคนพูดเป็นตาเดียว
“ตาจิม เมื่อกี้ลูกว่าอะไรนะจ๊ะ” ผู้เป็นแม่ถาม
“ผมไม่เอาครับ ไม่เอาเจ้าสาว คนนี้! ไม่เอา!”
“แล้วกันเจ้าลูกคนนี้ ไม่เอาเจ้าสาวแล้วลูกจะเอาเจ้าบ่าวหรือไง หืม”
“เอ๊...คุณจอมนี่ไปพูดกับลูกแบบนั้นได้ยังไงคะ” คนเป็นภรรยาปราม ก่อนหันไปถามบุตรชายที่เพิ่งดึงนิ้วมือออกจากมือน้อยๆ สำเร็จ ส่วนสร้อยรับขวัญนั่นก็หล่นอยู่ข้างๆ เจ้าตัวเล็กในเปล
“ทำไมล่ะลูก ทำไมลูกถึงพูดแบบนั้น น้องดรีมน่ารักออก ดูสิ น้องท่าทางชอบลูกด้วยนะ จับมือลูกแน่นเชียว”
“ผมไม่ชอบ น้องไม่เห็นน่ารัก ตัวก็ย่นเหมือนหนอน แถมยังขี้แยด้วย น่ารำคาญจะตาย”
“ตายแล้วลูกชายฉัน ทำไมพูดจาน่าเกลียดแบบนี้ล่ะ” คุณทับทิมร้องลั่น พลางหันไปหามารดาของทารกน้อยที่เธอหมายตา
แต่คุณต้องตาดูเหมือนจะไม่ได้ถือสาหาความ ยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนเคย ทำให้เธอโล่งอกที่เพื่อนรักไม่ถือโกรธปากคอลูกชายตัวดี
“ขอโทษแทนพ่อตัวดีของฉันด้วยนะต้องตา แต่เรื่องที่พูดมาน่ะฉันเอาจริงนะ”
“โธ่เอ๊ย มาขอโทษทำไมล่ะจ๊ะทับทิม ฉันไม่ถือสาตาจิมหรอก เธอนั่นแหละ อย่าไปบังคับลูกเลย ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่กันหรือรักกันจริง ก็คงหนีกันไม่พ้น แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าไปฝืนโชคชะตาหรือฝืนใจลูกเลยนะ” คนพูดหันไปที่เด็กชายที่เธอเห็นมาแต่อ้อนแต่ออก และเอ็นดูเสมือนลูกชายอีกคน “จริงไหมตาจิม”
เด็กชายมองหน้าคุณน้าต้องตาด้วยแววตาเฉลียวฉลาด ก่อนพยักหน้าหงึกหงัก เขาชอบคุณน้าทั้งสอง แต่การจะให้อยู่กับเจ้าลูกหนอนขี้แยนี่ไปตลอดชีวิต มันคงไม่สนุกนัก
“นั่นสิคุณ เราอย่าเพิ่งใจร้อนเลยน่า เอาไว้ให้ลูกโตก่อนค่อยให้เขาตัดสินใจเองดีกว่านะ”
เด็กชายทำหน้าบูดบึ้ง มองเจ้าหนอนย่นในเปลที่เริ่มจะเบะปากเตรียมแผดเสียงออเคสตร้าอีกครั้งอย่างหมายมาด ตาแป๋วแหววมองพี่ชายด้วยความไร้เดียงสา
จ้างให้เขาก็ไม่มีวันเอาเด็กขี้แยนี่มาเป็นเจ้าสาวแน่นอน คอยดู!
วันเวลาผ่านไป ดูเหมือนเด็กชายจิรายุจะตั้งป้อมตามที่คิดกับน้องสาวข้างบ้านที่นับวันจะติดพี่ชายต่างสายเลือดแจ
จิรายุเป็นเด็กที่มีนิสัยนิ่งขรึม มีโลกส่วนตัวสูง จึงรู้สึกรำคาญน้องสาวข้างบ้านจอมจุ้นทุกครั้งที่เธอเข้ามาวอแวใกล้ๆ เขา อยู่บ่อยๆ ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษแม่เขานี่เอง ที่มักจะพาแม่ตาแป๋วแก้มยุ้ยนี่ไปมาหาสู่กันทุกวันราวกับพาฝันเป็นลูกสาวอีกคนก็ไม่ปาน
ตอนเล็กหน่อยก็ไม่เท่าไหร่ เพราะเวลาที่เขารำคาญมากๆ ก็ยังหนีได้ แต่ทว่าพอเด็กหญิงเริ่มโตขึ้นและเดินได้พูดได้ เขาก็เริ่มหนีไม่พ้น แถมยัยตัวดียังมีกองหนุนเป็นพ่อแม่เขาที่ดูจะเห่อลูกสาวเพื่อนบ้านเสียยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆ ของยัยเด็กนี่
เอะอะๆ ก็หนูดรีมของป้า หนูดรีมของลุง กรรมก็เลยมาตกที่เขาเต็มๆ ที่ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กน้อยจอมวุ่นวายนี่ ไหนจะต้องถูกพวกแม่ๆ บังคับให้เลี้ยงน้อง เล่นกับน้อง ช่วยสอนน้องทำนู่นทำนี่ มันทำให้เขาแอบเบื่อหน่ายที่ต้องเล่นกับเด็กผู้หญิงนุ่มนิ่มขี้แยอย่างพาฝัน ทั้งที่พยายามหาทางเลี่ยงให้ห่างจากเธอเสมอ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเด็กหญิงยึดเขาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวและติดเขาแจ โดยคำที่มักจะติดปากทุกเวลา
‘พี่จิมของน้องดรีม’
ดูท่ายัยนี่จะอินกับสิ่งที่แม่เขาพยายามกล่อมประสาททุกวันว่าในอนาคต เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขา
เชอะ! ฝันไปเถอะ ไม่มีวันนั้นง่ายๆ หรอกน่า
