ตอนที่ 1
“แง้...”
เสียงร้องไห้จ้าของทารกน้อยทำให้เด็กชายวัยสามย่างสี่ขวบแอบชะเง้อหน้ามองเจ้าวัตถุที่กำลังผลิตเสียงแสบแก้วหูนั่นอย่างสนใจ ความเป็นลูกคนเดียวทำให้ไม่เคยเห็นหรือคลุกคลีกับเด็กทารกแรกเกิดที่ไหน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าจึงทั้งน่าพิศวงและชวนให้อยากรู้อยากเห็น
“เข้ามาดูน้องใกล้ๆ สิจ๊ะตาจิม”
เด็กชายจิรายุ ปรีดากุล หรือจิม หันไปมองเจ้าของเสียงอบอุ่นที่เอ่ยพลางกวักมือเรียกตนเข้าไปหาเจ้าลำโพงตัวน้อยอย่างรักใคร่เอ็นดู
“ไปสิลูก กลัวอะไร น้องออกจะน่ารัก” เด็กชายหันไปมองหน้ามารดาที่เดินตามเขาเข้ามาแถมยังรุนหลัง ทำให้เขาจำต้องเดินไปที่เปลเด็กอ่อน
“นี่ไงจ๊ะ น้องดรีม น้องสาวคนใหม่ของลูก น่ารักไหม”
ทารกแรกเกิดตัวแดงแจ๋ผิวยับย่นยังไม่เข้าที่ทำให้เด็กชายมองนิ่งและประเมินในใจว่าเด็กตรงหน้าห่างไกลจากคำว่าน่ารักไปไกลมาก เขาไม่ชอบเสียงดัง แต่เด็กน้อยนี่กลับแหกปากเสียจนน่ากลัวว่าเส้นเสียงจะพังก่อนโตเหลือเกิน แต่พวงแก้มยุ้ยๆ กับดวงตาที่กลมใสแจ๋วนั่นก็ชวนให้น่าจับต้องไม่น้อยแฮะ
ราวกับได้ยินความในใจ จู่ๆ ทารกน้อยก็หยุดร้องไห้ พลางจ้องมองมาที่พี่ชายคนใหม่ตาแป๋ว ปากสีแดงอมชมพูน่ารัก โค้งขึ้นนิดๆ ราวกับทักทาย
“ต๊าย! ดูสิ พอตาจิมเข้ามา เจ้าตัวเล็กของเราก็หยุดร้องเลย แถมส่งยิ้มหวานให้เสียด้วย” มารดาของเด็กชายเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ไงจ๊ะ หนูดรีม ชอบพี่จิมของเราใช่ไหม หืม...”
คุณต้องตาผู้เป็นมารดาของเด็กทารกน้อยถึงกับส่ายหน้าในความมโนเป็นตุเป็นตะของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่ได้ขัดคออะไร
“ดูสิต้องตา ดูลูกสาวเธอ ยิ้มรับเสียด้วย ถ้าชอบพี่เขา งั้นพอโตขึ้นป้าจะให้หนูเป็นเจ้าสาวของพี่จิมดีไหมลูก”
มือที่กำลังเอื้อมไปที่แก้มใสๆ มีอันหดชะงัก เงยหน้ามองมารดาที่เอาแต่ยิ้มแป้นอย่างงุนงง
“เจ้าสาว! เจ้าสาวคืออะไรครับ” ดวงตาที่ฉายรอยเฉลียวฉลาดจ้องหน้าบุพการีเขม็ง
“เจ้าสาวก็คือผู้หญิงที่ลูกจะแต่งงาน แล้วก็อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตน่ะสิลูก เหมือนพ่อกับแม่ แล้วก็น้าต้องตากับน้าภานุไงล่ะจ๊ะ”
คนฟังทำหน้าเบ้ พลางหันไปมองคนตาแป๋ว ที่ส่งยิ้มเล็กๆ ให้อย่างผูกมิตร
“เจ้าสาว” เด็กชายชี้ไปที่เปล “น้องคนนี้เหรอครับแม่”
“ใช่จ้ะ แม่จองน้องไว้ให้เป็นเจ้าสาวของลูกไง ดีไหม”
“ทับทิม!” แม่ของเด็กน้อยที่ถูกตีตราจองตั้งแต่อายุได้ไม่ถึงห้าวันร้องเรียก พลางส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มอย่างขำขันมากกว่าโกรธจริงจัง “เจ้าสาวอะไรกันจ๊ะ ลูกๆ ของพวกเรายังเด็กอยู่เลย เธอนี่ก็พูดไปเรื่อย ดูสิ ตาจิมงงหมดแล้วนั่นน่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ลูกสาวเธอคนนี้ฉันจองแล้ว ไหนๆ ก็มีลูกสาวไม่ได้ ก็ขอมาเป็นลูกสะใภ้นี่แหละ เนอะลูกเนอะน้องดรีมคนสวยของป้า” คุณทับทิมพยักพเยิดกับทารกน้อยที่ตอนนี้หยุดร้องไปแล้ว ตาแป๋วแหววจ้องมองราวกับรู้ความ แถมส่งยิ้มรับอ้อแอ้
“จริงสิ ฉันเตรียมของมารับขวัญหลานด้วยนี่ไง ตาจิมเอาไปให้น้องสิลูก”
เด็กชายหันไปรับถุงสีแดงๆ เล็กๆ จากมือแม่มาเปิดดูอย่างอยากรู้ ก่อนที่จะหยิบกำไลทองคำวงเล็กๆ น่ารักน่าเอ็นดูออกมาจากถุง
“รอเดี๋ยวลูก อ่ะนี่เอานี่ให้น้องด้วย” คนพูดถอดแหวนจากนิ้วนางข้างซ้ายของตนออก
“เดี๋ยวทับทิม นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ” คุณต้องตาเอะอะ เมื่อเห็นเพื่อนรักถอดแหวนวงที่รักออกจากนิ้วยัดใส่มือลูกชายตัวเอง
“ก็หมั้นลูกสาวเธอให้ตาจิมไงล่ะ รีบสวมให้น้องสิลูก ที่มือน่ะ”
เด็กชายมองหน้าคนนู้นคนนี้อย่างงุนงง ไม่เข้าใจ หากระหว่างที่กำลังลังเลว่าควรทำอย่างไรนั้นเอง
หมับ! ยังไม่ทันได้ทำตามคำสั่งของแม่ จู่ๆ นิ้วเล็กๆ ก็คว้าจับของในมือของเด็กชายหมับจนฝ่ายนั้นสะดุ้ง เกือบกระตุกมือหนีอย่างตกใจ แต่พอเห็นปากจิ้มลิ้มส่งรอยยิ้มน่ารักมาให้แทนการเบะร้องไห้จ้า ก็เลยปล่อยให้จับอยู่อย่างนั้น
ภาพนั้นทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันมายิ้มให้แก่กัน
“ต๊าย ดูสิเธอ ยัยหนูของเราตอบรับหมั้นพี่จิมแล้วแถมยิ้มหวานให้เสียด้วย ดูสิคะพ่อ” นอกจากจะไซโคเพื่อนรักแล้ว คุณทับทิมยังหันไปขอเสียงสนับสนุนจากสามีที่เดินตามหลังเข้ามาพร้อมกับบิดาของแม่หนูน้อยในเปล
