บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ภรรยาที่เข้าร่วมพิธีหนีไปกับชายอื่น 2

คฤหาสน์ตระกูลเฟิ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านคนรวยของเฟิงเฉิง เป็นพื้นที่ที่มีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด กล่าวกันว่าบรรพบุรุษของตระกูลที่ได้ครอบครองที่ดินในหมู่บ้านเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา

หลังจากได้รับข่าวจากกลุ่มชายฉกรรจ์ เฟิ่งหานก็เข้านอนกับภรรยาอย่างสงบสุข ลูกสาวของพวกเขาเข้าไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ และบอกว่าจะพักที่โรงแรมใกล้ๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครรอพวกเธอกลับมา ค่ำคืนนี้สำหรับตระกูลเฟิ่งมันคือค่ำคืนแห่งอิสรภาพและความเจริญรุ่งเรือง

ทว่าพวกเขาคำนวณพลาดไปเล็กน้อย

หากสิ่งที่พวกเขากำลังคิดทำไม่ประสบผลสำเร็จ หายนะจะกลับมาเยือนตระกูลเฟิ่งในท้ายที่สุด

น่าเสียดาย...สิ่งที่ควรเกิด กลับไม่เกิดขึ้น

คฤหาสน์หลังใหญ่ทรงยุโรปตั้งตระหง่านภายใต้แสงจันทร์สีเงินยวง ในช่วงฤดูสารทต้นไม้โดยรอบผลัดใบจนเหลือแต่เพียงกิ่งแห้งส่ายไหวไปมาตามแรงลม บริเวณโดยรอบมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากรั้วบ้านและหน้าประตูเท่านั้นที่เปิดทิ้งไว้ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในค่ำคืนนี้ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่ามีรถสีดำจอดอยู่หน้ารั้ว ร่างสีแดงค่อยๆ ปรากฏในความสลัว

“แน่ใจหรือว่าจะไม่เป็นไร” ชายชราในรถยังคงไม่วางใจ

“ไม่เป็นไร ขอบคุณทั้งสองมาก” โม่ซินเอ่ยเสียงเบา

“ถ้าอย่างนั้นจำไว้ หากมีปัญหาอะไรให้โทรหาฉันรู้หรือเปล่า”

“อืม” นางตอบรับในลำคอ ยืนรอให้รถสีดำเคลื่อนตัวออกไปเงียบๆ

กระแสลมโชยพัด ผมสีเข้มยุ่งเหยิงพัดปลิว ร่างสีแดงหันกลับมาที่หน้าประตูรั้วบ้าน ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงอย่างไร้อารมณ์

หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายในตอนนี้

หากบอกว่าเฟิ่งโม่ซินไม่รู้สึกอะไรกับตระกูลเฟิ่งเลยนั่นย่อมเป็นเรื่องโกหก หลังจากถูกรับมาเลี้ยงดูแม้นางจะไม่ทราบว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องการรับลูกสาวเพิ่มทั้งๆ ที่มีอยู่แล้วตั้งสองคน แต่ตระกูลเฟิ่งเป็นตระกูลร่ำรวยในเฟิงเฉิงจึงไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจมากนัก ด้วยเหตุนี้เฟิ่งโม่ซินจึงเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนและไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลยแม้สักครั้ง

กระนั้นแล้วนางก็ไม่ใช่คนโง่

รู้ดีว่าตระกูลเฟิ่งเลี้ยงดูนางเพื่อเหตุผลบางอย่าง นางจึงระมัดระวังในการใช้ชีวิตเสมอ อาศัยมันสมองและความรู้ที่มีอยู่เริ่มลงทุนเล็กๆ น้อยๆ และเริ่มเรียนรู้ความรู้ที่อยู่นอกเหนือจากวิชาเรียน ขณะเดียวกันก็เริ่มก้าวเข้าสู่แวดวงบันเทิงด้วยการแสดงความสามารถเล็กๆ น้อยๆ

เพียงแต่เฟิ่งโม่ซินไม่ได้คาดคิดว่าหลังจากเลี้ยงดูนางมาจนอายุสิบแปดปี พวกเขากลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้

เดิมทีนางสามารถจากบ้านตระกูลเฟิ่งไปอย่างเงียบๆ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทว่าน่าเสียดาย...

นางจะยอมให้คนที่ทำให้นางบาดเจ็บเจียนตายอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร?

หึ...ใบหน้าสวยงามแม้จะขะมุกขะมอมไปบ้าง ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็นในดวงตาหงส์

นางเดินไปที่มุมหนึ่งของรั้วบ้านซึ่งปราศจากกล้องวงจรปิด กลั้นหายใจแล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดส่งตัวเองปีนขึ้นไปบนกำแพงอย่างยากลำบาก

ตุบ!

กระทั่งเท้าแตะถึงพื้น ร่างในชุดแต่งงานสีแดงก็เต็มไปด้วยฝุ่น ขาของนางไร้เรี่ยวแรงจนสุดท้ายต้องกลิ้งไปตามพื้นดินแข็งๆ ข้างรั้วบ้าน ใบหน้าของนางเหยเกด้วยความปวดร้าว ริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อไม่ให้ตนเองเปล่งเสียงออกมา

บัดซบจริงๆ หากไม่ต้องถ่ายพลังให้กับเขา นางยังคงพอมีพลังงานเยียวยาตัวเองอยู่บ้าง แต่กลายเป็นว่าตอนนี้นางรู้สึกเหนื่อยและง่วงเหลือเกิน

โม่ซินซ่างเสินเคยอ่อนแอจนไม่มีแม้แต่แรงจะฆ่าไก่ตั้งแต่เมื่อไร?

นัยน์ตาหงส์เต็มไปด้วยความหงุดหงิด นางยันตัวลุกขึ้น ลากสังขารที่ปวดร้าวเดินลากเท้าไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ หลังจากนั้นก็ผลักประตูเล็กๆ ของบ้านแล้วเดินเข้าไป

ห้องของนางอยู่บนชั้นสองซึ่งเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุด ทว่าเฟิ่งโม่ซินในอดีตไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับการปฏิบัติที่ได้รับจากพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วนางก็เป็นเพียงลูกบุญธรรมที่ได้รับความเมตตาจากคู่สามีภรรยาของตระกูลเฟิ่ง

ร่างของหญิงสาวเดินฝ่าความมืดไปยังชั้นสอง หลังจากเปิดดวงตาสวรรค์แล้ว การมองเห็นในที่มืดก็ไม่ได้ลำบากอีกต่อไป กระทั่งนางเปิดประตูเข้าไปและเปิดไฟในห้อง ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็ทำให้เลือดในกายของนางเย็นเยียบ

ข้าวของทั้งหมดของนางถูกรื้อค้นอย่างหยาบคาย หนังสือเรียน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกวางกระจัดกระจายราวกับถูกพายุหอบ แม้กระทั่งลิ้นชักเล็กๆ ที่ถูกล็อกกุญแจไว้ก็ยังคงมีร่องรอยของการงัดแงะ โชคดีที่อีกฝ่ายคงคิดว่านางไม่กลับมาแล้ว พวกเขาจึงปล่อยทิ้งไว้อย่างชะล่าใจ

โม่ซิน...ไม่สิ ตอนนี้นาง...เธอคือเฟิ่งโม่ซิน

ราวกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ความคาดหวังเสี้ยวสุดท้ายของเฟิ่งโม่ซินในอดีตหายไปตลอดกาล

เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงรับเลี้ยงและฆ่าทิ้งได้อย่างเลือดเย็นถึงเพียงนี้ ความผูกพันสิบกว่าปีที่ผ่านมากลายเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ?

ทว่าแม้จะไม่อยากเชื่อ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็กลายเป็นหลักฐานชั้นดี

พวกเขาทำราวกับว่านางไม่ใช่ส่วนหนึ่งในตระกูลเฟิ่งอีกต่อไป

เฟิ่งโม่ซินกัดริมฝีปากหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ขนตาเป็นแพสั่นไหวเช่นเดียวกับอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของนาง ทว่าเมื่อนางลืมตาขึ้น ความอ่อนแอในดวงตาก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันใด

ตระกูลเฟิ่ง...

เปิ่นจุนจะทำให้พวกเจ้ารู้ว่าจะทำลายชีวิตของเปิ่นจุนนั้นไม่ง่ายเลย

เฟิ่งโม่ซินแค่นเสียงเย็นชาแล้วเดินข้ามข้าวของที่กระจัดกระจายไปยังห้องน้ำ เธอเปิดไฟแล้วปิดประตู เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับหญิงสาวในชุดแต่งงานสีแดง

หัวใจของเฟิ่งโม่ซินหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันใด

เธอเบิกตากว้างด้วยความเสียอาการ หญิงสาวในกระจกสวมชุดแต่งงานสีแดง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงราวกับรังนก ขณะเดียวกันใบหน้าของเธอนั้นขาวซีดเนื่องจากเสียเลือดมาก บางจุดมีรอยฟกช้ำและรอยถูกหญ้าบาด ทว่าอะไรก็ไม่ทำให้นางตกใจเท่ากับริมฝีปากที่บวมเจ่อ รวมถึงมีรอยแตกจากการต่อสู้

สภาพของเธอในตอนนี้ช่างห่างไกลกับโม่ซินซ่างเสินผู้งดงามหาใดเปรียบโดยสิ้นเชิง

เธอยกมือกุมอกด้วยความสะเทือนใจ สิ่งเดียวที่นางหมกมุ่นก็คือการรักษาความงามให้อยู่บนจุดสูงสุดของสามพันโลก

ไม่ได้การ เธอต้องหาวิธีปลดผนึกพลังในร่างกายด้วยวิธีการที่รวดเร็วที่สุด เฟิ่งโม่ซินพยายามควบคุมลมหายใจของตนแล้วหลับตาลง ความเจ็บปวดในร่างกายทุเลาลงมากแล้ว ทว่าเธอรู้ดีว่าบาดแผลภายนอกยังคงมีร่องรอยน่าเกลียดอยู่ตามแขนและขา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอต่อสู้กับพวกมัน ร่างกายของเฟิ่งโม่ซินก็สั่นเทาด้วยความโกรธ ผิวเรียบเนียนของเธอถูกคนเหล่านั้นทำลายจนกลายเป็นรอยฟกช้ำน่าเกลียด

ความแค้นที่ทำให้ร่างกายของเธอเกิดบาดแผลไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ยังไม่นับที่พวกมันคิดจะข่มขืนเธอหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ

เพียงแค่คิดเพลิงโทสะก็พวยพุ่งจนใบหน้าของเธอแดงก่ำ เมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีเข้มก็มีประกายสีทองจางๆ ราวกับเปลวเพลิง

ชีวิตของเฟิ่งโม่ซินเกือบจะหายไปด้วยวัยเพียงสิบแปดปี ขณะที่เซียวลู่หรงเกือบตายเพราะมือมืดที่มองไม่เห็น หากว่านักพรตเสวียนคงไม่มีความสามารถมากพอ เกรงว่าชีวิตนี้ของเฟิ่งโม่ซินและเซียวลู่หรงจะหายไปตั้งแต่คืนนี้

เธอต้องตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นตระกูลเฟิ่งจึงตัดใจสังหารเธอลง

ขณะเดียวกัน...เซียวลู่หรง

ผู้บุรุษผู้นั้นกล้ากัดปากเธอทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สติ สวรรค์เป็นพยาน เธออยากรู้นักถ้าเขาทราบเรื่องนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นหรงชิงหรือเซียวลู่หรง เธอก็ต้องทวงหนี้ดอกท้อจากเขาให้ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ไกลออกไปจากใจกลางเมือง

บ้านพักตากอากาศของตระกูลเซียว ร่างบนเตียงค่อยๆ กระดิกนิ้วอย่างเชื่องช้า ขนตาเป็นแพหนาสั่นไหวราวกับปีกผีเสื้อ ใบหน้าที่เคยเผือดสีของชายหนุ่มกลายเป็นสีชมพูอ่อนอย่างคนสุขภาพดี ทันใดนั้นเปิดตาหนาก็ค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นดวงตาลึกซึ้งราวกับบ่อน้ำโบราณ

“นายน้อยตื่นแล้วหรือ?”

ชายหนุ่มกระแอม ใบหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความสับสน เขาถูกพ่อบ้านเซียวดันหลังขึ้นนั่ง ก่อนจะรับน้ำอุ่นมาจิบเพื่อดับกระหายอย่างรวดเร็ว

หลังจากดื่มน้ำลงไป รสชาติหวานปนขมที่ค้างคาในริมฝีปากจึงจางหายลงไปบ้าง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสับสน เหล่ตามองพ่อบ้านที่มองอย่างตื่นเต้น “เกิดอะไรขึ้น”

เขารู้สึกว่าร่างกายเบาสบายราวกับไม่เคยมีอาการเจ็บป่วยหรืออ่อนล้าปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลเวียนในร่างกายอย่างกระปรี้กระเปร่า

พ่อบ้านเซียวยิ้มค้าง พูดอย่างขลาดเขลาว่า “เอ่อ...หลังจากที่นายน้อยหมดสติไป นายท่านผู้เฒ่าก็ให้ผมพานายน้อยไปยังสถานที่นัดหมายกับนักพรตเสวียนคง” เขาสังเกตสีหน้าของนายน้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทางอึดอัดใจก็พูดต่อ “หลังจากนั้นนักพรตเสวียนคงก็ทำนายสถานที่ที่เจ้าสาวของนายน้อยปรากฏตัว เมื่อคนของเราไปพบก็เห็นว่าเธอเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทว่าเมื่อกระผมให้เธอกินยาวิเศษของนักพรตเสวียนคง ไม่นานนักเธอก็ตื่นขึ้นและรับปากจะช่วยนายน้อยทำพิธีแต่งงานจนจบ”

“หึ...” เซียวลู่หรงแค่นเสียงเย็นชา ปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นนอกจากจะได้รับการช่วยชีวิตแล้ว คงได้รับข้อเสนอที่ดีจากพ่อบ้านเซียวอีกด้วย

พ่อบ้านเซียวคิดว่าเขาทำหน้าที่บกพร่องก็รีบพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เมื่อสาวน้อยคนนั้นให้ความร่วมมือแต่โดยดี ท้องฟ้าก็เปลี่ยน ดวงดาวเคลื่อนไปยังตำแหน่งเหมาะสม หลังจากทำพิธีแล้วนักพรตเสวียนคงก็บอกว่าไอแห่งความตายหายไปแล้ว กระผมจึงพานายน้อยมาที่บ้านพักตากอากาศ”

“แล้วเธอ?”

“อ้อ...กระผมให้เงินตอบแทนเธอไปยี่สิบล้านตามที่นายท่านผู้เฒ่าสั่ง”

ยี่สิบล้าน?

เซียวลู่หรงหัวเราะอย่างเย็นชา เงินยี่สิบล้าน...ใครจะไม่ปรารถนา “เธอรับเงินหรือเปล่า”

“ครับ”

เรื่องนี้ไม่ได้ผิดคาดสำหรับเขา มีใครบ้างจะปฏิเสธข้อเสนออันแสนเย้ายวนเช่นนี้ “คุณบอกอะไรอีก”

“ก่อนหน้านี้กระผมบอกว่า หลังจากที่ผ่านพิธีแต่งงานกับนายน้อยแล้ว เธออาจจะได้เป็นนายหญิงน้อยของตระกูลเซียวหากนายน้อยยอมรับ”

“เฮอะ...เธอตอบตกลงหรือเปล่า” ใครจะอยากปฏิเสธข้อเสนออันแสนหอมหวานนี้

“เอ่อ...” พ่อบ้านเซียวหน้าแดงก่ำ หัวเราะแห้งๆ แล้วตอบว่า “เธอนั่งรถไปกับนักพรตน้อยเสวียนจีและนักพรตเสวียนคงแล้วครับ เกรงว่าอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว”

รอยยิ้มเย้ยหยันของเซียวลู่หรงแข็งค้าง เขาตวัดสายตาไปยังพ่อบ้านเซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ว่าอะไรนะ?”

“เธอไม่สนใจตำแหน่งนายหญิงน้อย ไม่รอให้นายน้อยตื่นด้วยซ้ำ หลังจากทำพิธีเสร็จสิ้นเธอก็เร่งรีบจากไป ไม่ได้บอกว่าจะติดต่อพวกเรามาหรือไม่ แต่ว่ากระผมมอบนามบัตรให้เธอแล้วครับ”

“...” เซียวลู่หรงมีสีหน้าเย็นชา หลุบตาลงซ่อนสายตาประหลาดใจไว้

ค่อนข้างน่าสนใจ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel