บทที่ 4 ภรรยาที่เข้าร่วมพิธีหนีไปกับชายอื่น 1
การเคลื่อนไหวของเสวียนจีรวดเร็วมาก หลังจากเห็นว่าโม่ซินร้องขอ เขาก็ขยับเท้าโดยไม่ต้องรอให้อาจารย์หรือพ่อบ้านเซียวอนุญาต โม่ซินพลิกตัวออกจากโลงศพ แข้งขาของนางอ่อนยวบจนเกือบจะตีลังกาตกลงไป เคราะห์ดีที่ศักดิ์ศรีทำให้นางค่อนข้างระมัดระวัง ผู้คนจึงมองเห็นว่าหญิงสาวในชุดแต่งงานสีแดงถูกชุดที่สวมอยู่พัวพันจนเกือบล้ม
เมื่อออกจากโลงศพได้นางก็กัดริมฝีปากเดินไปหาเสวียนจี นัยน์ตาหงส์มองเขาอย่างคาดหวัง จนเสวียนจีหน้าแดงก่ำจำต้องรีบหลบตา
“อาจารย์ ผมจะไปส่งเธอ”
นักพรตเสวียนคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นว่าโม่ซินท่าทางไม่สู้ดีก็พยักหน้า “สาวน้อย แน่ใจเหรอว่าจะไม่อยู่รอนายน้อยเซียวตื่นขึ้น”
“ไม่เป็นไร” นางนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะมองไปที่นักพรตเซียวด้วยสายตาเข้มขึ้น “ยาเม็ดที่ท่านมอบให้ แม้ว่าจะเป็นยาที่ไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าผู้ปรุงมีพรสวรรค์สูง ขอบคุณสำหรับยารักษาชีวิต หากมีโอกาสเปิ่น...ฉันจะตอบแทนพวกคุณ”
นักพรตเสวียนคงอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีความรู้ในเรื่องนี้ ความสงสัยบางอย่างพลันบังเกิดในแววตา แต่ทว่าความสงบนิ่งของนางทำให้เขาไม่กล้าถาม
ช่างเถอะ...ให้เสวียนจีไปส่งเธอก่อน
“ยาเม็ดนี้เป็นสิ่งที่สำนักชิงคงใช้เพื่อตอบแทนตระกูลเซียว หากสาวน้อยอยากตอบแทน ก็ควรตอบแทนนายน้อยเซียว”
เมื่อพูดถึงนายน้อยเซียว ใบหน้าของโม่ซินก็แข็งทื่อ ดวงตาของนางหลุบต่ำเพื่อซ่อนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
ชาตินี้หรงชิงไม่ใช่หรงชิง แต่เป็นเซียวลู่หรง
“อืม...ไม่เป็นไร ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
“พ่อบ้านเซียว” นักพรตเสวียนคงกระตุ้นพ่อบ้านเซียว
พ่อบ้านเซียวกระแอม การที่จับตัวหญิงสาวแปลกหน้ามาเพื่อช่วยเหลือนายน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายพอแล้ว หากว่าเขาต้องการจะรั้งเธอไว้ เมื่อนายน้อยฟื้นขึ้นเขาอาจจะถูกตำหนิ
ก่อนหน้านายน้อยไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทว่าเป็นเพราะนายน้อยหมดสติ คนทั้งตระกูลเกิดความปั่นป่วนไปทั่ว ท้ายที่สุดแล้วนายน้อยก็เป็นบุคคลสำคัญของตระกูลเซียว หากไม่ใช่เพราะหมดหนทางช่วยเหลือ พวกเขาคงไม่เลือกเส้นทางนี้
ในสายตาของนายน้อย แน่นอนว่าหญิงสาวคนนี้คือผู้มีพระคุณ
ถึงจะอย่างไรหากนายน้อยต้องการตามหาเธอ เขามั่นใจว่าด้วยพลังของตระกูลเซียวการตามหาผู้คนไม่ใช่เรื่องยาก
เขาหยิบบัตรธนาคารที่เตรียมไว้ออกมาแล้วยื่นให้โม่ซิน “ในนี้เป็นเงินจำนวนยี่สิบล้าน ขอบคุณสาวน้อยที่ช่วยเหลือตระกูลเซียวของเรา”
โม่ซินกะพริบตา ทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับบัตรธนาคารที่อีกฝ่ายมอบให้ เงินจำนวนยี่สิบล้านไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แม้แต่ตระกูลเฟิ่งก็ไม่สามารถหยิบขึ้นมาง่ายๆ อีกฝ่ายเป็นเพียงพ่อบ้านทว่ากลับหยิบบัตรธนาคารออกมาได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าตระกูลเซียวมีรากฐานที่ลึกซึ้ง
นางสังเกตเห็นว่าบัตรธนาคารแห่งนี้เป็นบัตรที่ไม่จำเป็นต้องมีชื่อผู้ใช้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่ผู้คนในตระกูลชั้นสูงใช้มอบเป็นของขวัญ
“เอ่อ...เงินมันอาจจะน้อยไปเมื่อเทียบกับบุญคุณของสาวน้อยที่มีต่อพวกเรา อย่างนี้ดีไหม สาวน้อยเธอมีโทรศัพท์มือถือหรือเปล่า?”
“โทรศัพท์?” นางนิ่งคิด ทันใดนั้นก็จำได้ว่าโทรศัพท์มือถือของเฟิ่งโม่ซินหายไปตั้งแต่ตอนที่ต่อสู้กับชายฉกรรจ์เหล่านั้นแล้ว “มันหายไปแล้ว”
“เช่นนั้น...” พ่อบ้านเซียวไม่กล้าขอที่อยู่หญิงสาว เขาเม้มปากแล้วหยิบนามบัตรออกมา “หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อผมได้”
“ตกลง” โม่ซินไม่ได้เสแสร้ง นางรับทั้งนามบัตรและบัตรธนาคารมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
พ่อบ้านเซียวซ่อนความประหลาดใจไว้ หากแต่ใบหน้าประดับรอยยิ้มสุภาพ “เช่นนั้นให้คนขับรถของเราไปส่งดีหรือไม่”
“ไม่จำเป็น เขาจะไปส่งฉัน” นางมองเสวียนจีสลับกับนักพรตเสวียนคง
นักพรตเสวียนคงเลิกคิ้ว ใบหน้าพลันประดับรอยยิ้ม “จริงสิ ฉันจะกลับเข้าไปในเมืองพอดี ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปกับสาวน้อยเลยก็แล้วกัน”
“เอ๊ะ ท่านนักพรต แล้วนายน้อยล่ะ”
นักพรตเสวียนคงตวัดสายตามองพ่อบ้านเซียวด้วยความรำคาญ เขาพูดว่า “นายน้อยเซียวปลอดภัยแล้ว พวกคุณควรพาเขากลับไปพักฟื้นที่บ้าน”
พ่อบ้านเซียวเกือบลืมนายน้อยของตน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มพร้อมกับพูดว่า “ดีๆ ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนทุกท่านแล้ว”
“ไปกันเถอะ” เสวียนจีพูดขึ้น เดินนำไปที่รถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล ในพื้นที่สุสานห่างไกลเช่นนี้ไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากไฟข้างทาง
โม่ซินรวบรวมเรี่ยวแรงแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่เร่งรีบ ข้างกายของนางตามมาด้วยนักพรตเสวียนจีที่ทำท่าราวกับพบสมบัติ
ใต้แสงจันทร์สว่างเงาร่างทั้งสามหายเข้าไปในรถทีละคัน โม่ซินถูกเชิญให้นั่งด้านหลังคู่กับนักพรตเสวียนคง ชายชรายังคงจ้องจนนางรู้สึกอึดอัด
นางตวัดหางตามองนักพรตเฒ่า เหตุใดตอนนี้เขาจึงทำตัวราวกับนักพรตต้มตุ๋นไปเสียได้?
นักพรตเสวียนคงยิ้มเผล่ เขาทำหน้าตาให้ใจดีที่สุดท่ามกลางความมืดสลัว ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่โม่ซินจะสังเกตเห็นว่าเขามีอาการผิดแปลกไป
“ท่านนักพรต มองฉันแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
นักพรตเสวียนคงถูกมืออย่างตื่นเต้น “สาวน้อย เธอมีความสามารถด้านอภิปรัชญาหรือเปล่า?”
“...” นางเมินหน้าไปทางอื่น ไม่ตอบคำถาม เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้มีความคิดไร้ยางอายบางอย่าง
เสวียนจีเลิกคิ้ว มองผ่านกระจกมองหลังด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน “อาจารย์ ท่านคิดจะรับศิษย์หรือเปล่า?”
ครั้งที่เขาถูกรับตัวเป็นศิษย์ อาจารย์ก็มีสีหน้าท่าทางเช่นนี้ ตอนนั้นเป็นเพราะเขาไม่มีที่พึ่งจึงถูกชายชราหลอกลวงมา และกลายเป็นศิษย์ของเขา หากไม่นับว่าชายชรามีนิสัยแปลกๆ เขาคงคิดว่าถูกนักพรตต้มตุ๋นลักพาตัวมาจริงๆ
“แหะๆ สาวน้อย แม้ว่าในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ชื่อเสียงของฉันอาจจะมาไม่ถึง ทว่าในเมืองหลวงชื่อเสียงของฉันค่อนข้างมีประโยชน์ หลังจากเคราะห์หนักที่เพิ่งผ่านพ้น ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนแปลงไป ทว่าการกระทำการใดๆ ก็ควรจะต้องมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งใช่หรือไม่ หากเธอรับฉันเป็นอาจารย์ รับรองว่าชีวิตนี้จะราบรื่นปราศจากกังวล”
นางไม่อยากตบใบหน้ายิ้มแย้มของผู้อื่น ทว่าจะให้นางรับชายชราผู้นี้เป็นอาจารย์ เห็นทีว่าจะเป็นไปได้ยาก
คนอย่างนางยังต้องการอาจารย์อีกหรือ?
แน่นอนว่าไม่
“ไม่สนใจ”
“...” น้ำเสียงเย็นชาปราศจากความลังเลใจทำให้นักพรตเสวียนคงห่อเหี่ยวราวกับมะเขือยาว แม้แต่เสวียนจีเองก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“สาวน้อยไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”
โม่ซินส่ายหน้า “ไม่”
“เช่นนั้น...รับนามบัตรไป หากวันใดต้องการความช่วยเหลือ จำไว้ว่าติดต่อฉันก่อนตระกูลเซียว” พูดจบก็หยิบนามบัตรสีทองออกมาส่งให้โม่ซินอย่างจริงจัง
“...” โม่ซิน
“...” เสวียนจี
