
บทย่อ
เฟิ่งโม่ซินเดิมเป็นเด็กสาวที่ถูกตระกูลเฟิ่งรับมาเลี้ยงไว้ แม้ว่าพวกเขาจะมีบุตรสาวและบุตรชายรวมกันถึงสามคนแล้วก็ตาม ในคืนวันเกิดอายุครบสิบแปดปีเธอกลับถูกชายหนุ่มที่หลงรักหักหลัง เขาร่วมมือกับพี่สาวของเธอเพื่อล่อลวงเธอไปฆ่า ทว่าเฟิ่งโม่ซินกลับต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งเธอได้พบกับคนกลุ่มหนึ่งที่ยื่นข้อเสนอเพื่อแลกกับการช่วยชีวิต แต่งหรือตาย...เธอมีสองทางเลือก หากเธอยอมเข้าพิธีหมิงฮุนกับชายหนุ่มที่นอนอยู่ในโลงศพ พวกเขาจะช่วยเธอและให้เงินจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าไม่สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความตายเท่านั้น หากเป็นเฟิ่งโม่ซินคนเดิมเธออาจจะยอมตาย แต่ไม่ยอมขายศักดิ์ศรี ทว่าตอนนี้จิตเทพตื่นได้ขึ้น นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว ชายหนุ่มในโลงศพกลับเป็นผู้ที่ 'นาง' ตั้งใจตามลงมายังโลกมนุษย์อีกด้วย เมื่อจิตเทพตื่นขึ้น เฟิ่งโม่ซินคนเดิมก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว และตระกูลเฟิ่งต้องจ่ายราคาสำหรับขโมยโชคของเธอไปนับสิบปี ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มภารกิจดอกบัวขาว แสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้เขาเวทนาและเห็นใจ
บทนำ
“โม่ซินซ่างเสิน เนื่องจากท่านยอมสละอาภรณ์เทพเพื่อจุติลงไปยังโลกมนุษย์ โปรดจงตระหนักไว้ว่าก่อนอายุขัยสิบแปดปี ท่านจะต้องผ่านหายนะแห่งความเป็นตายหนึ่งครั้ง หากท่านสามารถผ่านมันไปได้ อิทธิฤทธิ์ของท่านทั้งหมดจะค่อยๆ กลับคืนมา ทว่าการกระทำทุกอย่างของท่านอยู่ภายใต้วิถีของสวรรค์ หากละเมิดและใช้มันกับมนุษย์อย่างไร้เหตุผล ท่านจะต้องรับทัณฑ์ทรมานที่หนักหนายิ่งกว่าอสนีบาตจากเก้าชั้นฟ้า รับทราบหรือไม่”
“ข้าทราบแล้ว”
น้ำเสียงเย็นหวานหูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เจ้าของเสียงเย็นใสนั้นสวมอาภรณ์เทพจันทราสีขาวประกายแดง ผมยาวรวบครึ่งศีรษะภายใต้เฟิ่งกวานสีทองอร่าม ใบหน้าของนางมีรัศมีสว่างไสวบดบัง หากแต่ผู้คนยังพอคาดเดาได้ว่าเบื้องหลังรัศมีเทพอันสว่างสดใสนี้เป็นใบหน้าที่งามพิลาสเพียงใด นางยืนกลางโถงอย่างอาจหาญ อาภรณ์พลิ้วไสวราวกับกระแสลมโชยพัด ท่ามกลางโถงขนาดใหญ่ของวังนรกใต้ดิน รัศมีของนางได้กดข่มราชันนรกจนไม่สามารถเงยศีรษะขึ้นมาได้
กระนั้นแล้วสังเกตจากความหม่นหมองของรัศมีเทพที่เล็ดลอดออกมา แสดงว่านางพยายามข่มรัศมีของตนอย่างถึงที่สุดแล้ว
บนบัลลังก์กลางโถงของวังนรกใต้ดิน บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ดำสนิทปักเลื่อมพราย ลวดลายบนผืนผ้าสีดำสนิทดูราวกับเปลวเพลิงจากนรกจิ่วโยวที่มีชีวิต คิ้วดาบพาดเฉียง นัยน์ตาคมปลาบ หากแต่ใบหน้ากลับมีความกริ่งเกรงอยู่บ้าง
เขาเป็นราชันนรกในรุ่นนี้ ทว่าตรงหน้าเป็นถึงสัจเทพที่มีอายุขัยยืนยาว เทพองค์ใหญ่ลงมาเยือนยังโลกใต้พิภพ เขาเองยังคงประหม่าอยู่มาก
คำสั่งที่พูดออกไปเป็นเพียงคำสั่งของเทียนจุนบนเก้าชั้นฟ้า แม้ว่าสัจเทพจะอยู่นอกเหนือเขตอำนาจปกครองของเก้าชั้นฟ้า ทว่าการจุติไปยังโลกมนุษย์ยังคงต้องผ่านเส้นทางปกติและเคารพกฎของฟ้าดิน ดังนั้นนางจึงต้องฟังกฎระเบียบการลงไปยังโลกมนุษย์ด้วยความอดทน
“โม่ซินซ่างเสิน ขะ...ข้าขอถาม เทพชะตาได้มอบหนังสือชีวิตให้กับท่านหรือไม่” เขาพยายามประคองเสียงให้อ่อนโยนและนอบน้อมเล็กน้อย เมื่อสังเกตว่าบรรยากาศรอบตัวนางเริ่มเย็นลง
นางยกมือเรียวขาวขึ้น สะบัดปลายนิ้วอย่างเกียจคร้าน ขนนกสีทองพลันล่องลอยไปยังมือของราชันนรกอย่างนุ่มนวล
มือที่รับขนนกทองคำสั่นเทาเล็กน้อย เขาอ่านหนังสือชีวิตอย่างรวดเร็ว คิ้วเข้มค่อยๆ ขมวดมุ่นราวกับกำลังต่อสู้อะไรบางอย่างกับตัวเอง
“เหตุใดหนังสือชีวิตของท่านถึงเต็มไปด้วยเรื่องราว...”
โม่ซินเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงของราชันนรก นางไม่ได้อ่านหนังสือชีวิต แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าของชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพชะตา ริมฝีปากก็เม้มเป็นเส้นตรงพร้อมกับนัยน์ตาที่เปล่งประกายอันตราย
บุรุษผู้นั้นชมชอบการอ่านนิยายในโลกมนุษย์เป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาว่าง จะต้องใช้อาวุธวิเศษเพื่อเดินทางข้ามเวลาไปยังเมืองมนุษย์เพื่อซื้อนิยายที่วางแผงใหม่ บางครั้งเวลาเขาต้องการจะแบ่งปันความทุกข์ในการอ่านนิยายจึงชอบมารบกวนนางที่วังเฟิ่งซินอยู่เป็นนิจ
ทว่านางไม่ทันฉุกคิดว่าเขาจะกล้านำเรื่องราวในนิยายประโลมโลกมาเขียนในหนังสือชีวิตของนางจริงๆ
ไป๋มิ่ง...รอข้ากลับมาก่อนเถอะ
นางพยายามควบคุมโทสะ บอกกับราชันนรกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่เป็นไร ก็แค่ชีวิตหนึ่ง”
ในเวลาเดียวกัน บนตำหนักกวงหมิง
“ฮัดเช้ย! ช่วงนี้ข้านอนน้อยเกินไปหรือไม่” บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนขยี้ปลายจมูกแดงก่ำด้วยความงุนงง นัยน์ตากระจ่างใสราวกับกวางยังคงไม่อาจละไปจากหนังสือที่มีหน้าปกสีสันฉูดฉาดในมือได้ เขาปล่อยผมยาวสยายอย่างเกียจคร้าน เอนกายบนตั่งตัวยาว ด้านข้างเป็นเซียนรับใช้โบกพัดอย่างไร้อารมณ์
เขาสวมอาภรณ์ขาวเรียบ ดูสง่างามราวกับแสงจันทร์สีเงินในคืนเดือนหงาย ขาเรียวที่ซ่อนเร้นใต้อาภรณ์เหยียดยาวอย่างเอ้อระเหย หากทว่าปลายเท้ากลับกระดิกอย่างไม่สงวนท่าที
เซียนรับใช้ข้างกายกระตุกมุมปาก ใบหน้าอ่อนเยาว์ปรากฏร่องรอยของความเอือมระอา “ข้าเกรงว่าโม่ซินซ่างเสินจะรับรู้เกี่ยวกับละครชีวิตที่ท่านเขียนให้นางแล้ว”
“...” ไป๋มิ่งปรายตามองเซียนรับใช้คนสนิท ท่าทางอ่อนโยนก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนในทันใด ดูราวกับอันธพาลตัวร้ายก็ไม่ปาน
เขาหยิบเส้นผมที่ไหล่ลู่มายังหน้าอก ก่อนจะสะบัดมันไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจ
“นางจะต้องสำนึกในน้ำใจข้า ละครชีวิตเช่นนี้จะทำให้คนผู้นั้นเห็นอกเห็นใจนาง บางครา...การเล่นละครชีวิตครั้งนี้อาจจะทำให้นางสมหวังกับเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นเสียที”
“...” เซียนรับใช้กลอกตามองฟ้า โอดครวญกับสวรรค์อย่างหดหู่ เขาหวังงเพียงโม่ซินซ่างเสินจะไม่ถล่มตำหนักกวงหมิงของพวกเขาราบเป็นหน้ากลองก็พอ
