บทที่ 2 หายนะแห่งความตาย 2
“อืม...” ขนตายาวงอนเป็นแพหนาราวกับปีกผีเสื้อค่อยๆ กระพือไหว เมื่อเปลือกตาเปิดขึ้นครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเข้มที่เปล่งประกายราวกับดวงดาว นางครางในลำคอเสียงต่ำด้วยความปวดร้าว รู้สึกถึงรสชาติฝาดเฝื่อนปนกับรสสนิมในลำคอ เมื่อสายตาปรับความคมชัดได้ นางก็มองเห็นดวงจันทร์สีเงินยวงลอยอยู่กลางฟ้า หากทว่าบรรยากาศรอบตัวกลับเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือกราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
นี่...
หญิงสาวกะพริบตา ข่มความเจ็บปวดในร่างกายแล้วพยายามพลิกตัวอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นแขนเรียวก็ชนเข้ากับวัตถุบางอย่างที่ค่อนข้างแข็งและเย็น นัยน์ตาหงส์เหลือบมองข้างกาย อาศัยแสงจันทร์สว่างรำไรสำรวจสภาพแวดล้อม ทันใดนั้นหัวใจของนางก็พลันเย็นเยียบ
ข้างกายนางเป็นบุรุษผู้หนึ่ง เขาสวมชุดพิธีการสีแดงปักลวดลายประณีตด้วยดิ้นทอง ผิวที่โผล่พ้นอาภรณ์ขาวซีดสะท้อนแสงจันทร์ราวกับหยกมันแพะ แม้จะมองเห็นไม่ชัดเจนนัก นางก็ยังคงมองเห็นเครื่องหน้าอันสมบูรณ์แบบซึ่งนิ่งสงบราวกับคนตาย ริมฝีปากเป็นสีคล้ำ หากแต่ยังคงมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายไหลเวียนอย่างบางเบา
นางสะบัดศีรษะ รู้สึกสับสนมึนงง ทันใดนั้นความทรงจำก่อนหน้านี้ก็ผสานรวมกับสติที่ยังคงมีอยู่
นัยน์ตาเลื่อนลอยของนางค่อยๆ คมชัด เมื่อกำลังจะยันกายลุกขึ้นด้วยความสับสน พลันรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวจนต้องหงายหลังลงไปเช่นเดิม
โครม!
อาภรณ์ที่สวมรวมถึงบางสิ่งบางอย่างบนศีรษะทำให้นางต้องนอนนิ่งๆ เพื่อเรียกสติกลับมา
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นรอบๆ กล่องที่นางนอนอยู่ ไม่สิ...มันควรจะเป็นโลงศพ กลิ่นอายความตายปกคลุมใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างหนาแน่น ราวกับว่าชีวิตน้อยๆ จะถูกพรากไปได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้นใบหน้าเหี่ยวย่นของชายชราพลันยื่นมาในโลงจนนางชะงัก
นักพรตเสวียนคงมองหญิงสาวที่ตื่นแล้วในโลงด้วยดวงตาที่เปี่ยมประสบการณ์ แม้ว่าจะฝ้าฟางไปบ้าง ประกายในแววตาของเขากลับเฉียบคมเป็นอย่างมาก เขาลัดนิ้วคำนวณก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าทางทิศเหนือ ทันใดนั้นก็พึมพำว่า “ดวงดาวใกล้จะเคลื่อนแล้ว”
นางฟังสิ่งที่ชายชราพูดอย่างสับสน ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไร ขณะที่นางกำลังจะยันตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายกลับกดไหล่นางให้นอนกลับที่เดิมพร้อมกับพูดว่า
“หากเธอไม่อยากตาย ก็ทำตามที่ฉันบอก”
นางขมวดคิ้ว ไม่เคยมีใครหมิ่นเกียรติตนเองถึงเพียงนี้ ทว่าขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาพลันพูดต่อว่า “แม่หนู ขอเพียงยอมร่วมพิธีแต่งงานกับนายน้อยเซียว ตระกูลเซียวจะเป็นหนี้บุญคุณเธอ หากเขารอดชีวิตได้ นอกจากเธออาจจะมีตำแหน่งนายหญิงน้อยแห่งตระกูลเซียวแล้ว แม้แต่ดวงชะตาที่อาภัพของเธอก็จะถูกแก้ไข”
นักพรตเสวียนคงสามารถอ่านโหงวเฮ้งบนใบหน้าผู้คนได้บ้าง เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของหญิงสาวก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยลางร้าย โชคส่วนใหญ่ถูกผู้คนสับเปลี่ยนไป เหลือแต่เพียงหายนะที่ผู้อื่นตั้งใจทิ้งไว้ หากว่าเขาไปช่วยเธอไม่ทัน เกรงว่าป่านนี้เธอคงไปพบเทพเจ้าแห่งความตายแล้ว
ทว่าหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถอ่านดวงของผู้คนได้อีกต่อไป ชะตากรรมของหญิงสาวตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับชะตากรรมของเฟิ่งหวง หลังจากผ่านการม้วนมรณาไปครั้งหนึ่ง ชีวิตที่เหลือของเธอจะเป็นของเธอเองอย่างแท้จริง
นางกะพริบตา ระลึกความทรงจำสิบแปดปีที่ผ่านมาอย่างช้าๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หัวใจของนางก็ปวดร้าวราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัด ความเสียใจที่ค้างคาในใจยังคงเป็นความเสียใจของนางเอง ทว่าในตอนนั้นจิตเทพของนางยังไม่ตื่นขึ้น จึงไม่มีความเยือกเย็นดังเช่นตอนนี้
ใช่แล้ว...นางคือโม่ซิน ชีวิตในชาตินี้คือเฟิ่งโม่ซิน ในที่สุดนางก็พลันตระหนักได้ว่าเพราะเหตุใดราชันนรกถึงมีสีหน้าเช่นนั้น
ไป๋มิ่ง...
นัยน์ตาหงส์ส่องประกายเย็นเยียบเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาสงบดังเดิม นางมองที่ใบหน้าของนักพรต พลันรู้สึกว่าชายชราคนนี้มีสิ่งพิเศษบางอย่าง “เหตุใดเปิ่นจุน ต้องช่วย”
“...” นักพรตเสวียนคงงุนงง เขาอยากจะหันไปถามชายที่ยืนเงียบรอบๆ โลงศพหยกขาวด้วยความสงสัย ทว่าด้วยฐานะนักพรตที่น่าเลื่อมใสเขาจึงพยายามรักษาสีหน้าให้ดีที่สุด แล้วพูดกับหญิงสาวที่เขาคิดว่าเธอได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองว่า “เอ่อ...สาวน้อย ชายหนุ่มข้างกายของเธอคือมังกรในหมู่มนุษย์ ลองมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาสิ หากยอมทำพิธีหมิงฮุน กับเขา ฉันรับรองได้ว่าอนาคตของเธอจะต้องเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง”
พิธีหมิงฮุนโดยปกติจะต้องทำโดยบ่าวสาวที่ตายแล้ว ทว่านายน้อยเซียวต้องผ่านพิธีกรรมนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมพิสดารของเขา การนำเจ้าสาวที่มีดวงแห่งโชคกำเนิดใหม่จึงจะช่วยลบล้างไอแห่งความตายบนร่างกายของนายน้อยเซียวได้
โม่ซินขมวดคิ้ว มังกรในหมู่มนุษย์?
นอกจากหรงชิงเจ้าก้อนน้ำแข็งผู้นั้น นางยังไม่เคยเห็นผู้ใดสง่างามดุจมังกรในหมู่เทพเซียน
โอ้ไม่สิ...เดิมทีเขาก็เป็นเทพมังกร ความสง่างามมิมีผู้ใดเทียบเทียมได้
เมื่อคิดถึงชายในดวงใจ ดวงตาของโม่ซินก็พลันอ่อนลงและเต็มไปด้วยประกายสวยงาม ทว่านักพรตเสวียนคงคิดว่านางกำลังวาดฝันถึงอนาคตของตนเอง เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดไฟฉายแล้วส่องไปที่ใบหน้าของชายข้างกายนาง
“แม่หนู ลองดูสิ หน้าตาของเขาเป็นหนึ่งในใต้หล้า เธอว่าเขาเหมาะสมหรือเปล่า” หากไม่ใช่ว่าพิธีหมิงฮุนสำหรับนายน้อยเซียวจะต้องเป็นพิธีที่เจ้าสาวยินยอมพร้อมใจแล้ว เขาไม่มีทางใจเย็นถึงเพียงนี้
โม่ซินเบือนสายตาไปยังชายหนุ่มที่นอนในโลงศพ ชีวิตนี้นางเคยได้ยินพิธีหมิงฮุนมาบ้าง เดิมทีหลังจากได้ยินชายชราพูดนางก็เตรียมจะต่อสู้แล้ว แต่เมื่อคิดถึงว่าร่างกายนี้สมควรได้รับยาวิเศษบางอย่างจึงทำให้นางสามารถรักษาลมหายใจไว้ได้ ความแข็งกร้าวในแววตาของนางก็อ่อนลง นางหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ประกายสีทองวาบผ่านนัยน์ตาหงส์อย่างลึกลับ เมื่อนางเปิดการใช้งานดวงตาสวรรค์ ทันใดนั้นก็ตกตะลึงกับใบหน้าของชายข้างกาย
“หรงชิง...”
นักพรตเสวียนคงไม่ได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว ทว่าเขาได้ยินคำว่า ‘หรง’ เพียงคำเดียว ดวงตาก็เปล่งประกายวาบราวกับมองเห็นแสงสว่าง “สาวน้อย เธอรู้จักเขาหรือเปล่า?”
โม่ซินเลอะเลือนไปชั่วขณะ หัวใจเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณและกายเนื้อนี้ก็คือเขาจริงๆ ใบหน้างดงามยิ่งกว่าสตรีของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย หลังจากได้ยินนักพรตเสวียนคงพูดอย่างตื่นเต้น นางก็ตอบรับในลำคออันแห้งผาก “อืม...”
“ดีมาก เธอช่วยพวกเราได้หรือไม่”
“อืม...” นางตอบโดยไม่พูดอะไร มือเรียวซีดขาวจับชีพจรของชายหนุ่มที่นอนราวกับคนตายอย่างเบามือ เมื่อสัมผัสถึงชีพจรที่อ่อนแรงและรับรู้ถึงความผันผวนในร่างกายของเขา ดวงตาของนางก็หลุบลงเพื่อซ่อนอารมณ์บางอย่าง
“หายนะแห่งความตาย”
“...” นักพรตเสวียนคงเบิกตากว้าง แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของหญิงสาว เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา พลันรู้สึกว่าหญิงสาวในโลงศพนั้นรู้จักนายน้อยเซียวเป็นอย่างดี เขาอยากจะหันไปถามพ่อบ้านเซียว ทว่าศักดิ์ศรีกลับทำให้เขายืนขาแข็งอยู่ที่เดิม “นี่...ทุกห้าปีเขาจะต้องประสบหายนะนี้ ครั้งนี้เขากำลังจะอายุยี่สิบปี หากไม่สามารถผ่านพิธีหมิงฮุนได้ เกรงว่า...”
“เปิ่นจุนจะช่วยเขา เจ้าเริ่มพิธีได้”
ทันใดนั้นใบหน้าเหี่ยวย่นของนักพรตเสวียนคงก็เต็มไปด้วยความเบิกบาน เขาหัวเราะเสียงดัง หันไปหาพ่อบ้านเซียว “ให้แม่สื่อเข้ามาได้แล้ว จัดเตรียมพิธีแต่งงาน”
พ่อบ้านเซียวเบิกตากว้าง “เจ้าสาวรอดชีวิตจริงๆ หรือครับ?”
“หึ...สำนักชิงคงไม่ได้มีเพียงชื่อเสียงปลอมเปลือก”
พ่อบ้านเซียวหน้าแดงเล็กน้อย เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตะโกนเรียกผู้คนอย่างรวดเร็ว “เรียกแม่สื่อมาจัดการ เริ่มพิธีได”
ในที่สุดตระกูลเซียวก็มีทางรอดแล้ว...
สำหรับโม่ซิน นางพยายามตั้งสติและซ่อนโทสะไว้ หายนะของคนผู้นี้มิใช่เพราะเป็นกรรมแต่กำเนิด แต่เป็นเพราะมีใครบางคนเล่นกลกับชีวิตของเขาตอนที่มารดาตั้งครรภ์ เห็นได้ชัดวาชายผู้นี้ควรจะเกิดมาพร้อมกับศักดิ์ศรีที่ไม่มีใครสามารถดูหมิ่นได้ แต่เป็นเพราะกลอุบายนี้จึงทำให้เขาต้องพบกับหายนะทุกห้าปี
หากครั้งนี้คนที่ถูกนำตัวมาไม่ใช่นาง บางที...การเผชิญเคราะห์กรรมของเขาในชาตินี้อาจจะล้มเหลว
เพียงแค่มองปราดเดียวโม่ซินก็เข้าใจทันทีว่ามันไม่ใช่ฝีมือของไป๋มิ่งแต่อย่างใด บุรุษผู้นั้นแม้จะเกียจคร้านและชอบเล่นสนุก ทว่าเขาจะไม่ยุ่งกับชะตากรรมของเทพที่ลงมาฝ่าด่านเคราะห์
ยิ่งไม่ใช่การจัดการของวิถีสวรรค์
เพราะหรงชิง เป็นผู้ที่สวรรค์โปรดปรานอย่างแท้จริง
