ตอนที่ 6 ทักษะการแพทย์ของถิงเฟย
หมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ นาง เพียงแค่มีดแรกที่กรีดลงไปที่แผล ก็ทำเอาหลายคนตกใจ แต่สำหรับฟ่านถิงเฟยที่ยังยืนนิ่ง แม้จะเห็นเลือดที่เริ่มพุ่งออกมา ก็ทำให้ท่านอ๋องนึกประหลาดใจไม่น้อย
“นาง… ไม่กลัวเลยเหรอ นี่มันผ่าคนเป็น ๆ เลยนะ ท่านดูสิ”
แต่ท่านอ๋องมิได้พูดสิ่งใดอีก ตอนนี้นางเริ่มใช้บางอย่างเขี่ยมองหาบางสิ่งอยู่ ผ้าที่ผูกปากเอาไว้เริ่มมีเลือดออก
“เปลี่ยนผ้าคลุมให้ข้าที เนี่ยฝู… ช่างเถอะ”
นางลืมไปแล้วว่า เนี่ยฝูออกไปแล้ว หลังจากรวบผมและผูกผ้าปิดปากให้นาง ไม่นานก็มีคนที่มายืนอยู่ด้านหลัง ถอดผ้าที่เปื้อนเลือดออก และใช้ผ้าสะอาดผืนใหม่ผูกให้นาง โดยที่ถิงเฟยไม่ทันได้มอง เพราะสายตานางอยู่กับบาดแผลของหานลี่ตรงหน้า
“แผลลึกประมาณสามเซนติเมตร ถือว่ายังไม่อันตราย แต่ลูกศรนี่มีแง่ง ดึงออกมาเลยไม่ได้ ต้องใช้คีมตัดก่อนแล้วค่อยคีบออกมา ต้องไม่ให้โดนเส้นเลือดใหญ่และจุดสำคัญ ไม่อย่างนั้นเลือดจะยิ่งไหลออกมา”
ทุกคนเงียบและฟังในสิ่งที่นางพูด ตอนนี้แต่ละคน ต่างรู้สึกตื่นเต้นและกลัว เพราะวิธีการรักษาแบบนี้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำมาก่อน ไม่นานถิงเฟยก็ค่อย ๆ ตัดและดึงบางอย่างออกมา มันคือปลายธนูที่เหลือ ที่ติดออกมากับคีม
“นั่น!”
“ออกมาแล้ว… รีบเอาสุรามาเร็วเข้า!”
นางใช้สุราแทนยาฆ่าเชื้อ และรีบทำแผลให้หานลี่ นางคอยถามจงหมิงตลอดเวลาว่า เหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่ ตอนนี้เหงื่อเริ่มไหลแล้ว ท่านอ๋องเห็นนางปาดซับเหงื่อ ระหว่างที่พยายามทำแผล และเริ่มเย็บปากแผลให้กับองครักษ์ของเขาอีกครั้ง
“ท่าน…เอ่อ”
จงหมิงเห็นว่าท่านอ๋อง เป็นคนซับเหงื่อให้กับฟ่านถิงเฟยด้วยตัวเอง พลันแอบมองที่แผลขององครักษ์ของตัวเอง หากเป็นเขา คงไม่กล้าทำอะไรแบบที่นางทำเป็นแน่ เพราะแค่มองก็รู้สึกกลัวแล้ว แต่ฟ่านถิงเฟยกลับทำทุกอย่างนี้ ด้วยความนิ่งสงบ และมีสติมากที่สุด มาจนถึงตอนนี้
"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่"
“เอ่อ น่าจะราว ๆ สองเค่อ”
“เหลือแค่เย็บปากแผล และทำแผลภายนอก น่าจะพอทัน”
“จะให้ข้าฝังเข็มอีกหรือไม่”
“ตอนนี้ท่านเริ่มทยอยดึงเข็มออกได้แล้ว ให้เลือดในร่างกายของเขาไหลเวียน มิเช่นนั้นจะไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจ”
“ได้”
จงหมิงรีบทำตามที่ถิงเฟยสั่ง โดยไม่คิดสงสัยอะไรอีก เมื่อเขาเริ่มถอนเข็ม นางก็เริ่มก้มลงไปและใช้หูแนบเพื่อฟังเสียงหัวใจของหานลี่ ท่านอ๋องชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นนางทำเช่นนั้น และเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ทันเวลาพอดี ข้าจะเย็บแผลแล้ว ท่านหมอ มาช่วยข้าหน่อย”
“อ้อ ได้ ๆ ขอรับ”
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยาม งานเลี้ยงเลิกไปแล้ว เพราะความเป็นห่วงหานลี่ ตอนนี้นอกค่ายเงียบกริบ เหลือแค่ในกระโจมนี้เท่านั้น เมื่อถิงเฟยตัดด้ายเส้นสุดท้าย ออกจากแผลที่เย็บสนิท นางก็ถอยออกมา
“ดึงเข็มสุดท้ายออกได้เลย”
นางผ่าตัดได้เสร็จลุล่วงก่อนเวลา นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ อีกทั้งคนในกระโจม แม้แต่เหล่าทหารที่รอฟังข่าวอยู่ข้างนอก เมื่อได้รู้ว่า ผู้ที่ทำการรักษาหานลี่คือใคร ต่างก็เริ่มไม่เชื่อ และเริ่มถกเถียงกันเรื่องนี้ทันที
“เสร็จแล้ว ท่านหมอตอนนี้ข้าต้องการให้เขาย้ายกระโจม ที่นี่คนป่วยมากเกินไป ไม่เหมาะสำหรับการพักฟื้น”
“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่ากระโจมของที่นี่มีค่อนข้างจำกัด การที่จะย้ายไปเกรงว่า…”
“เขาพึ่งได้รับการผ่าตัด ต้องย้ายไปในที่สะอาด และดูแลง่ายกว่านี้ ที่นี่เต็มไปด้วยเชื้อโรค ไม่สะดวกในการดูแล หาไม่แล้วที่เรารักษามาทั้งหมด ก็จะเสียเปล่า”
“ข้าเข้าใจที่ท่านพูด แต่ว่าที่นี่ก็ไม่มีกระโจมว่างแล้วนะขอรับ”
“เช่นนั้น ก็ใช้กระโจมข้าไปก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่ได้! คุณหนูฟ่าน ถ้าอย่างไรก็ย้ายหานลี่ ไปที่กระโจมของข้าก็แล้วกัน ที่นั่นข้าอยู่คนเดียว น่าจะเหมาะที่สุด”
“เช่นนั้นก็ดี ท่านเป็นหมอ อย่างน้อยหากเขาฟื้น ก็พอจะช่วยดูได้ ข้าจะไปล้างตัวหน่อย”
“เดี๋ยวก่อน”
ถิงเฟยหันมามองหน้าท่านอ๋อง แต่นางไม่มีแรงเหลือที่จะเถียงกับเขาแล้ว จึงได้แต่หันมามอง ด้วยสายตาที่อ่อนล้าแทน
“ข้าไม่มีแรงจะเถียงกับท่านแล้ว อยากจะพูดอะไรก็รีบพูดเถอะ”
“ข้าจะสั่งให้คนเตรียมน้ำอุ่นให้เจ้า รีบกลับไปล้างตัวที่กระโจม แล้วพักผ่อนเถอะ”
ฟ่านถิงเฟยเห็นสายตา และน้ำเสียงที่อ่อนโยนของท่านอ๋อง ก็เริ่มรู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อย นางเบือนสายตาหนี ก่อนจะย่อตัวให้เขาเป็นการขอบคุณ
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“ข้าจะเดินไปส่งเจ้าเอง จางหมิงเจ้าจัดการย้ายหานลี่ ไปที่กระโจมของเจ้าเถอะ”
“เอ่อ ได้สิ ไม่มีปัญหาเป็นหน้าที่ข้าเอง ไปเถอะท่านหมอ”
“ขอรับ”
“จริงสิท่านหมอ ข้าต้องรบกวนให้ท่านทำยาลดไข้เอาไว้ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วจำเป็นจะต้องดื่ม แล้วก็ยาทำแผลภายนอก ผ้าพันแผลสะอาด พรุ่งนี้ข้าจะไปดูอาการเขาที่กระโจมของท่าน”
“ได้ขอรับ ข้าจะจัดการทุกอย่างที่ท่านพูดมา คืนนี้ขอบคุณท่านมาก หากไม่มีคุณหนูฟ่าน ข้าน้อยคงทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“เกรงใจไปแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“รีบไปเถอะ”
“ที่จริงข้าเดินกลับเองก็ได้”
“อย่าพูดมาก รีบออกไป”
“ก็ยังปากเสียเช่นเดิม”
“ข้าได้ยินนะฟ่านถิงเฟย”
“เฮ้อ…เหนื่อยเหลือเกิน คืนนี้ยาวนานเกินไปแล้ว ฮ้า…..”
เมื่อนางอ้าปากหาว ท่านอ๋องก็นึกขำขึ้นมา เขายิ้มออกมานิด ๆ เมื่อเดินตามหลังนาง มาส่งที่กระโจม ซึ่งมีสาวใช้ของนางรออยู่
“คุณหนูท่านกลับมาแล้ว ข้าเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ไปอาบน้ำล้างตัว และรีบพักผ่อน”
ถิงเฟยหันไปมองหน้าท่านอ๋อง แม้ว่าจะยังทำหน้านิ่ง ราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น แต่คำพูดของเขาก็อ่อนโยนลง ไม่ตะคอกนางเหมือนเดิมอีกแล้ว
“แค่นี้หรือเพคะ”
“เจ้ายังต้องการอะไรอีกงั้นหรือ”
“ช่างเถอะ ๆ หากว่ามันพูดยากนักละก็ ข้าไปก่อนล่ะ”
“ขอบใจ”
ถิงเฟยนิ่งไป เมื่อได้ยินเสียงที่แผ่วเบาของเขาด้านหลัง เนี่ยฝูรีบกลับเข้าไปในกระโจมทันที เพราะไม่อยากอยู่รบกวนทั้งคู่
“เมื่อครู่ท่านพูดว่าอย่างไรนะ”
“ข้าบอกว่า… ขอบใจอย่างไรเล่า ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เจ้าเองก็จะเชี่ยวชาญวิชาแพทย์”
“เอ่อ…”
ฟ่านถิงเฟยลืมสนิทเลยว่า นางมาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่ได้เรื่อง ไร้มารยาทและรักสวยรักงาม สิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่นี้ ล้วนเกิดจากสัญชาตญาณของหมอล้วน ๆ
“เอ่อ คนเราก็ต้องมีความลับกันบ้าง ท่านว่าไหมเล่า"
“ความลับงั้นหรือ เช่นนั้นที่เจ้าจงใจติดตามมาถึงที่นี่ ก็เพราะความลับนี้งั้นหรือ”
“ข้ารู้สึกง่วงแล้ว ท่านอ๋องเพคะ คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว อีกอย่างตัวข้าเลอะเลือดเต็มไปหมด อยากจะล้างตัวแล้ว เช่นนั้น…”
“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าก็รีบเข้าไปเถิด แช่น้ำอุ่นให้สบายและพักผ่อนมาก พรุ่งนี้ข้าจะมารับเจ้าไปดูอาการของหานลี่”
“ข้าไปเองก็ได้”
“รีบเข้าไปเถอะ ดึกแล้วน้ำค้างแรง อาการของหานลี่ จากนี้มีจางหมิงดูแล คงไม่น่าเป็นห่วงมาก”
"ถึงอย่างไรอาการของใต้เท้าผู้นั้น ก็ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด หากว่ามีอะไร ท่านก็… ให้คนมาเรียกข้าก็แล้วกัน”
“ยังมีเรื่องต้องห่วงอีกงั้นหรือ”
“ก็… บางทีหลังการผ่าตัด อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ถ้าหากเขาฟื้นแล้ว ท่านก็ให้คนมาเรียกข้าก็แล้วกัน ถึงอย่างไร ชีวิตของเขาก็เดิมพันด้วยหัวของข้านี่นา หากรักษาเขาไม่ได้ ข้าก็ต้องมอบศีรษะน้อย ๆ นี้ให้ท่าน เฮ้อ แต่ตอนนี้ขอไปแช่น้ำอุ่นให้สบายใจก่อนเถอะ จะตายหรืออยู่ ค่อยว่ากันพรุ่งนี้เถิด ทูลลาเพคะ”
ท่านอ๋องอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มมุมปากออกมา โชคดีที่ตรงนี้มืด ถิงเฟยจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเขา
“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็รีบพักผ่อน หากว่ามีอะไร ข้าจะเป็นคนมาเรียกเจ้าด้วยตัวเอง รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ