ตอนที่ 4 สำรวจรอบค่าย
“เฮือก!”
ทั้งนายและบ่าว หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ เมื่อธาตุแท้ของคุณหนูสกุลหลี่ ที่พึ่งแสร้งทำตัวแสนดีราวกับนางฟ้า กลายเป็นคนปากร้าย หลังจากที่ไม่มีคนอื่นเห็น สาวใช้ถูกนางสั่งให้ทำทุกอย่างหลังจากนั้น
“ไม่ไหวแล้วข้าไม่อยากทำแล้ว เมิ่งอิ่นเจ้ารีบไปเตรียมน้ำให้ข้าเร็วเข้า ข้าอยากอาบน้ำ อย่าลืมต้มน้ำให้ด้วย”
“แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ ฟืนที่นี่มีจำกัด ท่านอ๋องบอกว่า…”
“ก็เพราะแบบนี้อย่างไรเล่า ข้าถึงได้มาเฝ้าอยู่ที่นี่ รีบหอบฟืนไปต้มน้ำให้ข้าเดี๋ยวนี้ หากน้ำไม่อุ่นแล้วข้าจะแช่น้ำได้อย่างไร ตอนนี้ในค่ายไม่มีใครอยู่ แค่บอกว่าใช้ฟืนในการทำอาหารมากหน่อย ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าเจ้าแล้ว หน้าที่หาฟืนเป็นของพวกทหาร รีบไปสินังโง่!"
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ถิงเฟยดึงคอเสื้อของเนี่ยฝู วิ่งออกมาอีกทางหนึ่งของกระโจม คิดไม่ถึงเลยว่า หลี่ชุนฮวาที่เห็นหน้าตางดงาม กิริยาเรียบร้อย ที่แท้จะดูร้ายกาจกว่านางร้าย อย่างฟ่านถิงเฟยคนเดิมเสียอีก
“ให้ตายเถอะ นางร้ายที่ฟาดตรง ๆ ยังไม่น่ากลัว เท่ากับนางร้ายที่แสร้งทำดีอย่างเธอเลย น่ากลัวจริง ๆ”
“ข้าไม่เคยรู้เลยว่า คุณหนูหลี่ขโมยฟืนจากที่นี่ เพื่อไปต้มน้ำอาบ”
“ภาวะสงครามแบบนี้ ยังมีอารมณ์อาบน้ำอุ่นอีกหรือ บ้าชะมัดเลย ไปกันเถอะ แล้วทางนี้คือ…”
“กระโจมรักษาผู้ป่วยเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าไปเลย ท่านกลัวเลือดและไม่ชอบกลิ่นคาว มิใช่หรือเจ้าคะ”
“ข้าขอไปดูสักหน่อย ดูสิว่ามีอะไรที่เราพอจะช่วยได้บ้าง”
“แต่ว่า”
เนี่ยฝูเดินตามถิงเฟย ไปยังกระโจมของทหารที่บาดเจ็บ ซึ่งที่นั่นมีหมออยู่ประจำ แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่า จำนวนผู้บาดเจ็บกับท่านหมอที่มีอยู่ ไม่เพียงพอกับความช่วยเหลือ
“นี่มันอะไรกัน หมอหนึ่งคนต่อคนป่วยเกือบยี่สิบคน จะพอได้อย่างไรกัน แล้วนี่… คนเจ็บมาก เจ็บน้อยก็อยู่รวมกันปะปนเช่นนี้ เชื้อโรคมันจะไม่ปะปนกันหรือ”
“คุณหนูฟ่าน ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อ ข้า…”
หมอหลวงที่เคยไปตรวจให้นางหันมามอง และรีบเดินมาถามนางทันที ทหารที่บาดเจ็บ ไม่เคยเห็นหน้าของฟ่านถิงเฟยมาก่อน ก็หันมามองด้วยความสนใจ
“คือข้า แค่แวะมาดูเท่านั้น ท่านหมอเหตุใด…”
“โอ๊ย!”
“ท่านหมอช่วยที มีคนบาดเจ็บ”
“เอ่อ เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”
“เอ่อ!”
ไม่ทันจะได้กล่าวสิ่งใด หมอหลวงก็วิ่งกลับไป เพื่อรับคนบาดเจ็บเข้ามารักษา ซึ่งสถานที่รักษาทั้งรก และไม่มีความสะอาด ผู้ป่วยนอนกันปะปน ทำให้ผู้ที่เคยเป็นแพทย์สนามอย่างฟ่านถิงเฟย ได้แต่ส่ายหน้า
“หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ นอกจากผู้บาดเจ็บจะหายช้าแล้ว อาจจะมีอัตราความสูญเสียมากกว่าเดิม”
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องยกทัพกลับมาแล้ว รีบกลับออกไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
เนี่ยฝูรีบพานางกลับไปที่กระโจมทันที เพราะเกรงว่า หากท่านอ๋องมาพบนางทั้งสองเข้า อาจจะทรงกริ้วขึ้นมาอีก แผลที่คอของคุณหนูเมื่อครั้งก่อนพึ่งจะหายไป แค่เห็นก็ทำให้เนี่ยฝูสั่นจนตั้งสติแทบไม่อยู่ ถึงความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องผู้นี้
“ชนะงั้นหรือ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ครั้งนี้ข้าศึกถอยทัพออกไป เห็นว่าฝั่งข้าศึก บาดเจ็บและล้มตายกันมาก”
“แต่ทหารฝั่งนี้ก็บาดเจ็บไม่น้อย”
“ใช่เจ้าค่ะ เห็นว่ามีเกือบห้าสิบคนที่เจ็บอยู่”
“แบบนี้ทางเมืองหลวง ไม่ส่งหมอมาเพิ่มหรือ”
“เห็นว่ากำลังเดินทางมานะเจ้าคะ คุณหนูเหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงได้ถามขึ้นมาเล่าเจ้าคะ”
“แค่อยากรู้เท่านั้น ว่าจะสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง”
“คุณหนูฟ่านขอรับ”
นางเดินมาจนถึงหน้ากระโจม ถึงได้พบกับหลิวจางหมิง ที่ปรึกษาของท่านอ๋อง ซึ่งมายืนรออยู่หน้ากระโจม
“ใต้เท้าหลิว ท่านมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ”
“ท่านอ๋องให้ข้ามาเชิญท่าน ไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นพร้อมกันในคืนนี้ขอรับ”
“คืนนี้หรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว เพราะครั้งนี้ท่านอ๋อง อยากจะฉลองให้กับเหล่าทหารที่พึ่งรบชนะ แม้ว่าจะเป็นศึกเล็ก ๆ แต่ก็อยากให้กำลังใจกองทัพ จึงได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่ลานหน้าค่าย ทุกคนจะไปพร้อมกันที่นั่น ท่านก็อย่าไปสายเล่า ข้าน้อยขอตัวก่อน”
“ขอบคุณใต้เท้าหลิว”
หลิวจางหมิงเดินกลับไปแล้ว ถิงเฟยได้แต่มองตามไป ด้วยความแปลกใจ
“ก็นับว่าเป็นคนที่รักลูกน้องดีนะ"
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะคุณหนู”
“ไม่มีอะไร เราก็รีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
งานเลี้ยง / ลานหน้าค่ายทหาร
ถิงเฟยและเนี่ยฝู เดินเข้ามาในงานเลี้ยง ท่านอ๋องและเหล่าขุนพลยังไม่เข้ามาในงาน เมื่อมาถึงนางก็พบกับหลิวจางหมิง ที่มาอยู่รอก่อนหน้านั้นแล้ว อีกฝั่งคือหลี่ชุนฮวา ที่มาถึงก่อนนาง
“คุณหนูฟ่านท่านมาแล้ว เชิญนั่งตรงนี้เลย เชิญ ๆ ๆ”
“ขอบคุณใต้เท้าหลิวเจ้าค่ะ”
เมื่อนางนั่งลง ก็เริ่มสังเกตว่า สายตาของเหล่าขุนพลกล้ารอบ ๆ เริ่มมองมาที่นาง พร้อมกับสายตาดูหมิ่นอยู่ไม่น้อย อีกทั้งบางคนถึงกับส่ายหน้าให้อย่างไม่ปิดบัง
“เนี่ยฝู นี่ข้าทำอะไรผิดไปหรือไม่ เหตุใดแม้แต่เหล่าทหารพวกนี้ ถึงได้มองข้าแปลก ๆ เช่นนี้”
“เอ่อ คือว่า… เรื่องนี้”
“คุณหนูฟ่าน ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้ท่านไม่ค่อยสบาย ไม่ทราบว่าตอนนี้พี่หญิงอาการดีขึ้นแล้วหรือยัง”
เมื่อนางหันมา ก็พบว่าหลี่ชุนฮวา เป็นผู้เอ่ยถามนาง เมื่อนางพูดขึ้นมา ทุกคนต่างเงียบกริบและรอฟังคำตอบ
“อาการของข้าหายดีแล้ว ขอบใจคุณหนูหลี่ที่ถามไถ่”
“หึ มาก็เป็นภาระ โดนลมโดนแดดหน่อยก็ป่วย แล้วยังต้องเปลืองยาไปรักษานางอีก จะมาให้เกะกะทำไมกัน”
“นั่นสิ”
เสียงพร่ำบ่นของคนรอบ ๆ งานเริ่มดังขึ้น ฟ่านถิงเฟยรู้สึกหน้าชาไปเล็กน้อย เพราะผู้พูดคือเหล่าทหารซึ่งเป็นผู้ชาย และน่าจะเป็นนายกอง และหัวหน้าหน่วยทหารคนสำคัญ
“พี่หญิงอย่าได้สนใจเลย ท่านเป็นสตรีที่อยู่แต่ในเรือน มาพบกับสภาพอากาศที่แปลกไป สุขภาพที่อ่อนแออยู่แล้ว คงทนสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้ไม่ไหว ข้าเข้าใจท่านนะเจ้าคะ”
“แต่ว่าคุณหนูหลี่ ท่านเองก็เป็นสตรีที่อยู่แต่ในจวนเช่นกัน เหตุใดท่านถึงไม่ป่วย แล้วยังสามารถช่วยงานท่านอ๋องได้มากกว่า หากครั้งนี้ไม่มีท่านคอยช่วยเหลือ ทั้งเรื่องในงานครัวและเสื้อผ้า คิดว่าในค่ายคงจะวุ่นวายกว่านี้”
“จริงด้วย ต้องขอบคุณท่านมากจริง ๆ คุณหนูหลี่”
“ท่านไม่ต่างกับพระโพธิสัตว์มาโปรด ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้เลย”
“พวกท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ช่วยในส่วนที่พอมีแรงเท่านั้น”
“คุณหนูหลี่ยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่ ๆ”
กลายเป็นว่าทุกคน ให้การยกย่องหลี่ชุนฮวาจนออกนอกหน้า ทำให้มีข้อเปรียบเทียบ ระหว่างทั้งคู่ขึ้นมาทันที เพราะก่อนหน้านี้ฟ่านถิงเฟย ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยอะไร นางยังทำสีหน้ารังเกียจไปทุกที่ ที่เดินไปเห็น แต่ไม่มีสักคนที่จะเคยเห็นสีหน้าของหลี่ชุนฮวา อย่างที่นางกับเนี่ยฝูเจอเมื่อตอนบ่าย
“ท่านอ๋องเสด็จ!”
เสียงพูดคุยเงียบลง ทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นต้อนรับท่านอ๋อง ที่เดินเข้ามาในลานกว้าง พร้อมกับกล่าวสรรเสริญขุนพลกล้า ที่รบชนะในวันนี้ เพียงแค่ได้ฟังน้ำเสียงที่ดุดัน เด็ดขาดและทรงอำนาจของเขา ถิงเฟยยังเผลอรู้สึกฮึกเหิมไปด้วย จนกระทั่งเขายกสุราขึ้นมาดื่ม
“จอกนี้เพื่อเหล่าวีรชน ที่สละชีพกลางสนามรบ แคว้นเฉินของเรา จะจดจำท่านผู้กล้าทุกท่านไว้ในใจ”
ทุกคนยกสุราขึ้นมาดื่ม ถิงเฟยที่ไม่คิดว่าสุรานั้นจะแรง ทำเอาสำลักออกมา ทุกคนเริ่มหันมามอง และเหยียดสายตารังเกียจใส่นางทันที ไม่เว้นแม้แต่เขา ท่านอ๋องจวินซานเฉินด้วยเช่นกัน
“หึ ถ้าเจ้าดื่มไม่ไหว ก็จงอย่าได้ฝืนดื่มเลย มันดูน่าขันเสียเปล่า ๆ”
“ข้า…”
“รายงาน!”
“ว่าอย่างไร”
“ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าหานลี่ถูกข้าศึกลอบโจมตี บาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ถูกพาไปที่กระโจมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ!”
ท่านอ๋องเดินออกจากงานเลี้ยงไปทันที ทิ้งให้จางหมิงอยู่และอนุญาตให้ทุกคนกินดื่มกันต่อไปได้ แต่ฟ่านถิงเฟยกลับลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เนี่ยฝูได้แต่ดึงแขนนางเอาไว้
“คุณหนูท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ”
“กระโจมผู้ป่วย ข้าจะไปดูสักหน่อย”