บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 – เสียงฝีเท้าในรัตติกาล - 2

เหมยลี่นั่งนิ่ง จ้องถุงผ้าพิษกับเศษไม้ไผ่พักใหญ่ ในที่สุดนางลุกขึ้น เก็บของทั้งหมดไว้ในอกเสื้อ ดับไส้ตะเกียงจนแสงหรี่ลงเหลือเพียงริ้วไฟบาง แล้วพิงกรอบหน้าต่างชมจันทร์ที่คล้อยต่ำลงทีละน้อย สายลมเย็นแตะผมข้างแก้ม—คืนนี้จะยาวนาน

ยามสาม เงาจันทร์ซีดดั่งกระดูกปลา เงาต้นหลิวพาดทาบพื้นอิฐยาวเหยียด เหมยลี่สวมเสื้อคลุมผ้าหยาบทับชุดในไร้ลวดลาย ขลิบชายเสื้อด้วยผงถ่านให้หม่นกลืนกับความมืด นางออกจากเรือนโดยใช้ทางเดินเล็กหลบตา ข้ามลานหิน ก้มตัวลอดใต้ชายคาไปยังทิศเหนือของหอเก็บตำรา

ตำหนักสายน้ำจันทร์เงียบราวสิ่งไร้ชีวิต หน้าบันสลักรูปคลื่นและนกน้ำ เหนือบันไดหินสิบสามขั้นเป็นประตูไม้ทึบที่เชื่อว่าไม่เคยเปิดสำหรับคนภายนอกมานานปี เหมยลี่แตะนิ้วไปตามขอบบานอย่างช้า ๆ จนเจอช่องลมหายใจ—ประตูกระดิกแผ่วกระทั่งเกิดรอยแยกกว้างได้เพียงครึ่งคืบจริงดังว่า

นางเป่าลมหายใจยาว ไล่ความหนาวในทรวง ก้มตัวสอดไหล่เข้าไป บานประตูแคบเฉียดผ่านหลังจนผ้าเสื้อครูดดังแผ่ว ภายในมืดและเย็นขาวคล้ายอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง กลิ่นกระดาษเก่าผสมผงสมุนไพรผุดพรายขึ้นจากทุกชั้นชั้นวาง

ตะเกียงมือเล็กถูกจุดด้วยไฟกะทัดรัด เศษแสงสั่นไหวบนตัวอักษรเก่าที่เขียนด้วยพู่กันบนสันตำรา เหมยลี่กวาดสายตาลงไปทีละชั้น—ตำราวิธีปรุงน้ำหอมร้อนสำหรับฤดูหนาว … บัญชีจ่ายผ้าไหมตำหนักเหนือ … หมายกำหนดการพิธีดอกเหมย … ไม่ใช่สิ่งที่หา นางเดินลึกเข้าไปอีก จนถึงชั้นล่างสุดที่มีตู้ไม้ปิดผนึกด้วยตราปูนปั้นร้าว ๆ

ปลายนิ้วแตะตรานั้นเบา ๆ ปูนเก่าร่วนราวทราย ไม่น่าเชื่อว่าของปิดเช่นนี้ยังปล่อยให้ค้างอยู่นาน อาจเพราะไม่มีผู้ใดกล้าละเมิด…หรือเพราะผู้เฝ้ามองเห็นการละเมิดเป็นส่วนหนึ่งของแผน

นางค่อย ๆ งัดขอบตู้ เสียงไม้ครางเบาจนเสียวสันหลัง ประตูตู้ขยับเผยซองผ้าสีกลางคืนเรียงซ้อนกันสิบกว่าซอง ทุกซองปักสัญลักษณ์เคียวไขว้แบบเดียวกับที่ชายสวมหน้ากากวางไว้บนโต๊ะเมื่อตะกี้

หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่ต้องสั่ง เหมยลี่หยิบหนึ่งซอง เปิดออก—ภายในเป็นแผ่นกระดาษน้ำมัน เขียนด้วยหมึกแห้งสีหม่น สูตรรมไฟซ่างกู๋ระดับสาม บรรทัดล่างสุดมีลายเซ็นอักษรวิบไหว—หยางอี้เหวิน ชื่อที่คุ้นหูเธอราวเสียงที่เคยได้ยินในฝัน

“หยางอี้เหวิน…” นางกระซิบ ชื่อนี้เคยอยู่ในลมหายใจสุดท้ายของเพื่อนสหายผู้จากไปห้าปีก่อน ชายที่ขายผงสมุนไพรให้ผิดสูตร—หรือถูกบังคับให้ขาย—จนเกิดเหตุเพลิงไหม้ครานั้น

เสียงกระดาษเสียดกันแผ่ว ๆ ดังขึ้นด้านหลัง เหมยลี่หันขวับ ตะเกียงมือสั่นเล็กน้อย เงาดำเสียดผ่านปลายสายตาไปหนึ่งริบ—ไม่มีผู้ใดตอบรับ นางกลั้นลม หูฟัง เงียบ…เกินไป

บนพื้นใกล้ตู้หนังสือ มีฝุ่นบาง ๆ ที่ถูกลากเป็นคราบโค้งมน ราวใครเลื่อนของหนักออกไปไม่นานนัก เหมยลี่ก้มลง ลูบปลายนิ้ว—ฝุ่นยังชื้น ในอากาศมีไอสมุนไพรเย็นเฉียบคล้าย หานเสวี่ย ใช้ดับกลิ่นเนื้อสดและเลือด

“นี่มิใช่เพียงหอเก็บตำรา” นางพึมพำ “แต่เป็นหอเก็บร่องรอย”

ทันใดนั้น บนเพดานด้านบนสุดเกิดเสียงแผ่วคล้ายเชือกเสียดกับไม้ ขนทุกเส้นบนต้นคอเหมยลี่ลุกชัน นางดับไส้ตะเกียงในพริบมือ ดึงเงาความมืดเข้ามาคลุมตัวเอง แล้วเลือนกายไปชิดแนวตู้ ดวงตาปรับเข้าความมืดได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเงาที่ไหลลงมาตามคานกลับไร้เสียง เหลือแต่ลมหายใจอุ่นของผู้ลอบเข้ามาที่พร่าพรายอยู่ข้างหลัง

สายเชือกฟาดลงมาเฉียดไหล่ นางเบี่ยงตัวหลบฉิว เงื้อมมือหยิบเศษไม้ไผ่ที่ชายสวมหน้ากากให้ไว้ บีบจนเส้นเงินข้างในแตก “แต๊ก” เสียงเบาแทบไม่ต่างเสียงแมลงปีกแข็งกระพือ ทว่าจากความมืด ณ อีกมุมหนึ่ง กลับมีเงาอีกเงาตอบสนองทันที—ประกายเหล็กแลบวาบ คราวนี้ไม่ใช่เชือก แต่เป็นปลายมีดถูกปัดให้เบนทิศ พุ่งไปเจาะบานตู้ไม้เกิดเสียงดังปัง

“ใคร!” เสียงชายห้าวต่ำสบถอยู่ด้านบน แล้วทุกอย่างก็แตกกระเจิง ร่างในความมืดกระโดดลง ประทะกับเงาที่มาถึงใหม่ เสียงเหล็กขูดไม้ เสียงหอบหายใจ เสียงเท้ากระแทกพื้นเป็นจังหวะถี่ เหมยลี่ก้มต่ำ ลัดระหว่างตู้หนังสือไปยังทางออกแคบ—แต่พอถึงปลายทาง ประตูทิศเหนือกลับถูกดันปิดแน่นจากนอกด้าน

กับดัก

นางเม้มริมฝีปากแน่น ดันไหล่สอดช่องเล็กไม่ได้ จึงผละกลับ หันเข้าสู่ความมืดอีกทาง แสงจันทร์สาดทะลุช่องระบายสูงเป็นเส้นเงินเรียว ๆ พอให้เห็นทางแคบเลื้อยขึ้นบันไดสู่ชั้นบน เหมยลี่ไม่ลังเล กวาดซองตำราพิษสองสามซองติดมือ ยัดลงในอกเสื้อ แล้วไต่ขึ้นบันไดโดยกดน้ำหนักให้เบาที่สุด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel