บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 – เงาจันทร์เหนือกำแพงวัง

ลมราตรีพัดแผ่วเหมือนเสียงถอนใจของใครสักคน แทรกผ่านยอดหลังคาแกะสลักมังกรโค้งสูง เงาจันทร์ที่หล่นบนกำแพงศิลาเรียงรายราวกับรอยหมึกเลอะบนกระดาษขาวกว้าง วังหลังในยามนี้งามราวภาพฝัน แต่ความงามนั้นกลับซ่อนความเงียบงันที่ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกหนักอึ้ง

เหมยลี่ก้าวตามหลิวเซิ่งผ่านโถงยาวทอดไกล ประตูบานโค้งแกะลายดอกเหมยผลิบานเปิดออก เผยให้เห็นเรือนพักรับรองที่จัดไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ พื้นไม้จันทน์แดงขัดจนมันวาวส่งกลิ่นหอมอบอวลราวกับซึมซับกาลเวลา บนผนังแขวนภาพวาดหมึกพู่กัน ดอกเหมยบานท่ามกลางหิมะขาว เนื้อเส้นละเมียดละไมคล้ายจะขยับไหวได้จริง

โคมไฟน้ำมันเล็ก ๆ แขวนเรียงรายรอบเรือน แสงสีทองกระเพื่อมไหวตามแรงลมเย็นที่ลอดผ่านหน้าต่างกระดาษซิ่ว เหมยลี่เพียงมองเงาโคมสะท้อนบนพื้น ก่อนจะวางหีบสมุนไพรลงบนตั่งอย่างระมัดระวัง สมุนไพรและเข็มเงินในหีบนั้นคือสิ่งเดียวที่นางมั่นใจว่าปกป้องตนได้ในสถานที่นี้—ที่ซึ่งรอยยิ้มงามอาจแฝงคมเข็มพิษ และกลิ่นดอกไม้หอมอาจซ่อนกลิ่นเลือด

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นนอกประตู ก่อนที่บานประตูไม้จะเลื่อนเปิด ขันทีหนุ่มในชุดครามก้าวเข้ามา ถือถาดหยกวางน้ำชาไออุ่น กลิ่นหอมอ่อนของชาอู่อี้คลี่ตัวในอากาศ เขาผายมือคารวะต่ำ “ท่านหมอยา น้ำชาอุ่นเจ้าค่ะ”

เหมยลี่พยักหน้า แต่ไม่ได้รีบเอื้อมมือไปรับถ้วย นางเพียงวางสายตาลงบนของเหลวใสสีอำพัน ก่อนจะเอ่ยเบา “วางไว้เถิด” น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงแววระวังตน ขันทีหนุ่มก้มศีรษะ แล้วถอยหลังออกไปอย่างเงียบงัน ทิ้งความเงียบกลับคืนสู่ห้องอีกครั้ง

นางทอดสายตามองถ้วยชาอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากขยับยิ้มบางราวกับหัวเราะกับตัวเอง—ในวังหลัง เครื่องดื่มที่งามหรูที่สุดอาจเป็นเพียงยาพิษในถ้วยหยก

ขณะนางกำลังหยิบตลับเข็มเงินเพื่อตรวจสอบ ความรู้สึกเย็นวาบก็แล่นผ่านสันหลัง ดวงตาคมเหลือบไปยังหน้าต่างกระดาษซิ่ว เงามืดเลือนรางปรากฏอยู่นอกหน้าต่าง เงานั้นสูงโปร่ง ยืนสงบเกินกว่าจะเป็นเพียงกิ่งไม้ไหวตามลม เหมยลี่ชะงัก มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบเข็มเงิน ปลายนิ้วเย็นเยียบ ความเงียบรอบตัวเหมือนกดทับให้นางได้ยินแม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจตนเอง

เงามืดยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะเคลื่อนถอยออกไปอย่างเชื่องช้า จนลับหายไปในความมืด แต่ความรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องยังคงฝังอยู่ในอกนางไม่จางหาย

เหมยลี่นั่งนิ่งอยู่อีกครู่ก่อนจะตัดสินใจเก็บเข็มเงินกลับลงตลับ นางรู้ดีว่าการเผชิญหน้าโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร อาจไม่ต่างอะไรกับการยื่นคอตนเองให้เชือด

เสียงบานประตูเปิดอีกครั้ง คราวนี้เป็นหลิวเซิ่งที่ก้าวเข้ามา เขามิได้สวมชุดขันทีเต็มยศ แต่เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีหม่น ปักลายเถาเหมยด้วยด้ายเงิน เส้นผมมัดหลวมราวกับเพิ่งสลัดจากพิธีการมาหมาด ๆ

“ยังตื่นอยู่หรือ” น้ำเสียงเขาเรียบ แต่สายตากวาดมองไปรอบห้องราวกับกำลังประเมินความปลอดภัย

“ในวังนี้ หลับตาได้ง่ายนักหรือ” เหมยลี่เอ่ยโดยไม่หันมามอง

หลิวเซิ่งยกยิ้มบางแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม นำซองผ้าสีดำจากสาบเสื้อวางลงบนโต๊ะ เขาเปิดออก เผยให้เห็นสมุนไพรแห้งกำสีเล็ก ๆ กลิ่นขมฉุนลอยออกมาทันที

“ซ่างกู๋” เหมยลี่เอ่ยทันทีเมื่อได้กลิ่น “เจ้าพบมันที่ใด”

“สวนต้องห้ามด้านหลังตำหนักฉินเฟย” หลิวเซิ่งตอบ น้ำเสียงนิ่งราวกับกล่าวถึงสิ่งไร้ค่า แต่สายตาคมเหมือนกำลังวัดปฏิกิริยานาง

“ฉินเฟย…” เหมยลี่เลิกคิ้วเล็กน้อย “สนมเอกขององค์ชายใหญ่มิใช่หรือ”

เขาพยักหน้า “และองค์ชายใหญ่คือพี่ชายแท้ ๆ ขององค์ชายรอง—พระบิดาของโอรสที่เจ้าช่วยไว้”

บรรยากาศในห้องเย็นลงทันที เหมยลี่รับรู้ได้ว่ากลิ่นพิษในคราวนี้…ไม่ใช่เพียงพิษในอาหาร แต่คือพิษแห่งความทะเยอทะยานที่แผ่ซ่านไปทั่ววังหลวง

“แล้วเจ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด” นางถาม

“เพื่อบอกว่า หากเจ้าต้องการความจริง เจ้าต้องพร้อมเหยียบย่างเข้าไปในรังงูพิษด้วยตนเอง” หลิวเซิ่งตอบ ดวงตาของเขามีประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก

เหมยลี่หัวเราะในลำคอ “ข้าเติบโตในย่านรัตติกาล งูพิษที่นั่นก็เลื้อยอยู่ทุกตรอก เพียงแต่เปลี่ยนเกล็ดมันเป็นทองเท่านั้นเอง”

รุ่งเช้า แสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านไหมเข้ามาในห้อง แต่ความเย็นของรัตติกาลยังเกาะอยู่ที่ปลายนิ้ว เหมยลี่เดินตามหลิวเซิ่งออกไปยังสวนต้องห้าม กลิ่นดอกเหมยบานคลุ้งชวนให้ลืมว่าที่นี่คือจุดกำเนิดของซ่างกู๋

ท่ามกลางหมู่ไม้และร่มเงา ฉินเฟยปรากฏกาย นางงามสูงศักดิ์ในอาภรณ์ไหมสีงาช้าง ปักลายเมฆทอง เส้นผมเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกขาว รูปโฉมงามสง่าราวภาพวาด แต่รอยยิ้มของนางกลับเย็นเยียบ

“นี่หรือหมอยาจากย่านรัตติกาล” เสียงนางนุ่มนวล แต่แฝงคมมีดในคำพูด

เหมยลี่โค้งคำนับตามธรรมเนียม “บ่าวเพียงผ่านมา”

ฉินเฟยมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า “ได้ยินว่าฝีมือดีนัก ถึงกล้าชี้ว่าพิษมาจากในวัง ข้าหวังว่าความมั่นใจนั้นจะไม่พาเจ้าลงหลุมศพก่อนวัย”

“บ่าวหวังเช่นกัน ว่าผู้ที่มีอำนาจจะมิใช้มันเป็นเกราะปกปิดความผิด” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมแต่คำพูดแฝงหนาม

ดวงตาฉินเฟยหรี่ลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ปากกล้าดีนัก…ข้าจะรอดู”

หลิวเซิ่งก้าวมาข้างหน้า “ข้าพาท่านหมอยามาที่นี่เพื่อตรวจสวน มิใช่เพื่อโต้คารม”

ฉินเฟยเลิกคิ้ว มุมปากยังมีรอยยิ้ม “ก็แล้วไป” นางหมุนตัวจากไปอย่างสง่างาม ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมอวลและความเย็นที่เกาะแน่นในใจ

หลังฉินเฟยจากไป เหมยลี่เดินตรวจสวนต้องห้ามอีกครั้ง แต่สิ่งที่นางคาดว่าจะพบกลับหายไปหมด กระถางซ่างกู๋ถูกย้ายออก เหลือเพียงดินเปล่าเย็นชื้นราวเพิ่งถูกรดน้ำ ดินนั้นมีกลิ่นจาง ๆ ของพิษที่นางจำได้แม่น แต่มันเลือนจนเกือบจับไม่ได้

นางก้มลง ตักดินใส่ถุงผ้าเล็ก เก็บไว้ในอกเสื้อ “ผู้ใดลบหลักฐานได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ต้องมีมือในตำหนักช่วย”

หลิวเซิ่งพยักหน้า “และนั่นหมายความว่ามีคนในกำแพงนี้…ที่มิอยากให้ความจริงโผล่พ้นน้ำ”

ยามสายจวนล่วงแล้ว เหมยลี่ขอตัวกลับเรือนพักเพื่อตรวจดินอย่างละเอียด แต่ในระหว่างทางเดินที่ทอดยาวใต้ร่มไผ่ ความเงียบกลับผิดปกติจนแม้แต่เสียงนกก็หายไป

เงาร่างหนึ่งก้าวออกมาจากพุ่มไม้ มือข้างหนึ่งถือเชือกเส้นหนา อีกข้างถือผ้าดำ ส่งกลิ่นหืนของยาสลบแรงจัด

“เจ้าเป็นผู้ใด” เหมยลี่เอ่ยเสียงต่ำ มือขยับไปที่เข็มเงินในอกเสื้อ

ชายผู้นั้นมิพูดสิ่งใด พุ่งเข้าหานางอย่างรวดเร็ว

เหมยลี่เบี่ยงตัว ใช้เข็มเงินแทงไปยังจุดมือขวา ชายคนนั้นชะงักไปชั่วขณะ แต่ก็ยังเหวี่ยงเชือกใส่นาง นางก้าวถอยหลังชนเข้ากับเสาไม้ ความเร็วของอีกฝ่ายทำให้หนีได้ยาก

ทันใดนั้น เสียงหวีดของเหล็กปะทะกันดังขึ้น หลิวเซิ่งโผล่มาจากอีกด้าน ดาบสั้นในมือสะบัดปัดเชือกออกอย่างแม่นยำ “ผู้ใดให้เจ้ามาแตะต้องนาง!”

ชายลึกลับถอยหลังเพียงก้าว ก่อนจะวิ่งลับหายไปในร่มไม้ราวกับสลายไปกับอากาศ เหลือเพียงกลิ่นยาสลบและเงามืดที่ยาวทอดลงบนพื้น

“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่” หลิวเซิ่งเอ่ยขณะประคองแขนเหมยลี่

นางส่ายหน้า “เพียงตกใจ…แต่ข้าจำได้ว่ากลิ่นยาสลบนี้ คล้ายกับที่ใช้ในย่านรัตติกาลเมื่อหลายปีก่อน”

“นั่นหมายความว่า…” หลิวเซิ่งขมวดคิ้ว “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาจเกี่ยวพันกับอดีตของเจ้า”

เหมยลี่มิได้ตอบ เพียงมองไปทางกำแพงสูงที่จันทร์กำลังโผล่ขึ้นเหนือขอบ เงาจันทร์ทอดลงปกคลุมทุกสิ่งอย่างในวังหลัง—ทั้งความลับ เล่ห์กล และรอยเลือดที่ผู้คนพยายามลบ

คืนนั้น เหมยลี่ไม่อาจข่มตาหลับได้ เสียงฝีเท้าที่ได้ยินยามดึกดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้อยู่ใกล้กว่าที่คิด

ก่อนที่นางจะลุกไปดู ประตูเรือนก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดอย่างช้า…

และในเงามืดนั้น มีเสียงหนึ่งกระซิบเรียกชื่อของนางเบา ๆ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel