บทที่ 2 สัญญาของเพื่อนเก่า 1/3
บทที่ 2
“เทมส์หยุด! หยุด!”
เนียงวิภาร้องไม่หยุดนับตั้งแต่โดนลากออกจากห้องอาหารจนมาถึงที่จอดรถของร้านเหมยลี่ ภัตตาคารอาหารจีนในตัวตึกสูงห้าชั้นซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่นัดดูตัวและได้เจอกับเพื่อนเก่า จนนำไปสู่การโกหกพ่อกับป้าของเธอแบบไม่กลัวนรกจะกินหัว แล้วยังจะลากไปจดทะเบียนสมรสกันอีก
“แกเป็นบ้าเหรอ จู่ๆ จะมาจดทะเบียนสมรสกับฉัน” พอเทียมฟ้าเลิกดึงแขนให้เดินตาม หญิงสาวก็สาดคำถามใส่ “เรื่องช่วยกันก็ขอบใจอยู่หรอกนะ แต่นี่จะแกล้งฉันหรือไง”
“แล้วเกิดอะไรขึ้น แกถึงโดนจับแต่งงานแบบนี้”
“ก็เป็นหนี้น่ะสิ” เธอตอบอย่างไม่อ้อมค้อมกับคนที่สนิทใจกัน “ตอนแรกฉันยังไม่รู้ว่าโดนหลอกให้มาดูตัว พอเข้ามาในห้องนั่นแหละถึงรู้เรื่อง ดีนะที่เจอแก”
“นั่นไง ฉันเป็นคู่ฟ้าประทานของแกชัดๆ” เทียมฟ้าได้ทียักคิ้วให้ “ไปเถอะนุ้ย แต่งงานกัน”
“แกมันบ้า!” หญิงสาวด่าไม่ยั้งปาก “มีเรื่องอะไรก็บอกมา อย่ามาตีขลุมโมเม แต่งงานมันเรื่องใหญ่ เอามาล้อเล่นได้ที่ไหนกัน”
พูดออกไปเพียงเท่านี้คนหน้าแป้นเมื่อครู่ก็ถอนหายใจยาว รับรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องกลุ้มใจแน่ๆ แต่คงไม่ใช่เรื่องเงินเพราะคุณชายเทียมฟ้าออกจะล่ำซำ ร้านเฟลอร์เดอลีของเขาโก้หรูและโด่งดัง หลายปีก่อนเคยมีคนมาโม้ให้ฟังว่าถ้าไม่มีโอกาสไปชิมฝีมือเชฟมิชลิน มากินอาหารร้านนี้แทนก็ยังได้
เอ...หรือว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ หวังว่าคงไม่ได้ใกล้ตายหรอกนะ ถึงทำหน้าเซ็งโลกอยู่อย่างนี้
“แกป่วยเหรอ” เธอถามอย่างอดไม่ได้ “ติดเชื้อเอชไอวีมาใช่ไหม”
“โอ้โฮ! ปาก” เทียมฟ้าถึงกับตาเหลือก “ฉันสบายดี ไม่ต้องมาแช่ง! แล้วทำไมแกต้องมาว่าฉันติดเชื้อด้วย”
“ก็ควงสาวไม่ซ้ำหน้าอย่างแกจะป่วยเป็นอะไรได้” คนโดนดุบ่นกระปอดกระแปดแล้วมุ่ยหน้าใส่ “ถ้าไม่ใช่ป่วยใกล้ตาย แล้วทำไมจู่ๆ แกนึกจะแต่งงาน”
“ก็แม่จับคู่ให้ฉันน่ะสิ” พ่อปลาไหลใส่สเก็ตถึงกับถอนหายใจเฮือก “บอกว่าฉันควรจะมีครอบครัวได้แล้ว”
“ก็จริงของแม่แก” เธอเห็นด้วยแม้จะใจหายแปลกๆ อยู่ก็ตาม “แล้วทำไมแกไม่แต่งล่ะ”
“แกลองถามกูเกิ้ลดูสิ ว่ารู้จัก มีมี่ รัศมีมาศ ไหม”
สิ้นเสียงนั้นเนียงวิภาก็ทำตามทันที มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าประดับด้วยลูกปัดไข่มุกวาววับที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสะพายแต่วันนี้จำใจต้องใช้มันเพราะแม่บอกว่าเข้ากับชุด แล้วควานหาสมาร์ตโฟนเพื่อค้นดูว่า ‘มีมี่ รัศมีมาศ’ นี่เป็นใคร ทำไมคุณเพื่อนสุดที่รักของเธอถึงทำหน้าหมดอาลัยตายอยากเมื่อพูดถึงว่าที่เจ้าสาว จะว่าไปชื่อก็คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน
“โอ้โฮ! นี่ว่าที่เจ้าสาวแกเหรอ” เธอว่าแล้วว่าทำไมถึงคุ้น ที่แท้ก็ไฮโซสาวชื่อดังนี่เอง “ที่เขาว่าเป็นเจ้าแม่คาสโนวี่ขยี้ทั่วไทยไปไกลทั่วโลกนี่”
“เออนั่นแหละ มาตามฉันได้สักพักแล้ว รำคาญจะตาย” เทียมฟ้าทำหน้าเหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย “แกต้องแต่งงานกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันได้แต่งกับยายมีมี่นั่นแน่”
“ทำไมแกถึงไม่ชอบเขาล่ะ ออกจะสวย รวย ครบเครื่อง”
“ยายนั่นผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้วมั้ง ฉันไม่ชอบใช้ของมือแปด”
“พูดเหมือนแกไม่เคยเสียตัวมานักต่อนักแล้วอย่างนั้นแหละ”
“แกไม่เคยได้ยินเหรอว่าผู้ชายข้าวเปลือก ผู้หญิงข้าวสาร”
“หุงขึ้นหม้อไม่ดีเหรอ”
“ไม่ดี!” ยิ่งต่อปากต่อคำเทียมฟ้าก็ยิ่งเสียงดังและทำหน้ายุ่งเข้าไปทุกที “แล้วนี่อย่าบอกนะว่าเห็นดีเห็นงามกับยายคนนี้ไปด้วย ฉันว่าอย่างแกหวงพรหมจรรย์ไว้ปักตะไคร้เถอะ”
“แล้วความเท่าเทียมทางเพศมันอยู่ตรงไหน”
“แล้วแกยังจะเอาคำว่าเลดี้เฟิร์สอยู่ไหม”
พอได้ยินคำนั้นหญิงสาวก็แยกเขี้ยวใส่ทันที
นั่นมันหน้าที่ของสุภาพบุรุษอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมต้องมาถามด้วย แต่ก่อนจะหลงประเด็นไปไกล เธอขอกลับมาที่เรื่องงานวิวาห์ที่เทียมฟ้าพยายามวิ่งหนีก่อนก็แล้วกัน
“นี่นุ้ย ถือว่าช่วยกันเถอะนะ ฉันไม่ชอบยายนั่น”
“มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ”
“ตอนนี้คิดได้แค่นี้”
“แต่ปกติแกฉลาดกว่านี้”
“ถ้าแกไม่ช่วยฉัน ฉันจะไปบอกความจริงกับพ่อแม่และป้าของแก”
เจอไม้นี้เข้าไปคนปากเก่งก็จ๋อยสนิท
เพิ่งรอดตัวมาได้แท้ๆ ผู้สมรู้ร่วมคิดจะพังแผนกันแล้วหรือ ถ้าเทียมฟ้าเดินเข้าไปบอกพ่อกับป้าว่าเรื่องทั้งหมดมันคือคำโกหกเพื่อหลีกหนีการแต่งงานเอาค่าสินสอดนั่น พวกท่านต้องเชื่อแน่ๆ หรือดีไม่ดีตอนนี้อาจจะเคลือบแคลงสงสัยอยู่ก็ได้ เพราะป้าเห็นเธอกับผู้ชายคนนี้มานาน รู้ว่าสนิทกันแค่ไหน มอบตำแหน่งสามีบังหน้าให้ทำไมจะทำไม่ได้ ถ้าความแตกขึ้นมามีแต่จะพังกับพัง เสี่ยดำเกิงได้พาลูกชายหวนกลับมาอีกรอบแน่ ทางนั้นยิ่งอยากได้ลูกสะใภ้ใจจะขาด
ไหนๆ เทียมฟ้าก็ช่วยเธอให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้แล้ว ใจคอจะไม่ช่วยเขาบ้างหรือ
แต่นี่มันต้องแลกด้วยความโสดของตัวเองเลยนะ มันไม่มากไปหน่อยหรือ แล้วแลกกับใครไม่แลก ดันมาแลกกับไอ้หน้าหม้อในตำนาน ผู้ถูกกล่าวขานกันว่าเจ้าชู้ที่สุดในรุ่น มันไม่ใช่ข้อเสนอที่ดีเลย
“ยังไงฉันก็ไม่จด!” เนียงวิภายันเสียงแข็ง “เรื่องอะไรต้องมามีประวัติหย่าร้างเพราะแก”
“ไม่หย่าก็ได้นะนุ้ย”
พอเห็นเธอปฏิเสธขึงขัง เทียมฟ้าก็เริ่มใช้ไม้อ้อน ทำหน้าวิงวอนอย่างกับยอมสยบเท้า เอาอะไรมาแลกก็ยอมทั้งนั้น
“แต่ช่วยจดทะเบียนสมรสเป็นยันต์กันยายมีมี่ให้หน่อยนะ”
“ไม่!”
“โธ่...ไหนแกบอกว่าจะช่วยฉันไง ขอร้อง ไหว้ละ จดเถอะนะ”
เทียมฟ้ายิ่งเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วยังพนมมือไหว้อีกต่างหาก
นี่เขาเห็นเธอเป็นเทพเจ้าแห่งวัดหวังต้าเซียนหรืออย่างไร จะได้ขอคู่ได้คู่ แต่เรื่องอะไรที่เธอต้องมาสละตัวเอง
“ถ้าแม่ฉันไม่เห็นทะเบียนสมรส มีหวังไม่ยอมล้มเลิกจับคู่ฉันกับยายมีมี่แน่”
“แล้วแกว่าป้ากับพ่อฉันไม่สงสัยหรือไง” เนียงวิภาสวนอย่างเหลืออด “แต่เป็นตายร้ายดียังไง ฉันก็ไม่จดทะเบียนสมรสกับแกหรอก”
“ถ้าไม่มีทะเบียนสมรสกลับไปด้วยจะบอกพ่อแกว่ายังไง” คนอยากจดทะเบียนจนตัวสั่นยังไม่วายหว่านล้อม “นี่พ่อแกเล่นขู่เผาร้านฉันด้วย ถึงขั้นวอดวายเลยนะ”
“ฉันหาทางออกได้แล้วกัน” หญิงสาวตอบอย่างขอไปทีเพราะตอนนี้เธอยังคิดไม่ออก “เรื่องของฉันเอาไว้ก่อน แต่ยังไงก็จะช่วยแก ไม่ต้องห่วงหรอก”
“แล้วแกจะทำยังไง”
“ไปหาแม่แกด้วยกัน ฉันจะเป็นยันต์กันผีให้เอง โอเค?”
เธอเอียงคอถามเป็นอันรู้กันว่าอย่ามีปัญหาอีก เทียมฟ้าก็ไม่หือไม่อือ เดินนำมายังปอร์เช่สีขาวผ่องที่จอดเด่นอยู่ใต้ต้นแปรงล้างขวดออกดอกสีแดงสดบานสะพรั่งหน้าลานจอดรถของร้านอาหารย่านชานกรุง เตรียมมุ่งหน้าสู่บ้านที่เธอหันหลังให้มานานร่วมหกปี ไม่รู้ครอบครัวเลิศบดินทร์จะสุขทุกข์อย่างไร นึกขึ้นมาก็ชักจะคิดถึงทุกคนที่เคยสนิทกัน
เดิมทีครอบครัวของเทียมฟ้าทำธุรกิจโรงแรม กระทั่งพ่อของเขาบุกเบิกพลาซ่าเป็นของตัวเอง เท่าที่เธอรู้มีอยู่สามแห่ง คือที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เปิดให้ร้านรวงเช่าพื้นที่ขายของ ทำบรรยากาศหรูหราชวนให้เดินเล่นและถ่ายรูป โดยมีร้านอาหารชื่อดังอย่าง ‘เฟลอร์เดอลี’ ช่วยเรียกแขก เธอไปเที่ยวกับเทียมฟ้าจนครบทุกที่ แต่หกปีผ่านไปจะมีอะไรมาเพิ่มเติมหรือไม่ก็สุดจะคาดเดา
แม่ของเทียมฟ้าเป็นม่ายสาวทรงเครื่องเพราะพ่อของเขาจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็ง ทิ้งให้คนเป็นภรรยาต้องสานงานต่อ นับเป็นนักธุรกิจมือฉมังที่เนียงวิภายกย่องในความสามารถ ไม่เพียงจะประคองกิจการครอบครัวมาได้ ยังเลี้ยงลูกให้ได้ดีกันทุกคน
แต่พอคิดว่าต้องพบกันอีกครั้งหญิงสาวก็เริ่มวางตัวไม่ถูก เพราะเธอนั่นแหละเป็นคนทิ้งท่านไปทั้งที่เคยตกปากรับคำแล้วว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็ก ป่านนี้คุณศุภางค์จะยังเอ็นดูเธออยู่หรือเปล่า จะเข้าหน้ากันติดไหม หญิงสาวก็ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้ว
