หน้าหม้อรอรัก

88.0K · จบแล้ว
กรกานท์ ชื่นสราญ
55
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขากำลังต้อนให้เธอสารภาพรักอยู่เสียรู้เมื่อไรก็เสียเพื่อนเมื่อนั้น✿-----✿-----✿-----✿ “เขียนฉากจูบมานักต่อนัก เคยจูบจริงสักทีหรือยังนุ้ย”คำถามนี้ยิ่งทำให้เธอช็อกเข้าไปใหญ่ เนียงวิภาเข่าอ่อนยวบอย่างคุมตัวเองไม่อยู่เพราะจู่ๆ คนตัวใหญ่ก็ดึงให้ไปนั่งตัก แล้วยังกักตัวกันเธอหนีด้วยสองแขนที่โอบรอบไว้กลายเป็นกรง คนที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มก็ยิ่งประหม่า รู้สึกเลยว่าเหงื่อตกแต่ตัวเย็น หัวใจทั้งสั่นทั้งเต้นแรงตึกตัก เดาไม่ออกเลยว่าเทียมฟ้าจะแกล้งอะไรกัน“จะทำอะไรน่ะเทมส์”ยิ่งเห็นเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เนียงวิภาก็ยิ่งเสียงสั่น ถึงชายหนุ่มจะไม่คิดอะไรแต่เธอคิด ถ้าไม่อยากเสียคำว่าเพื่อนไปเธอจะปล่อยให้เทียมฟ้ารู้ทันหัวใจดวงนี้ไม่ได้เป็นอันขาด“ปล่อยสิ” หญิงสาวควบคุมสีหน้าให้นิ่งที่สุดแล้วทำเสียงเหมือนคนโมโหเข้าไว้เพราะคิดว่ามันน่าจะได้ผล “ไม่หนักหรือไง เดี๋ยวก็กระดูกหักหรอก”“ไม่หนัก” คนหน้าเป็นอมยิ้มตอบ “ทำไม เดี๋ยวนี้นั่งใกล้ๆ ฉันไม่ได้แล้วเหรอ”“แต่นี่ฉันจะทับคอแกอยู่แล้วนะ” คนโดนขังไว้บนตักทำไม่รู้ไม่ชี้เอาไว้ก่อน “ปล่อยสิ เดี๋ยวก็โดนทับตายหรอก ฉันหนักนะ”“ก็บอกแล้วไงว่าไม่หนัก” เทียมฟ้ายังทำหน้าเป็น “หรือแกคิดอะไรถึงนั่งตักฉันไม่ได้”“ฉันไม่ได้คิด!”“ไม่ได้คิดก็นั่งต่อได้ใช่ไหม”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันอาหารแต่งงานสายฟ้าแลบโตมาด้วยรักหวานๆตลกดราม่าโรแมนติก

บทที่1 มันคงเป็นพรหมลิขิต (มั้ง) 1/3

บทที่ 1

“ไหนพ่อบอกว่าเราแค่จะมายืมเงินเขาไงคะ!”

หญิงสาวถามดังลั่น ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาหน้าห้องน้ำของร้านอาหารหันมองเป็นตาเดียว แต่เธอไม่คิดจะสงบ หากวันนี้ยังไม่ได้คำตอบดีๆ จากปากบิดา ก็จะสู้ยิบตา ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

“นุ้ยก็รู้ว่าเราต้องใช้เงิน”

พ่อทำหน้าหมดเรี่ยวหมดแรงให้เธอดู ทำเอาคนคิดสู้เริ่มใจฝ่อด้วยความเห็นใจ วิญญาณนางเอกนิยายเข้าสิงอย่างสุดจะทัดทาน

“บ้านก็จำนองกับธนาคารไปก่อนหน้านี้แล้ว จะให้พ่อเอาเงินมาจากไหนอีก”

“พ่อกำลังจะยืมเงินเพื่อนอยู่ไม่ใช่เหรอคะ” ลูกสาวเถียงไม่ลดละแม้จะใจไม่ค่อยดีแล้วก็ตาม “แล้วพ่อก็รู้ว่านุ้ยไม่ได้รักเขา จะให้แต่งกันได้ยังไง”

“อยู่ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ลูกชายคุณดำเกิงไม่ได้น่ารังเกียจตรงไหนเสียหน่อย” พ่อส่ายหน้าแล้วกล่อมเธออย่างเหนื่อยหน่าย “แล้วเงินตั้งหลายแสน จู่ๆ ใครจะให้ยืม ถ้าเป็นค่าสินสอดก็ว่าไปอย่าง นุ้ยเองก็ไม่มีใครไม่ใช่เหรอ แต่งกับเขาไปน่ะดีแล้ว ยังไงก็สบาย”

“พ่อดูหน้าลูกชายเขาก่อนเถอะ เต็มใจแต่งกับนุ้ยเสียไม่มี นี่คงโดนหลอกมาเหมือนกันใช่ไหมคะ แล้วจะแต่งกันไปได้ยังไง”

“นุ้ยก็ลองแต่งไปก่อน ถ้าไม่ถูกใจกันแล้วค่อยหาเรื่องหย่าก็ได้ แต่ตอนนี้ช่วยพ่อหาเงินก่อนเถอะนะ”

“พ่อ!”

เธอได้แต่ร้อง ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะโดนหลอกมาดูตัว แรกทีเดียวพ่อบอกว่าจะมาพบเพื่อนเก่า หญิงสาวจำใจตื่นแต่เช้า ถูกมารดาจับแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นชุดกระโปรงสีกลีบบัว ตัดเย็บอย่างดีจากผ้าลูกไม้ลายสวย เรือนผมยาวถูกเกล้าหลวมๆ ดูอ่อนหวาน ใบหน้าที่ปกติพบเจอแต่ครีมบำรุงและแป้งผสมรองพื้นถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางมากมาย ประณีตบรรจงกว่าทุกที ที่แท้ก็ถูกหลอกให้มาเป็นสินค้านี่เอง

ไม่! ชีวิตของเธอต้องไม่เป็นอย่างนี้...

เธอจะไม่ยอมแต่งงานแลกสินสอดเด็ดขาด มือเท้าก็มี ทำมาหากินเองก็ยังได้ ที่สำคัญหนี้ก้อนนั้นเธอไม่ได้ก่อ ทำไมต้องมารับผิดชอบถึงขั้นเอาตัวเข้าแลกด้วย ทำไมต้องเป็นเธอ แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง เธอจะไม่ยอมแต่งกับลูกชายของเพื่อนพ่อแน่ แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าหมอนั่นมองเธออย่างเหยียดหยาม ในใจคงคิดว่าไม่มีปัญญาหาผัวถึงต้องให้ผู้ใหญ่จับคลุมถุงชน ขืนแต่งกันมีหวังโดนดูถูกสารพัดข้อหาเอาเงินสินสอดมาปลดหนี้ เรื่องอะไรจะไปยอมให้เขาตราหน้าว่าขายตัว

“ไปนุ้ย กลับเข้าห้องอาหารกับพ่อ” พ่อสั่งเสียงแข็งเพราะลูกสาวลุกหนีออกจากห้องอาหารทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกจับคลุมถุงชน “ยังไงนุ้ยก็ต้องแต่ง ไม่อย่างนั้นบ้านเราโดนฟ้องแน่ นุ้ยก็รู้ว่าหนี้มันไม่ใช่น้อยๆ”

“พ่อ...”

หญิงสาวพูดไม่ออกกับหนี้ที่ไม่ใช่ของเธอเลย เรื่องที่ต้องเอาบ้านไปจำนองกับธนาคาร เธอพอจะเข้าใจเพราะต้องใช้เงินมาประคับประคองกิจการของครอบครัว แต่เธอก็หาเงินมาผ่อนส่งได้ทุกเดือน เหลืออีกแค่ปีเดียวเท่านั้นก็จะหมดหนี้ ทว่ามรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามา ทำให้สภาวะการเงินพังครืน ถึงขั้นที่ว่าพ่อต้องขายลูกสาวกิน

แม้คนคนนั้นจะรู้จักกันมานานในฐานะลูกชายของเพื่อนพ่อ แต่ก็ไม่เคยสนิทกันมาก่อน อย่างมากก็แค่คุยกันสองสามคำ หรือหากเจอกันโดยบังเอิญตามข้างทางก็คงแกล้งมองไม่เห็นกันทั้งคู่เพราะไม่มีแก่ใจจะทัก ทว่าพบกันคราวนี้ฐณสกลับมองเธอด้วยหางตาบ่งบอกให้รู้ว่าไม่มีทางรับเธอเป็นภรรยาแน่ ใจเธอก็อยากลุกขึ้นมาทุบโต๊ะ อาละวาดคว่ำจานให้เกลื่อนพื้น แต่พอเอาเข้าจริงหญิงสาวทำเพียงกระทืบเท้าเดินหนีออกมา จนสุดท้ายบิดาต้องมาตาม

“ไปนุ้ย” พ่อเร่งซ้ำ “นุ้ยก็รู้นี่ว่าจะทำตามใจตัวเองไม่ได้ ทุกคนฝากความหวังไว้ที่นุ้ยแล้วนะ”

ลูกสาวน้ำตารื้นขอบตาเมื่อรู้ว่าถึงทางตัน

นี่เธอสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วใช่ไหม จะต้องแต่งงานเพื่อหาเงินใช้หนี้จริงๆ หรือ ถึงจะบอกว่าหย่าได้ แต่ชีวิตก่อนหย่าล่ะเป็นจะอย่างไร จะชอกช้ำน้ำตาตกในแค่ไหนไม่อาจจินตนาการได้เลย

“พ่อเข้าไปก่อนเถอะค่ะ” เมื่อมองไม่เห็นหนทางใดๆ แค่ประวิงเวลาก็ยังดี “นุ้ยขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

“อย่ามาเล่นลูกไม้กับพ่อนะนุ้ย นี่คือความเป็นความตายของทุกคนในบ้านเราเลยนะ”

“ค่ะ นุ้ยรู้แล้ว”

เธอมองไม่เห็นหนทางแล้วจริงๆ หญิงสาวถึงกับทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าห้องน้ำอย่างไม่อายใคร และพ่อก็คงไม่รู้ว่าเธอทุกข์เพราะหันหลังเดินจากไปทันทีที่เธอรับปาก ทิ้งให้คนถูกบังคับแต่งงานน้ำตาริน มองเห็นแต่ความมืดมนในอนาคตของตัวเอง แต่คร่ำครวญไปจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อความจริงที่ว่ามีหนี้ก้อนใหญ่รออยู่ไม่อาจลบล้างไปได้เลย

แต่ทำไมต้องเป็นเธอ คนที่ทำมาหากินด้วยความสุจริตเสมอมา ถึงไม่รวยล้นมาจากไหน แต่ตัวเลขก็ไม่เคยติดลบ ไม่มีหนี้ในนามของตัวเองสักบาท ยืนด้วยลำแข้งไม่เคยต้องเดือดร้อนใคร จู่ๆ ก็มีภาระก้อนใหญ่ซัดเข้ามาให้รับผิดชอบ และเป็นภาระที่ปัดออกไปไม่ได้ด้วย มันไม่มีทางอื่นที่ดีกว่าขายตัวแล้วหรือ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ให้ผมช่วยไหม”