ตอนที่ 2-3 : LGBTQ ได้หมดสดชื่นหรือเธอคนเดียว?
มาถึงหน้าเค้าเตอร์บาร์ของร้านดูกว้างกวาง ไร้ผู้คนนั่งรับประทานอาหารด้วยสถานการณ์โรคระบาด พบพนักงานสาวรอรับออเดอร์สองคน ป้องกันตัวดีด้วยหน้ากากอนามัยและแว่นครอบใบหน้าเอาไว้
“ร้านนี้ใช้ได้ กูสั่งขึ้นไปกินหลายทีแล้วล่ะ มึงเคยกินอะไรนะ? ที่บอกว่าติดใจ”
“สเต็กปลาดอลลี่... นั่นแหละ ปลาสวายขาวราดซอส ไม่หลอกลวงผู้บริโภคแน่นอน”
ทนายฉลาดรู้แม้แต่เรื่องปลาทำเขาแค่นหัวเราะ ตฤณภพตรงไปสั่งสเต็กปลาให้เพื่อน ส่วนของเขาเป็นอกไก่ อาหารคลีนประสาคนรักสุขภาพ
“เฮ้ย... ไม่เป็นไร วันนี้กูเลี้ยงเอง”
เพื่อนใจป๋าควักบัตรเครดิตออกมาวางพร้อมมอบลายเซ็นต์ให้สาว ๆ ส่งยิ้มหวานหยดย้อย สาวร่างบางเอวคอดรับสะโพกกลมกลึงในชุดพนักงานกระโปรงสั้น ๆ ทาปากอมแดงชมพูดูถูกใจโกมินทร์เสียเหลือเกิน
“บ้าม่อนี่เอง กูนึกว่าอะไร? แหม... ทำเบ่ง รู้งี้สั่งเยอะ ๆ สักสามสี่พันน่าจะดี”
ก็ไม่ไหวต้องแซว หลังจากที่พวกหล่อนเดินหายไปทางข้างหลังร้าน เหลือแค่เขาสองคน โกมินทร์ได้หลีสาวสักหน่อยเหมือนจะนึกอะไรออก
“ว่าแต่มึงเหอะ... กูถามจริง ๆ นี่ไม่กล้าถามเลยนะ ค้างคาใจมานานละ” เงียบไปครู่ก่อนเพิ่มน้ำเสียงย้ำชัด “เมื่อไรจะมีอีกสักคนล่ะ?”
“ไม่รู้... แต่ถ้าเจอถูกใจเมื่อไร กูจะบอกมึงคนแรก”
“เอ้อ... อ่อ...” โกมินทร์ทำอึกอัก กลอกตาไปมา เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำจนอีกคนทำหน้ายุ่ง
“มีอะไรอีกล่ะ?”
“เปล่า...”
นั่นล่ะยิ่งทำให้คุณหมอหนุ่มขี้สงสัยจับตามองเพื่อน พอรับกล่องอาหารแล้วเดินออกจากร้านไปขึ้นลิฟต์
โกมินทร์รู้จักกันกับเขามานาน ตั้งแต่สมัยเข้ามหา’ ลัยปีหนึ่งเป็นหนุ่มหน้าใสวัยเรียน ผ่านทางอดีตแฟนที่เป็นไบเซ็กส์ชวลได้หมดสดชื่น ขณะที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นเกย์หรือเป็นพวกเดียวกับเขา
เป็นเพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกันเลยสนิทมาถึงทุกวันนี้ ทนายหนุ่มไปเที่ยวบ้านฝากท้องหิว ๆ ไว้กับแม่ขวัญอยู่บ่อยครั้ง
“อ้อ... ได้ยินว่าน้องชายมึงกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม... กลับมาแล้วอยู่กับแม่ไง กูถึงได้หนีมานอนคนเดียว มึงเหอะ นึกอะไรขึ้นได้หรือว่ายังไง? เดี๋ยวลืมนะ อย่ามาถามกูว่าตัวมึงจะถามอะไร?” เขาแน่ใจว่าเพื่อนมีเรื่องติดใจ ถึงได้ทำปากหนัก
“อืม... มันก็มีนะ”
โกมินทร์ไม่ตะขิดตะขวงใจในคำถามเรื่องผู้ชาย ๆ ที่พูดคุยเรื่องนี้กันได้ เพียงแต่กลัวว่าจะไปจี้ใจดำให้คุณหมอนั่งนอยด์อีกหรือเปล่า จนถูกเร่งเร้า
“เร็ว ๆ ให้ไว ไม่ถามก็จะไม่ตอบแล้วนะบอกเลย”
ทนายหนุ่มแค่นหัวเราะ ก่อนปรับสีหน้าเข้มเครียดเป็นคนละคน
“ตฤณ... มึง... มีสาว ๆ ได้ป้องกันเปล่าวะ? เวลาไปเที่ยวไหนกัน กูไม่เคยเห็นมึงซื้อถุงยางสักอัน”
คนถูกถามชะงักนิ่งไปครู่ ในลิฟต์เงียบ ๆ เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดใจ
สายตาของเพื่อนรู้ดีว่าหมอตฤณไม่ใช่คนแจกขนมจีบไปทั่วหรือนอนกับใครง่าย ๆ เที่ยวคือเที่ยว กินเหล้ากลับบ้านคนเดียว แฟนคนสุดท้ายที่เลิกไปเพราะงานเยอะเสียจนไม่มีเวลาก็นับได้สามปีกว่า
เขาหลุบตาลงมองพื้นถอนหายใจหนัก
“ถ้ามึงกำลังหมายถึงอาหมวย... เปล่า... กูเมา”
“เชี้ย... สันดานแย่จริง ๆ แล้วน้องเขาหายไปแบบนี้ มันยังไงล่ะเนี่ย?” ปากไวด่าไวสมเป็นเพื่อนคุณหมอปากจัดมานาน
โกมินทร์มีท่าทีเอือมระอา นึกเสียดายว่าควรถามตั้งนานแล้ว! หากไม่ติดว่าหลายเดือนมานี้ เวลาไม่ค่อยตรงกันเท่าไรต่างคนต่างยุ่งจนได้ฤกษ์มาหา
“น้องเขาทิ้งกูไป จะให้กูไปตามหาที่ไหน? มึงเห็นกูสบายใจสักวันไหมล่ะ” ตาคมเลื่อนมองไปทางไฟกะพริบของเลขชั้นว่าเมื่อไรจะถึง หากต้องพูดคุยเรื่องนี้กับทนายต๊อด ผู้เป็นที่หนึ่งเรื่องคดีพิทักษ์เด็กและสตรี ตอนนี้เขายังถูกมองว่าเป็นผู้ร้าย
“แปลว่า... ที่กูเห็นไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม? มึงเปิดซิงน้องเหรอ...? หน้าตาเขาตื่นมาดูตกใจมากเลยนะ แล้ว... น้องกินยาหรือเปล่า?”
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดในท่าทีสงบเสงี่ยมไร้คำพูดตอบ ขณะประตูลิฟต์จะเปิดอ้าออกกว้างในชั้นสี่สิบห้าของคอนโดมิเนียมสูงระฟ้าอาคารห้าสิบชั้น
ทนายหนุ่มส่ายหน้าไปมา “แม่ขวัญรู้... มึงโดนฆ่าตาย... มีโอกาสมีน้ำใจ เป็นผู้ชายสักหน่อย หาทางติดต่อไปถามนางว่าสบายดีไหมนะเพื่อน”
พื้นฐานของหนุ่ม ๆ บ้าน ‘สิงหวัฒน์’ พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการให้เกียรติผู้หญิง ถึงคนเล็กอย่างเตชินจะเสเพลประสาเพล์บอยสักหน่อย ลูกชายทั้งสามคนต่างเป็นสุภาพบุรุษ
คุณหมอหนุ่มได้โดนเพื่อนสั่งสอนแทนแม่เสียหน้าชา! สีหน้าหยิ่งทรนงแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดลง เดินออกจากลิฟต์ตรงไปไขประตูห้องด้วยหัวใจไม่เป็นสุข
