ตอนที่ 1 : ความคิดฟุ้งซ่านของคุณหมอขี้บ่น 1-2
ไอ้เตมันกลับบ้านหรือยังนะ?
วงหน้าหล่อเหลาเข้มเครียดขึ้น ขณะนึกถึงคนสำคัญให้ต้องต่อสายหา ร่างสูงในเชิ้ตสีขาวนั่งหลังเหยียดตรง กรอกเสียงผ่านลำโพงจากช่องพวงมาลัย ทั้งน้ำเสียงรื่นหูและถ้อยคำราวกับว่าเป็นคนละคน
“แม่... เตมาอยู่กับแม่แล้วใช่ไหม? ผมมีธุระต้องไปต่างจังหวัด จะรีบกลับนะครับ”
ปลายสายตอบเสียงหวาน ‘จ้ะ ลูกตฤณ’ ก่อนวางสายไปให้เขารู้สึกโล่งใจ หากน้องชายกลับมาจากอังกฤษผ่านงานกักตัว 14 วันเรียบร้อยเพื่อมาดูแลแม่
ลูกชายทั้งสามคนของบ้านหลังนี้มีสัญญาหนึ่งข้อคือสลับเวรกันกลับบ้าน เช่นเดียวกับพ่อที่ช่วงนี้ติดงานบริษัทอยู่จังหวัดจันทบุรี
ไม่เคยมีสักครั้งที่พวกเขาจะทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว แม้ว่าคุณนายเศรษฐินีเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตอยู่บ้านเหงา ๆ บ้างหรือออกไปทำงานเดินสายตรวจร้านทอง วันไหนอารมณ์ดีก็เป็นแม่ครัวทำกับข้าว หาเพื่อนบ้านตามประสาคนแก่
ด้วยวัยอายุมากแล้วย่างเข้าหกสิบสามปี แม่ยังคงแข็งแรงดีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้างรวมถึงลูกชายทั้งสามคน
พูดถึงนายเตชิน น้องชายตัวแสบ คอยสร้างปัญหาอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงที่มีเป็นเบือ! ถ้าไม่ติดว่าเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์-โยธาจากอังกฤษ ญาติสนิทมิตรสหาย คนในครอบครัวคงไม่มีใครเหลียวแล
ต่างจากตัวเขาซึ่งเป็นหมอ พี่ชายคนโตมีบริษัทยักษ์ใหญ่เป็น CEO อยู่ต่างจังหวัด น้อยครั้งจะทำให้พ่อแม่ปวดหัว ขณะที่ทุกคนในบ้านยังคงแสดงออกชัดเจนว่ารักเตชินมากที่สุด
‘เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง’
คำพ่อบอกแต่เล็กจนโตนั้นเขายังจำได้เสมอ ในใจคงได้แต่คิดว่าพ่อแม่รักเขาและพี่ชายน้อยลงไปหรือเปล่า
จากคลินิกทันตกรรมไปคอนโดมิเนียมหรูริมชานเมืองกรุง ตฤณภพเลือกซื้อที่นี่ เพราะอากาศปลอดโปร่งกว่าย่านใจกลางเมืองที่มี PM2.5 ค่อนข้างสูง
ด้วยบรรยากาศร่มรื่นติดริมแม่น้ำเจ้าพระยายังติดถนนหลักของเมือง และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หากต้องการเข้าเมืองไปทำธุระ ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมง ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายนอกถ้าวันไหนรถติดทั่วกทม. และปริมณฑล เขาก็จะใช้ช่องทางการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วกว่า
เป็นโชคดีที่เขากลับมาถึงก่อนช่วงการจราจรหนาแน่น ผู้คนยังไม่ออกจากออฟฟิศเดินทางกลับบ้าน เขาจึงไม่ต้องนั่งขับรถขยับติดสลับเหยียบแป้นเบรคกว่าจะถึงที่พัก
บีเอ็มดับบลิวสีดำรุ่นโฉมใหม่จอดสนิทในลานจอดรถยนต์โล่งกว้าง พร้อมความคิดหนักอกหนักใจหลายเรื่องรุมเร้า พาให้คิ้วเรียบเฉียงขนานไปกับดวงตาคู่หวานคมเครียดขมวดมุ่นอยู่ตลอด ตฤณภพลอบถอนหายใจผ่านแมสก์สีเขียวเป็นพัก ๆ
กระทั่งไขกุญแจเข้าห้อง ไฟสีขาวเปิดสว่างครบทุกดวงภายใต้ความเงียบสงัดด้วยระบบอัตโนมัติของมัน ร่างสูงในเชิ้ตทำงานยังยืนนิ่งงัน ตามองตรงไปที่เตียงนุ่มอุ่นราวกับว่ามีบางคนนอนอยู่ตรงนั้น
ห้องพักกว้างขวางตกแต่งสไตล์โมเดิร์น แบ่งแยกห้องแต่ละห้องอย่างเป็นสัดส่วน ความกว้างเท่าบ้านพักอาศัยหนึ่งหลังด้วยพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอยมีห้องรับแขก 2 ห้องนอน เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
ระดับนายแพทย์ทันตกรรมเฉพาะทางวัยสามสิบเจ็ดปี ทำงานเก็บเงินซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง หมอตฤณรู้สึกภูมิใจ สบายใจทุกครั้ง หากว่าวันไหนเขาไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่ เขาพร้อมจะทอดกายนอนอย่างเป็นสุขเพื่อตื่นไปทำงานในตอนเช้าอย่างสดชื่นแจ่มใส
ยิ่งวันนี้เขาไม่มีอารมณ์รับประทานอาหารกับน้องชายที่หายหัวไปอยู่อังกฤษมาเป็นปี โกหกแม่ว่าจะไปต่างจังหวัดทั้งที่ไม่มีธุระที่ไหน เขาควรอยากกลับห้องมาอาบน้ำนอน พักผ่อนให้หายเหนื่อยล้าจากการเพ่งสายตา เคร่งเครียดกับงานมาตลอดวัน กลายเป็นว่าตอนนี้ก็ยังไม่อยากกลับ...
ใบหน้าหวานคมส่ายไปมาสลัดความคิดออกไปจากหัว ก้าวตรงไปวางกระเป๋าลงบนพื้นพรมอย่างคนขี้เกียจ โยนเสื้อกราวน์ที่พาดแขนไว้ไปอีกทางหนึ่ง ค่อยทิ้งตัวลงนอนมองเพดานสีขาว
หรือว่าเขาควรไปนั่งรอหล่อนที่ร้านอาหาร? อาหมวยจะมาหรือเปล่า...?
ความคิดฟุ้งซ่านหยุดลงเพียงได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นดัง เดาได้เลยว่าเป็นใครที่จะโทรมาหาเขาในเวลานี้ เขาล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋าหนังสะพายฝั่งคนนั่งเพื่อกดรับสาย
“ว่าไง... ไอ้ต็อด?”
เพื่อนรัก ตัวต้นเหตุของเรื่องคงอยากแสดงความรับความผิดชอบ หลังจากที่ทิ้งปัญหามหึมาไว้ให้เขาเป็นกังวลใจมาตลอดหลายเดือน
โกมินทร์จึงมักโทรมาชวนเขาไปร้านอาหารร้านเดิม อย่างน้อยก็อาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง นั่งโต๊ะตัวเดิม เวลาเดิมเหมือนรู้ว่าเขากำลังรอใคร
ตฤณภพคิดว่าความคิดของเขาไม่ผิด จนปลายสายเปิดประเด็นฉับไว...
“นักสืบเอกชนเพื่อนกูเจ้านี้งานดี จบไว ไม่ต้องไปดักรอสาวแล้วเพื่อน งานจบค่อยจ่าย สนใจมั้ย?”
