ตอนที่ 4 จ่ายหนักไปแล้ว[2]
นางทั้งเสียวทั้งโกรธ จนต้องจิกเล็บลงบนบั้นท้ายแกร่งเพื่อระบายอารมณ์ แต่ยิ่งนางทำรุนแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนไปกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของอีกฝ่ายให้เพิ่มมากขึ้น
"อ๊าาาาาาาา"
ในที่สุดนางก็ถูกท่อนลำแข็งโด่ขนาดมหึมากระแทกกระทั้นจนเสร็จ แค่นั้นยังไม่พอ พอถูกน้ำรักฉีดพุ่งเข้ามาในร่างหวั่นอี้ก็ถึงกับปลดปล่อยออกมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย
ร่างบอบบางนอนแผ่บนโต๊ะ หายใจหอบเหนื่อย ถลึงตามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเอาเรื่อง "แฮ่กๆ เราต้องคุยกัน!"
"หึหึ เจ้ากำลังคิดว่าเจ้าจ่ายหนักไปล่ะสิ"
"ใช่! ตอนท่านจะพาข้าย้อนกลับมา เหตุใดถึงไม่ตกลงกับข้าก่อน อื้อออ ยะ..อย่าขยับ"
คุยกันยังไม่ถึงสองประโยค ท่อนลำขนาดไม่ธรรมดาก็เริ่มขยับเสียแล้ว หวั่นอี้หมดปัญญาจะทัดทาน ในที่สุดบทสวาทอันเร่าร้อนก็จบลงค่อนสว่างอีกตามเคย
ช่วงบ่ายของวันถัดมา จวงหวั่นอี้ก็ตื่นมาในสภาพเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่นางไม่ได้ตื่นมาตอนเย็นเหมือนเมื่อวาน
อินฉีเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ช่วยผู้เป็นนายแต่งตัวโดยไม่กล้าเอ่ยถาม ร่องรอยบนเรือนร่างบอบบางตรงหน้ามองเห็นเด่นชัดเสียจนสาวใช้ผู้ภักดีเกิดอาการหน้าแดง ได้แต่คิดโทษตัวเองในใจ
ทั้งที่นางนอนอยู่ข้างเตียงแท้ๆ เหตุใดถึงหลับสนิทจนปล่อยให้คุณชายจวงเข้ามาหลับนอนกับคุณหนูได้
หลังจากมวยผมเสร็จ หวั่นอี้จึงหันกลับมา นางยอมเข้าใจความรู้สึกของสาวใช้ข้างกายเป็นอย่างดี
"พี่อินอย่าคิดมาก ข้าเต็มใจ ถ้าอย่างไรคืนนี้ ท่านกลับไปนอนห้องปีกข้างก็แล้วกัน เผื่อว่าเขาจะมาอีก"
เขาที่หวั่นอี้หมายถึง ย่อมเป็นปีศาจราคะน่าตาย แต่เขาในความคิดของอินฉีกลับเป็นจวงจิ้งเหยา จึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"เจ้าค่ะ คุณหนู"
สองนายบ่าวยังไม่ทันขยับ ประตูก็ถูกเปิดออก ผู้ที่กำลังสาวเท้าผ่านประตูเข้ามาทำให้หวั่นอี้ผงะไปเล็กน้อย ยกมือลูบที่ลำคอโดยสัญชาตญาณ ยังดีที่เสื้อผ้าที่นางสวมใส่มันแลดูมิดชิด
"อี้เอ๋อ"
จวงจิ้งเหยาสาวเท้าเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ส่งสายตาให้สาวใช้ ทำให้อินฉีจำต้องก้าวออกจากห้อง
"ท่านพี่มีอะไรกับน้องหรือเจ้าคะ"
"เจ้าป่วยหรือ เหตุน้ำเสียงถึงได้แหบแห้งถึงเพียงนั้น"
"อะแฮ่ม" เด็กสาวต้องกระแอมกระไอกลบเกลื่อนความร้อนบนใบหน้า พอนึกไปถึงตัวต้นเหตุ ก็อดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ "นะ..น้องสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแต่ตากน้ำค้างมากไปหน่อย"
จวงจิ้งเหยารีบจับจูงภรรยาไปนั่งลงบนตั่งด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย แต่หวั่นอี้ย่อมรู้ดีว่าสามีผู้นี้ของนางกำลังเสแสร้ง
"วันนี้พี่จิ้งว่าง ก็เลยจะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า"
"ข้าคิดว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะเจ้าคะ เอาไว้พรุ่งนี้ท่านพี่ค่อยมาพร้อมกับสินเดิมของข้าจะดีกว่าเจ้าค่ะ"
"โธ่! อี้เอ๋อ พี่จิ้งทำอะไรให้เจ้าโกรธ เจ้าก็แค่บอกมา พี่จะได้แก้ไข"
"แน่ใจหรือเจ้าคะ เพราะที่ข้าขุ่นเคือง คือเรื่องที่ท่านมีหญิงอื่น ไม่ทราบว่า ท่านพี่จะแก้ไขอย่างไร"
"เอ่อ.. เรื่องนั้น"
"อย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ ท่านไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับข้า เชิญกลับไปเถิด"
จวงจิ้งเหยากัดฟันสกัดกั้นความโกรธเอาไว้ ใช่ว่าเขาอยากจะเสียเวลามางอนง้อ แต่เพราะถูกบังคับให้มา "ถ้าอย่างนั้นไว้พี่ค่อยมาใหม่ในยามที่เจ้าหายโกรธก็แล้วกัน"
หวั่นอี้มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยสายตาเหยียดหยัน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายรีบก้าวออกจากห้องก็ยิ่งอยากจะหัวร่อ
คิดว่ามาทำดีกับนางแล้วนางจะลืมเรื่องสมบัติอย่างนั้นหรือ มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก
เพราะไม่เพียงสมบัติเท่านั้นที่นางจะเอาคืน แต่คนตระกูลจวงต้องชดใช้ชีวิตให้นางและลูกที่ต้องตกตายไปอย่างสาสม
ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้อง
"พี่อินไปเดินเล่นกัน"
แม้หว่างขาจะทั้งเจ็บทั้งขัด แต่ความแค้นในอกกลับมีมากกว่า และเรื่องแรกที่หวั่นอี้จะทำ คือเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง
ไม่รู้ว่าสวรรค์ดลใจหรือปีศาจดลจิตกันแน่ ถึงทำให้จวงหวั่นอี้เลือกสาวเท้าไปยังหอพระของนายผู้เฒ่าจวงที่ปลูกแยกเอาไว้ห่างไกลผู้คน
ด้วยความที่บุรุษวัยห้าสิบกว่าผู้นี้ ชอบสวดมนต์อ่านคัมภีร์ศาสนา จึงปลูกเรือนเล็กเอาไว้ห่างไกล เพื่อไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนความสงบในยามฝึกสมาธิขัดเกลาจิต
แต่หอพระที่นายผู้เฒ่าสมควรจะทำสมาธิอย่างเงียบสงบ กลับมีเสียงหยาบโลนอันคุ้นเคยเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา หวั่นอี้ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าคนด้านในกำลังทำอะไรกัน
นี่ขนาดว่าหอพระที่สร้างด้วยอิฐหนาเอาไว้เก็บเสียงยังดังลอดออกมาได้ คงไม่ต้องพูดถึงเสียงครางภายใน
ร่างบอบบางหันมาใช้นิ้วอังริมฝีปากให้อินฉีที่อยู่ด้านหลัง คล้ายจะบอกไม่ให้ส่งเสียง ก่อนจะพากันสาวเท้าเข้าไปเอาหูแนบผนัง
"อุยยย แรงอีกเจ้าค่ะ อร๊ายยย เสียวจะตายอยู่แล้ว
ตับๆ
"ซี๊ดดด ดี อ๊าาา เสียว โอ๊ย เสียวมากเลย"
"ชอบไหม หืม ข้ากับอาจิ้ง ใครทำให้เจ้าสุขสมกว่ากัน ไหนบอกสิ ฮวาเอ๋อของข้า"
"ต้องเป็นท่านอยู่แล้ว ซี๊ดดด อ๊อยยยย อุ๊ยยยย ทั้งใหญ่ทั้งยาวอย่างนี้ข้าชอบยิ่งนักเจ้าค่ะ อื้อออ ใส่มาแรงๆ เลยเจ้าค่ะ อ๊าาา อย่างนั้น ดี แรงอีก"
คิ้วสองข้างของสองนายบ่าวที่หันหน้าเข้าหากันต่างพากันเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ ที่แท้ภายในหอพระคือเสียงของนายผู้เฒ่าจวงกับอนุสี่ และเท่าที่ฟังดู นี่เกรงว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่แอบมาเล่นชู้กันที่นี่
ซึ่งหวั่นอี้ก็คิดไม่ผิด บนฟูกหนาในหอพระ ร่างเปลือยเปล่าของโย่วหลัวฮวา อนุสี่ของจวงจิ้งเหยา กำลังนอนถ่างขากว้างให้นายผู้เฒ่าจวงจ้วงแท่งท่อนลำใหญ่ยาวกว่าของบุตรชายเข้าออกรูสวาทอย่างเมามัน
เหงื่อทั้งสองไหลโทรมกายจนฟูกเปียกชื้น เมือกสีขาวเป็นฟองฟอดเกาะติดท่อนเอ็นที่กำลังชักเข้าชักออกบ่งบอกให้รู้ว่าทั้งสองได้ผ่านการเสร็จสมมาแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง เนินอวบอูมกลางหว่างขาถูกกระแทกจนแดงเถือก
เสียงตับๆ พร้อมกับเสียงแจะๆ ดังก้องหอพระ กระทั่งดังเล็ดลอดไปถึงข้างนอก
หวั่นอี้ที่แอบฟังอยู่ข้างผนังยกยิ้มชั่วร้าย ส่งสัญญาณให้อินฉี ก่อนที่สองนายบ่าวจะเร่งสาวเท้ากลับเรือน
ที่แท้นางก็ตั้งใจทำให้ตนเองแท้ง เพื่อใส่ร้ายข้า
