ตอนที่ 3 ราคาที่ต้องจ่าย[1]
เสียงด่าทอสาปแช่งที่ดังตามมาทำให้มุมปากของหวั่นอี้กดลึกยิ่งขึ้น
"ไปกันเถิดพี่อิน"
สาวใช้คนสนิทมองรอยยิ้มหยันบนใบหน้าเจ้านาย ก่อนจะสาวเท้าตามไปโดยไม่คิดเอ่ยถาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองทางประตู
เป็นจังหวะเดียวกับร่างสูงที่กำลังโกรธเกรี้ยวก้าวออกมาพอดี
"หวั่นอี้! หยุดเดี๋ยวนี้!"
จวงหวั่นอี้หยุดฝีเท้าลง หันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
"ท่านพี่มีอะไรกับน้องหรือเจ้าคะ"
พอเข้ามายืนประจันหน้ากัน กลับเป็นจวงจิ้งเหยา ที่ไม่กล้าเอ่ยปากด่าทอ ทั้งที่โกรธจนมือไม้สั่น
"หากไม่มีอะไร น้องขอตัวนะเจ้าคะ" หวั่นอี้เห็นอีกฝ่ายไม่ยอมพูดยอมจาจึงคร้านจะสนใจ หมุนตัวกำลังจะก้าวเท้า
"อี้เอ๋อ"
แต่ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้ ทำให้นางต้องหันกลับมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง
หากจะบอกว่ายังรักคนผู้นี้อยู่หรือไม่นั้น ในใจลึกๆ ก็คงต้องบอกว่ายังรักอยู่ เพราะหากไม่รักมากก็คงไม่แค้นมากถึงเพียงนี้
"อี้เอ๋อเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่คนก้าวร้าวเช่นนี้!"
"ก็เพราะเมื่อก่อนข้าทั้งโง่งมทั้งขลาดเขลา ถึงได้ยอมให้พวกท่านรังแก! แต่ตอนนี้ข้าฉลาดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวท่านหรือตระกูลจวงของท่านก็อย่าหวังว่าจะรังแกข้าได้อีก!"
"เจ้าพูดเช่นนี้ มันออกจะเกินไปหน่อยกระมัง ข้าอุตส่าห์พยายามแทบตายที่จะแต่งเจ้ามาเป็นภรรยา กระทั่งยอมนั่งคุกเข่าหน้าประตูจวนตระกูลลู่เพื่อแสดงความจริงใจ”
“แล้วไหนจะยังท่านพ่อท่านแม่ของข้าที่รักและเอ็นดูเจ้า ดูแลเจ้าเป็นอย่างดี แล้วอย่างนี้ เจ้าจะมาหาว่าตระกูลจวงของข้าผิดต่อเจ้าได้อย่างไร!"
"ฮึ! จวงจิ้งเหยา! ที่เจ้าพูดมา ต้องให้ข้าสำนึกบุญคุณตระกูลจวงของเจ้าด้วยใช่หรือไม่!"
หวั่นอี้สะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุม มองสบตาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างนึกรังเกียจ
"ที่เจ้าอยากแต่งกับข้า ไม่ใช่ว่าต้องการฐานะพ่อค้าที่มั่นคงในเมืองฝูตงหรอกหรือ! แค่ลงทุนคุกเข่าก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย!"
"แล้วบิดามารดาของเจ้าก็ช่างรักและเอ็นดูข้ามากเสียจริง! จนถึงขึ้นต้องรีบเก็บสินเดิมของข้าเอาไว้ให้ ตั้งแต่ที่ข้าแต่งเข้ามายังไม่ถึงสามวัน! เท่านั้นยังไม่พอ ยังช่วยข้าประหยัด จนไม่ยอมให้เงินทองติดตัว"
"อ้อ! แล้วความห่วงใยที่แม่สามีรีบจัดหาอนุมาให้สามีของข้านั่น ข้าต้องขอบคุณด้วยหรือไม่?! จวงจิ้งเหยา! ข้าขอถามหน่อยเถิด เจ้าและคนตระกูลจวงเคยนึกถึงความรู้สึกของข้าบ้างไหม!!? แก่จนป่านนี้ มารดาของเจ้ายังไม่ยอมให้บิดาเจ้ารับอนุ แล้วเหตุใดถึงคิดว่าข้าจะยอม!!"
หวั่นอี้เอ่ยจบ ก็สะบัดหน้าเดินจากไปทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันตอบโต้ เพราะนั่นมันไม่จำเป็น พูดกับคนใจร้ายใจดำพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ลงมือทำให้เห็นเลยจะดีกว่า
อินฉียอบกายให้ร่างสูงตามมารยาท ก่อนจะสาวเท้าตามผู้เป็นนายไป มุมปากยกยิ้มอย่างสะใจ ตั้งแต่ที่คุณหนูของนางเข้ามาอยู่ที่นี่ ที่อยากเห็นที่สุดก็คือใบหน้าดูไม่ได้ของคุณชายจวงนี่แหละ
ส่วนจวงจิ้งเหยาถึงกับยืนแข็งค้าง มองแผ่นหลังเชิดตรงที่กำลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
เขาไม่อาจปฏิเสธว่าครั้งแรกที่พบคุณหนูลู่ ก็ตกหลุมรักนางในทันที แต่พอนางแต่งเข้ามาได้แค่เดือนเดียวก็รู้สึกเบื่อหน่ายในความขี้ขลาดขี้กลัวของนางเป็นอย่างมาก
กระทั่งหาความสุขบนเตียงนางยังหวาดกลัวเสียจนเขาหมดอารมณ์ แล้วจะมาโทษเขาได้อย่างไร
พอคิดถึงเรื่องอย่างว่าขึ้นมา จวงจิ้งเหยาก็รีบสาวเท้าตามภรรยาไปทันที พร้อมรอยยิ้มดูแคลน
ที่แท้ก็โกรธที่ข้าไม่ไปปรนเปรอให้สินะ ได้เดี๋ยวข้าจะจัดให้ถึงใจเลย
อีกด้านหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ในเรือนโกรธจนแทบจะเป็นลม หากหวั่นอี้ไม่ได้เอาเรื่องขึ้นศาลมาอ้าง ป่านนี้คงโดนโบยตายไปแล้ว เพราะสิ่งที่ผู้คนตระกูลจวงหวาดกลัวที่สุดคือเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล
"นางเด็กอกตัญญู! มันน่าเฆี่ยนให้ตายยิ่งนัก!"
"ใช่เจ้าค่ะ! ดูนางนั่นมันด่าลูกสิเจ้าคะ ข้าไม่ยอมจริงๆ ด้วย! ท่านพ่อต้องจัดการให้ลูกนะเจ้าคะ!!"
จวงเย่าหลีเอ่ยกับบิดาด้วยใบหน้าบึ้งตึง จะว่าไปคำพูดของหวั่นอี้เมื่อครู่ ก็สร้างความคลางแคลงใจให้ประมุขของบ้านอยู่เหมือนกัน
