ตอนที่ 2 ทวงของคืน[2]
"มาช้าจริง! ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังรออยู่!"
เสียงตวาดของสาวใช้ผู้มีใบหน้าเชิดหยิ่ง ทำให้อินฉีได้ยินถึงกับหยุดฝีเท้าลงด้วยความไม่พอใจ ยืนเม้มปากสนิท ไม่อยากเผลอต่อว่าอีกฝ่าย เกรงจะสร้างความลำบากใจให้ผู้เป็นนาย
ผิดกับจวงหวั่นอี้ที่เดินผ่านไปราวกับสาวใช้นางนั้นไม่มีตัวตน
การกระทำที่เปลี่ยนไปของฮูหยินน้อยตระกูลจวง สร้างความโกรธเคืองให้สาวใช้คนสนิทของแม่สามีเป็นอย่างมาก จนนางต้องวิ่งตามมายืนขวางหน้า ตะคอกถามด้วยความโกรธ
"นี่ข้าพูดไม่ได้ยินหรือ?!!"
หวั่นอี้มองสตรีตรงหน้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ "หลบไป!"
"นี่เจ้า!..เอ่อ..ฮูหยินน้อย! ข้าบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังรออยู่ไม่ได้ยินหรือ!!"
"ไม่ได้ยิน! ข้าได้ยินแต่เสียงบ่าวชั้นต่ำสมควรตาย ที่ไม่รู้ใครเป็นนายใครเป็นบ่าว ข้าจะพูดอีกครั้ง หลีกไป!"
น้ำเสียงเย็นชาของหวั่นอี้ ทำให้สาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เถียงไม่ออก ต้องเบี่ยงกายหลบทางด้วยความคับแค้น
ร่างบอบบางสาวเท้ากลับเรือนด้วยแผ่นหลังตั้งตรง ไม่แม้แต่จะชายตาแล
ส่วนอินฉีที่เดินตามมาด้านหลัง เชิดหน้าเหยียดปากใส่คนของฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนจะสาวเท้าตามผู้เป็นนายไปอย่างอารมณ์ดี
"คุณหนูเก่งมากเลยเจ้าค่ะ แต่ทำเช่นนี้ ท่านไม่กลัวถูกหย่าหรือเจ้าคะ"
"ฮึ! หย่าน่ะข้าไม่กลัวหรอก กลัวแต่นางเฒ่านั่นจะไม่กล้าเสียมากกว่า"
จวงหวั่นอี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน
"พี่อินพอกลับไปถึงเรือน พี่ช่วยเอารายการสินเดิมของข้าออกมาเตรียมไว้ด้วย เพราะเรื่องเดียวที่ข้าจะไปเหยียบเรือนนางเฒ่านั่น คือทวงของคืน!"
สินเดิมของหวั่นอี้ถูกแม่สามีเก็บเอาไว้ตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลจวงได้เพียงสามวัน
และที่เลวร้ายกว่านั้น คือเครื่องประดับหรูหราที่คนทั้งตระกูลสวมใส่รวมถึงอนุของสามีเหล่านั้น ล้วนเป็นสมบัติของนางทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนางทนได้อย่างไร
จวงหวั่นอี้กลับมาถึงเรือนได้แค่ครู่เดียว สาวใช้คนเดิมก็ตามมาพร้อมกับสาวใช้อีกสองนาง แต่ครั้งนี้ ฮูหยินน้อยตระกูลจวงไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยวาจา
ร่างระหงสาวเท้าออกจากเรือนพร้อมอินฉีผ่านร่างคนทั้งสามไปโดยไม่เหลือบแล
"นะ..นี่!"
ปล่อยให้สาวใช้คนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังจะเอ่ยปากต่อว่า ต้องยืนอ้าปากพะงาบๆ
ภายในห้องโถงเรือนฮูหยินผู้เฒ่า นายหญิงใหญ่แห่งจวนนั่งเชิดหน้าอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ประธานคู่กับนายผู้เฒ่าจวง
ถัดลงมาเป็นบุตรชายคนโต จวงจิ้งเหยา พร้อมบุตรชายคนรองและบุตรสาวคนเล็กที่อ่อนกว่าหวั่นอี้เพียงไม่กี่เดือน
ส่วนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งเป็นของน้องชายนายผู้เฒ่าและครอบครัว
เรียกได้ว่ามากันเกือบครบทั้งตระกูล ขาดเพียงบรรดาอนุเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
จวงหวั่นอี้ก้าวผ่านประตูเข้ามายังไม่ทันได้ย่างเท้า
"คุกเข่า!"
เสียงตวาดของสตรีวัยราวห้าสิบก็ดังขึ้นทันที
"ท่านแม่ ใจเย็นก่อนขอรับ อย่าโกรธนางเลย"
จวงจิ้งเหยารีบเอ่ยห้ามปรามผู้เป็นมารดา ก่อนจะหันมาทางร่างบอบบางที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
"อี้เอ๋อ เข้ามาคุกเข่าขอโทษท่านแม่เร็ว"
"หืม? ขอโทษ? เรื่องอะไรเจ้าคะ!"
หวั่นอี้เชิดหน้ามองไปรอบๆ อย่างไม่มีความเกรงกลัว พอเห็นเครื่องประดับของแต่ละคนแล้วอยากจะหัวเราะ
ดีมากันครบก็ดี จะได้ไม่ต้องไปตามเก็บให้ยุ่งยาก
"นี่เจ้ายังมีน่ามาถามอีกหรือ!"
เสียงแหลมสูงของเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้จวงหวั่นอี้ต้องหันไปมอง สายตาสะดุดเข้ากับปิ่นปักผมที่บุตรีคนเล็กตระกูลจวงใช้ปักอยู่บนเส้นผมเข้าพอดี
"ข้าไม่จำเป็นต้องถาม และไม่ได้อยากรู้ เพราะที่ข้ามาในวันนี้ ไม่ได้มาให้ใครลงโทษ แต่มาทวงของคืน!!"
ความเปลี่ยนแปลงของจวงหวั่นอี้ สร้างความตกตะลึงให้คนทั้งห้อง ใบหน้าเหี่ยวย่นของฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับยับยู่ทันทีที่ได้ยิน
"นี่เจ้าถึงกับกล้าขึ้นเสียงต่อหน้าข้าเชียวหรือ! นางเด็กไร้การอบรม!"
"เหตุใดจะไม่กล้าเจ้าคะ ตั้งแต่ข้าแต่งเข้ามาในตระกูลจวง นอกจากถูกรังแกจากแม่สามีและคนในตระกูลแล้ว พวกท่านเคยมีความดีอะไรกับข้าบ้าง นั่นยังไม่นับที่เอาสินเดิมของข้าไปสวมใส่ ข้าถามหน่อยเถิด ไม่รู้สึกละอายใจกันบ้างหรือ?!!"
"นี่เจ้า!!!"
เพียงประโยคแรกของจวงหวั่นอี้ ก็ทำให้ท่าทางหยิ่งยโสของแต่ละคนเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้ง
"อี้เอ๋อเจ้าพูดอะไรออกมา! คุกเข่าขอโทษทุกคนเดี๋ยวนี้!"
จวงจิ้งเหยารีบลุกขึ้นยืนชี้หน้าภรรยาด้วยความโกรธ
"นางตัวดี! ช่างไม่สำนึกบุญคุณเอาเสียเลย! ตระกูลของเจ้ามันตกต่ำมาตั้งนานแล้ว ยังคิดว่าตนเองสูงส่งอยู่อีกหรือ นี่ถ้าไม่ได้ตระกูลจวงของข้า ป่านนี้เจ้าคงถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนพร้อมบิดาขี้โกงของเจ้าแล้ว!"
คำด่าทอของจวงเย่าหลีบุตรีคนเล็กของตระกูลจวง ทำให้ทุกคนในห้องโถงยกยิ้มด้วยความสะใจ มองมาที่สะใภ้อย่างดูถูก ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าบุรุษและสามีที่นางเคยรักเคยหลง
หึ! หาดีไม่ได้เลยสักคนจริงๆ
จวงหวั่นอี้เหยียดยิ้ม ย่างเท้าอย่างสง่างามเข้ามายืนกลางห้อง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ
"ตระกูลข้าตกต่ำ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ตระกูลของเจ้าเอาสมบัติของข้าไปใช้!!"
ดวงตามคมกล้ามองสำรวจใบหน้าทุกคน ก่อนจะมาหยุดที่จวงเย่าหลี
"ข้าไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดเจ้าอายุป่านนี้แล้วยังไม่มีใครมาทาบทาม หึ! ที่แท้นอกจากจะอัปลักษณ์ผิดพี่ผิดน้อง ยังมีวาจาต่ำทรามอัปลักษณ์เสียยิ่งกว่าหน้าตา! จวงเย่าหลี เจ้ารู้หรือไม่ ว่าตอนที่ข้าเห็นเจ้าครั้งแรก ข้ายังนึกว่าเจ้าเป็นบุตรีของพ่อบ้านด้วยซ้ำ!"
"หุบปากเดี๋ยวนี้ นางเด็กชั่ว!"
"นางสารเลว! เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร! พี่ใหญ่ ดูนางสิเจ้าคะ ท่านแม่จับนางไปโบยให้ตายเลย! นางกำลังเหยียดหยามท่าน!"
หวั่นอี้ยิ้มเยาะสองแม่ลูกที่ลุกมายืนเต้นเร่าๆ ด้วยความสะใจ ความจริงนางก็แค่คาดเดา
เพราะรูปร่างหน้าตาของจวงเย่าหลีดันไปเหมือนพ่อบ้านยังกับถอดกันมา ก็เลยด่าไปอย่างนั้นเอง แต่ไม่นึกว่าจะทำให้สตรีวัยราวห้าสิบผู้นี้ร้อนตัวขึ้นมาได้
"ลูกสะใภ้! เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่! ในฐานะพ่อสามีข้าสั่งโบยเจ้าได้นะ!"
นายผู้เฒ่าจวงที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
"ทางที่ดีเจ้าควรรีบคุกเข่าขอโทษทุกคนก่อนจะดีกว่า โทษหนักจะได้เป็นเบา!"
"ขออภัยเจ้าค่ะ ที่เดียวที่ข้าจะคุกเข่าก็คือในศาลเมืองฝูตง ส่วนจะรับโทษหรือไม่นั้น เกรงว่าท่านต้องรอให้ท่านเจ้าเมืองเป็นผู้ตัดสินแล้ว"
พอเอ่ยถึงเรื่องศาล ใบหน้าเหี่ยวย่นของนายผู้เฒ่าตระกูลจวงก็สลดลงทันที
นางไม่เคยลืมเรื่องที่บิดาเคยช่วยชีวิตพ่อสามีเอาไว้ เรื่องที่เจ้าตัวพัวพันคดีค้าเกลือจนถูกขังคุกอยู่สามวันเต็ม
หากไม่ได้บิดาของนางช่วยเหลือ ตาเฒ่าผู้นี้คงถูกซ้อมตายในคุกไปแล้ว ช่างกล้ามาพูดเรื่องจะทำโทษนาง เนรคุณจริงๆ
จวงหวั่นอี้คร้านจะเสียเวลากับคนเหล่านี้ ฝ่ามือเรียวบางชูบันทึกรายการสินเดิมต่อหน้าทุกคน พร้อมกับชี้นิ้วไปยังเครื่องประดับทุกชิ้นที่ทุกคนสวมใส่
"ข้าให้เวลาสามวัน หากของพวกนั้น! พวกนั้น! และพวกนั้น! ที่ทุกคนในตระกูลสวมใส่ รวมถึงสมบัติที่เป็นสินเดิมของข้าทุกชิ้น ไม่กลับไปกองในเรือนของข้า พวกเราก็เจอกันในศาลเถิด! อ้อ แล้วเรื่องหย่า.."
ใบหน้างามหันไปยิ้มหวานให้ผู้เป็นสามี
"ท่านพี่จำไม่ได้หรือเจ้าคะ ว่าก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะยกข้าให้ท่าน เคยทำหนังสือสัญญาฉบับหนึ่งฝากไว้ที่ศาล โดยมีท่านผู้ว่าร่วมเป็นพยาน ข้าพูดแค่นี้ ท่านคงเข้าใจแล้วกระมัง"
หวั่นอี้ยิ้มเยาะมองสีหน้าดูไม่ได้ของผู้คนตระกูลจวงอย่างนึกดูถูก ก่อนจะหมุนตัวก้าวออกจากห้องอย่างสง่างามโดยไม่หันกลับมามอง
