4.ต้องตา ต้องใจ
*** ทักทายคร้า ไปสนุกกันต่อเลยจ้า ***
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น ทำให้มือบางที่กำลังเก็บเอกสารชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“สวัสดีค่ะ สมันตารีสอร์ตค่ะ มีอะไรให้ทางเรารับใช้คะ” เสียงหวานใสกรอกไปตามสาย ทำให้เสียงของคนโทรมาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมา
“ผมเองครับ”
“ผมไหนล่ะคะ ฉันจำไม่ได้”
เสียงทุ้มหัวเราะมาตามสายเบาๆ เมื่อหญิงสาวตอบกลับไป ใบหน้าสวยงอง้ำเมื่อได้ยินเสียงคนที่ทำให้เธอไม่มีสมาธิทำงานมาทั้งวัน
“แน่ใจเหรอครับว่าจำไม่ได้” เขาตอบเสียงยียวนมาตามสาย นี่ถ้ากรรณสูตมายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวคงจะไหม้เป็นเถ้าธุลีแน่ เพราะดวงตากลมโตของแม่สมิงสาวลุกวาวอย่างน่ากลัว
“นี่คุณอย่ามากวนประสาทฉันได้ไหม มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมโทรมาสั่งข้าวเย็นครับ แล้วก็อยากได้คนกินข้าวเป็นเพื่อนด้วย” เสียงทุ้มอ้อนมาตามสาย
“แล้วทำไมไม่โทรไปสั่งที่ห้องอาหาร เบอร์ก็มีอยู่ในห้อง แล้วคนรับจ้างกินข้าวเป็นเพื่อนแขกก็ไม่มีหรอกนะคุณ” เธอบอกอย่างอ่อนใจกับลูกค้าเรื่องมากอย่างเขา
“ให้น้องสาวเจ้าของรีสอร์ตกินเป็นเพื่อนได้ไหมครับ”
ปีระมิดได้ยินแล้วแทบทนฟังไม่ได้ มือบางกำเข้าหากันแน่นอย่างระงับอารมณ์โกรธที่กำลังพุ่งขึ้นมา
“ไม่ได้ เพราะถ้าแขกเป็นเหมือนคุณทุกคน ฉันต้องไปนั่งกินข้าวด้วย คงอ้วนเป็นหมูแน่ๆ” เธอสวนกลับไปเสียงห้วน พยายามระงับอารมณ์โกรธกรุ่นอย่างเต็มที่
“หนักแน่นจริง” เสียงหัวเราะแว่วมาตามสายเมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยของเธอ
“ถ้างั้นผมไปกินข้าวกับคุณที่บ้านด้วยได้ไหม” กรรณสูตยังไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงนุ่มถามมาอีก
“นี่คุณ! มันจะมากไปแล้วนะ ถ้าเรื่องมากแบบนี้ฉันว่าคุณไปพักรีสอร์ตอื่นดีกว่า” ปีระมิดกำโทรศัพท์แน่นใจอยากจะกระแทกโทรศัพท์ลงแป้นแรงๆ ให้หูคนปลายสายแตกไปเลยท่าจะดี
“หือ ไล่แขกแบบนี้ได้ยังไงคุณ ผมฟ้องการท่องเที่ยวจังหวัดได้เลยนะ”
ปีระมิดทนไม่ไหว กระแทกโทรศัพท์ลงแป้นเต็มแรงอย่างโมโห
ทางด้านกรรณสูต เขายืนยิ้มอยู่หน้าระเบียงบ้านพักสไตล์ล็อกโฮม ซึ่งเป็นบ้านไม้สักชั้นเดียวกะทัดรัดเหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการเวลาส่วนตัวอย่างแท้จริง สายตาคมมองแสงสีส้มของพระอาทิตย์ที่อยู่เหนือเหลี่ยมเขาทางทิศตะวันตก อากาศเริ่มเย็นลง แต่สำหรับเขายังคงเย็นสบายเพราะชินกับอากาศหนาวที่เมืองนอกมาหลายปี
ใบหน้าคมเข้มมองบรรยากาศรอบๆ ตัวอย่างผ่อนคลาย นานมากแล้วที่เขาไม่เคยได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์แบบนี้
ความสวยและมนตร์เสน่ห์ของเมืองไทยยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี เขาค้อเองก็ยังมีมนตร์ขลังดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติ สายหมอกและขุนเขาอยู่ไม่ขาด รวมถึงตัวเขาด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าหวานสวยของปีระมิดก็ลอยเด่นขึ้นมาในห้วงคำนึง ผู้หญิงที่ตรึงเขาไว้ตั้งแต่จูบแรกที่ได้สัมผัส ความหอมหวานจากเรียวปากอิ่มยังติดตรึงใจเขาอยู่ หัวใจเหงาๆ ของเขากลับสดชื่นขึ้นมาอย่างประหลาด…เมื่อหลายปีก่อน ปรายธารเคยเอารูปครอบครัวให้เขาดู ปีระมิดผอมกะหร่องถักผมเปียหาความสวยแทบไม่ได้เลย แต่มาวันนี้เธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนลิบลับ
ผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตโสดของเขา ไม่มีใครทำให้เขาโหยหาอยากเป็นเจ้าของขนาดนี้ ทำยังไงนะถึงจะได้ใกล้ชิดและทำความรู้จักเธอมากกว่านี้ นี่ถ้าเจ้าปรายกลับมา เธอก็ต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นใคร…จะทำยังไงดี
กรรณสูตคิดหาแผนการใกล้ชิดกับหญิงสาวจนสำเร็จ พอดีกับพนักงานของรีสอร์ตนำอาหารเย็นมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มจึงนั่งกินอาหารคนเดียวเงียบๆ หากในใจชุ่มชื่น รู้สึกผ่อนคลายที่สุดในรอบหลายเดือนก็ว่าได้
รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีอิฐวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้สักหลังงามสองชั้นที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเตี้ยๆ มีระเบียงไม้ทอดยาวเข้าไปในแปลงดอกไม้เมืองหนาวที่กำลังบานสะพรั่งลาแสงอาทิตย์ตกดินที่ส่องประกายทั่วผืนฟ้าแล้วค่อยๆ ลับตาไป
ร่างโปร่งระหงก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน ดวงตากลมมองหามารดา พอไม่เห็นใครก็ส่งเสียงออกไป
“แม่คะ ปีกลับมาแล้ว”
สายทิพย์เดินออกจากห้องครัวยิ้มให้ลูกสาวคนเล็ก พร้อมกับหลานชายตัวอ้วนวิ่งออกมาจากห้องดูหนังที่อยู่ถัดไป
“อาปีกลับมาแล้ว”
“ทำอะไรอยู่เจ้าตัวยุ่ง” มือบางยีผมดำของหลานชายอย่างแสนรัก
“ทำการบ้านอยู่ครับ” มือน้อยจับมืออาสาวพาไปนั่งลงบนโซฟาข้างคุณย่าสายทิพย์ ที่นั่งยิ้มดูอาหลานคุยกันด้วยประกายตาเปี่ยมไปด้วยความสุข
*** ขอบคุณคร้า ***
