5.เติมเต็ม
*** ทักทายคร้า ไปสนุกกันต่อเลยจ้า ***
เกือบหกปีเท่าอายุของเขลางค์ เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับลูกชายคนโตของนาง ลูกชายที่ตอนนั้นยังเรียนไม่จบระดับอุดมศึกษาด้วยซ้ำ หอบเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่วันมาให้เลี้ยง โดยที่ปรายธารก็ไม่ได้บอกอะไรมากนัก นางก็เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพราะความรักลูก เมื่อได้เลี้ยงทุกคนในบ้านยิ่งรักและผูกพันกับหนูน้อยมากขึ้น ด้วยความน่ารัก ช่างพูด และเป็นเด็กดีของเจ้าหนู ทั้งพ่อ อาและย่า รวมไปถึงพนักงานในรีสอร์ต ต่างหลงรักเขลางค์ไปตามๆ กัน
“แม่ทำอะไรคะ หอมจัง” ปีระมิดหันมายิ้มให้มารดา
“ย่าทำกุ้งชุบแป้งทอดให้เขมด้วยล่ะ เพราะวันนี้ผลสอบออกมา เขมได้ที่หนึ่งอีกแล้ว” ร่างน้อยเข้ามานั่งบนตักย่า
สายทิพย์ยิ้มยกมือลูบศีรษะเล็กเบาๆ
“เก่งลูก เก่งแล้วต้องรู้จักช่วยเหลือคนอื่นด้วยนะจ๊ะ เพราะคนทุกคนไม่ได้เก่งทุกอย่างนะเขม บางครั้งเราก็ต้องให้คนอื่นช่วยเราเหมือนกัน” น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนของผู้เป็นย่าคอยสอนเรื่องต่างๆ ให้หนูน้อยอยู่เสมอ
“ครับย่า” เขลางค์ยกมือกราบไปที่อกสายทิพย์ ทำเอาน้ำตาของคนเป็นย่ารื้นขึ้นมาอย่างตื้นตัน
“แล้วนี่พ่อเราจะกลับวันไหนล่ะ”
“วันจันทร์ครับ อาทิตย์หน้าโรงเรียนเขมจัดงาน คุณครูเขามีหนังสือมาให้ผู้ปกครองไปด้วยนะครับย่า ไม่รู้ว่าพ่อจะว่างหรือเปล่า” เขลางค์ตอบหน้ามุ่ย ก่อนจะเดินตามอาสาวไปช่วยยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะ
“ต้องว่างสิจ๊ะ งานลูกชายสุดที่รักทั้งคน” ปีระมิดหันไปยิ้มกับหลานชายตัวน้อย
“เขมอยากให้พ่อไปรู้จักครูประจำชั้นคนใหม่ของเขมด้วย สวยอย่างงี้เลยนะย่า” นิ้วโป้งน้อยๆ ชูขึ้น ทำให้ทั้งอาและย่าหัวเราะกับความเจ้าชู้ที่ถอดแบบผู้เป็นพ่อออกมา
“ไม่ใช่คุณครูพิสมัยแล้วเหรอ”
ปีระมิดถามหลานชายพลางนึกถึงคุณครูประจำชั้นคนเก่าของเขลางค์ ร่างตุ้ยนุ้ยชอบมาส่งหลานชายเธอที่บ้านบ่อยๆ เพราะอยากเห็นหน้าพ่อของลูกศิษย์
“ไม่ใช่ครับ คุณครูชื่อทอฝ้าย เพิ่งมาครับ สวยแล้วก็ใจดีด้วย”
“คิดจะหาแฟนให้พ่อหรือยังไงเจ้าเขม” สายทิพย์ถามยิ้มๆ ขณะตักข้าวใส่จานให้หลานชาย
“พ่ออยู่คนเดียวนานแล้ว เขมกลัวพ่อเหงานี่ครับ เห็นผู้ใหญ่เวลาอยู่คนเดียวชอบนั่งถอนหายใจเรื่อยเลย ทั้งอาทั้งพ่อ บางทีลุงอนุด้วยนะครับ” เสียงใสของหนูน้อยยังสร้างความสุขบนโต๊ะอาหารเหมือนเช่นทุกวัน
“แล้วถ้าพ่อแต่งงานมีน้อง เขมจะเสียใจไหมลูก”
เขลางค์นิ่งไปนิดหนึ่งแล้วยิ้มให้ย่า
“เขมจะช่วยพ่อเลี้ยงน้องครับย่า” เขลางค์ตอบเสียงหนักแน่น สายทิพย์ยิ้มอย่างพอใจ ไม่เสียแรงที่ทุกคนมอบความรักความอบอุ่นให้ จนเขลางค์ไม่คิดว่าตัวเองมีปมด้อยที่ไม่มีแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ
“ย่าดีใจที่ได้ยินเขมพูดแบบนี้ ไม่ต้องคิดมากนะลูก ทุกคนรักเขมเหมือนเดิม พ่อเขาก็รักเขมมากขึ้นทุกวัน ย่าว่าถ้าพ่อเขาจะแต่งงานใหม่ พ่อต้องขอความเห็นของเขมด้วย”
สายทิพย์รวบร่างน้อยเข้ามากอด มือยับย่นตามวัยของผู้เป็นย่าลูบศีรษะเล็กอย่างสงสารหลานชาย
“ย่าหลานซึ้งพอแล้วก็ลงมือกินข้าวดีกว่านะคะ ไม่อย่างนั้นอาปีกินกุ้งทอดของโปรดใครแถวนี้หมดแน่ๆ”
ปีระมิดจิ้มกุ้งตัวโตชูยั่วหลานชาย เขลางค์ตาโตรีบมานั่งข้างๆ หญิงสาว กุ้งตัวใหญ่ก็เลยถูกวางบนจานเจ้าหนูแทน
สายทิพย์สบตาปีระมิดแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
เช้าตรู่ของวันใหม่ ร่างสูงสง่าในชุดกางเกงนอนตัวใหญ่สวมเสื้อคอกลมสีขาวยืนพิงระเบียงหน้าบ้านพัก สายตาคมทอดมองทะเลหมอกสีขาวที่ลอยอยู่เบื้องหน้า ไอหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา ร่างสูงยืนกอดอกมองความงามของธรรมชาติ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
กรรณสูตมองกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายคนที่สับเปลี่ยนกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ใบหน้าคมเข้มกวาดสายตามองบ้านพัก หลากหลายสไตล์ที่ปลูกไล่ระดับไปตามเนินเขาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักผ่อน
แสงสีทองกำลังโผล่พ้นขึ้นมาจากเหลี่ยมเขาเป็นประกายส่องผ่านไอหมอกขาว ชวนให้หลงใหลกับมนตร์เสน่ห์ของธรรมชาติยิ่งนัก
“อาหารเช้าครับ” สมภพเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางในชุดฟอร์มของรีสอร์ตถือถาดกาแฟหอมกรุ่นมาวางไว้บนโต๊ะ
กรรณสูตยิ้มให้ แล้วเดินมานั่งที่ม้านั่งไม้ที่วางชิดระเบียง สมภพยืนประสานมือรอรับใช้อย่างนอบน้อม
“คุณจะให้ผมเอาเสื้อผ้าไปซักแล้วเก็บห้องนอนเลยไหมครับ”
กรรณสูตยกกาแฟขึ้นจิบ เหลือบมองใบหน้าเด็กหนุ่มแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าอนุญาต
ร่างสูงสง่ายังคงนั่งอยู่ที่เดิม เป็นนานกว่าจะเดินกลับเข้าไปในห้อง พอดีกับสมภพเก็บห้องและเอาเสื้อผ้าของชายหนุ่มลงในตะกร้าเตรียมเดินออกไป หากเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นทำให้ร่างผอมสูงต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยวน้อง”
มือกร้านแดดของสมภพที่จับตะกร้าผ้าสั่นเทาจนกรรณสูตสังเกตได้ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มใบหน้าเหมือนคนที่กำลังทำผิดแล้วถูกจับได้
“ครับ” สมภพรับคำสั้นๆ มองร่างสูงที่เดินไปยังกระเป๋าสตางค์หนังสีดำราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเปิดออก
ดวงตาคมไหววูบ มองเงินที่หายไปจากกระเป๋าจนหมด เหลือเพียงแบงก์ยี่สิบบาทสามใบให้เขาดูต่างหน้า ใบหน้าคมหันขวับมาสบตากับสมภพที่ยืนอยู่ตรงประตู ดวงตาคมแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว
“พี่ว่าจะให้ทิปเสียหน่อย พอดีเงินพี่หายไปจากกระเป๋า น้องเก็บห้องเห็นมันหล่นบ้างหรือเปล่า”
สมภพหลบตาคมที่มองมา
“ไม่เห็นครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างผอมรีบเดินไป แต่ก็ยังช้ากว่ามือใหญ่ที่คว้าคอเสื้อยืดสีขาวเอาไว้ แล้วเหวี่ยงร่างผอมไปชนกับผนังห้องเสียงดังพลั่ก
“คุยกันก่อนดีไหมไอ้หนุ่ม” ร่างสูงเดินย่างเข้ามาหา
สมภพถอยลนลานไปชิดผนังอย่างกลัวๆ
“ผมไม่ได้เอาของคุณไปนะครับ” สมภพพยายามลุกขึ้นยืน มองร่างสูงอย่างตื่นตระหนก
กรรณสูตเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเข้ามาถามเสียงลอดไรฟันอย่างน่ากลัว
“นายแน่ใจเหรอ เมื่อเช้าฉันยังมีเงินในกระเป๋าอยู่ แล้วมันมีขาเดินออกจากกระเป๋าเองได้รึยังไง”
“ผมไม่ได้เอาไปจริงๆ ครับ”
กรรณสูตดันร่างผอมไปติดผนังแล้วใช้ท่อนแขนล็อกคอเอาไว้ มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเด็กหนุ่ม ดึงเงินปึกใหญ่ออกมาชูขึ้น
“นี่ไงหลักฐาน แบบนี้นายยังจะโกหกอีกหรือเปล่า”
สมภพมองใบหน้าคมเข้มแดงก่ำด้วยความโกรธ ร่างผอมของเด็กหนุ่มทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรงอย่างยอมจำนน
“ผมขอโทษครับ ผมจำเป็นจริงๆ” สมภพยกมือปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ร่างสูงถอยไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ริมหน้าต่าง มองเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่พื้นอย่างเคร่งขรึม
“นายทำแบบนี้ทำไม รู้ไหมว่ามันทำให้รีสอร์ตเสียชื่อเสียงขนาดไหน นี่ถ้าเจ้าของเขารู้เข้า นายไม่พ้นโดนจับส่งตำรวจ หรือไม่ก็ไล่ออก” กรรณสูตบอกเสียงเรียบ ถอนหายใจเบาๆ ถ้าเขาดูไม่ผิด เด็กคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องขโมยเงินของเขา
“คุณอย่าบอกพี่ปีได้ไหมครับ ผมสัญญาจะไม่ทำแบบนี้อีก พี่ปรายกับพี่ปีดีกับครอบครัวผมมากเหลือเกิน มากจนไม่รู้ว่าชาตินี้ผมจะตอบแทนเธอหมดหรือเปล่า” สมภพก้มลงกราบกรรณสูตกับพื้นอย่างขอร้อง
“เขาดีกับนาย แต่นายก็ตอบแทนเขาโดยการขโมยของแขกในรีสอร์ตนี่นะ”
“แม่ผมไม่สบายแล้วน้องก็ต้องเสียค่าเทอม ผมหมดปัญญาจริงๆ ครับ ” สมภพบอกน้ำตานองหน้า
แต่กรรณสูตก็ยังไม่ปักใจเชื่อมากนัก ร่างสูงลุกขึ้นแล้วลากเด็กหนุ่มออกจากห้อง
“พาฉันไปที่บ้านนาย ถ้าโกหกนายเจอดีแน่”
กรรณสูตยัดร่างผอมเข้าไปในรถแล้วขับออกไปตามทางที่สมภพบอก พอออกจากประตูรีสอร์ตผ่านร้านกาแฟสด ปีระมิดมองตามท้ายรถยนต์คันหรูอย่างแปลกใจ
“นั่นมันสมภพใช่ไหมส้ม”
“ไหนคะคุณปี”
“ในรถคันเมื่อกี้ แล้วนายภพออกไปไหนกับแขกน่ะ” พึมพำออกมาอย่างไม่ต้องการคำตอบ ก่อนจะเดินไปรับลูกค้าที่เข้ามาดื่มกาแฟในร้านด้วยรอยยิ้มสดใส
*** ขอบคุณคร้า ***
