บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2[3]

“คุณหนูทราบเรื่องที่คุณท่านกำลังจะซื้อกิจการของเอสเคชิปปิ้งหรือยังคะ”

มาตาเอ่ยถามเมื่อหล่อนกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นหลังจากรับประทานอาหารประจำสัปดาห์ที่บ้านบิดา พริมาเลิกคิ้ว ไม่มีใครสักคนในบริษัทพูดถึงเรื่องนี้

“พริมไม่ทราบเลยค่ะ รู้แต่ว่าคุณพ่อสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะเอาจริง”

“ได้ยินแว่วๆ ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนคุณท่านให้คุณเกษมเชิญคุณศรุตไปกินข้าวที่โรงแรม แต่คุณหนูไม่ได้ไปด้วย เลยไม่แน่ใจว่าคุณท่านบอกคุณหนูหรือเปล่า”

“เพิ่งทราบจากมาตานี่แหละค่ะ ทำไมคุณพ่อไม่บอกพริมสักคำ”

“ไม่ทราบสิคะ แต่ข่าวแว่วว่าคุณศรุตไม่ตกลง ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เกษมไม่ยอมบอกรายละเอียด”

หญิงสาวนิ่วหน้า คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันแสดงความประหลาดใจ หล่อนไม่ทราบจริงๆ ว่าศรุตติดขัดอะไรจึงไม่ยอมรับข้อเสนอจากคุณพ่อของหล่อน

“เดี๋ยวพริมจะโทรหาคุณเกษมสักหน่อย”

พริมาบอกก่อนจะเดินออกมา กดโทรศัพท์หาคนสนิทคู่ใจของบิดา กรอกน้ำเสียงถามด้วยความสงสัย

“คุณพ่อจะซื้อกิจการของคุณศรุตเหรอคะ ไม่เห็นพริมจะทราบเรื่องนี้เลย”

“เอ้อ...” เกษมนิ่งอึ้งไป เพราะเจ้านายแสดงความต้องการจะเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนจะถึงหูลูกสาว พิพัฒน์คงไม่อยากให้พริมาทราบ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงพาพริมาไปด้วยตั้งแต่แรก

“คุณพ่อซื้อกิจการเขาทั้งหมดเลยหรือให้ยืมเงินล่ะคะ”

“คุณท่านยื่นข้อเสนอไปทั้งสองแบบครับ แต่คุณศรุตไม่ตกลง”

“อ้าว”

หญิงสาวนิ่วหน้า กำโทรศัพท์ในมือของตัวเองแน่น... หล่อนไม่เห็นสาเหตุอะไรที่ศรุตจะไม่รับข้อตกลงของพ่อหล่อนไว้เลย ถ้ามันจะแลกกับการได้กิจการทั้งหมดกลับคืนมา พ้นผ่านวิกฤตไป อีกไม่นานเขาก็ตั้งตัวได้

“ทำไมคุณศรุตไม่รับข้อเสนอ”

“คุณอาจจะต้องถามคุณท่านเอง” เกษมตอบอ้อมแอ้ม หนึ่งนั้นก็นายท่านใหญ่ที่เขาเกรงกลัว แต่อีกใจนั้นพริมาก็น่าเกรงใจไม่แพ้พ่อของหล่อนเอง “ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดมาก แค่คุณท่านต้องการคุยกับคุณศรุตเองโดยตรง”

พริมาปล่อยวางความอยากรู้ที่จะถาม... หล่อนทราบว่าเกษมรู้ดี แต่ก็เช่นกัน เขาเป็นคนที่พ่อหล่อนไว้ใจ ถ้าพ่อเลือกที่จะไม่บอกแม้แต่กับหล่อนเอง เกษมก็ไม่มีทางบอกได้เช่นกัน

“มินติดงานกองถ่ายที่ต่างจังหวัด กลับมาสัปดาห์หน้านะคะ”

เสียงหวานเจื้อยแจ้วบอกมาตามสาย ศรุตก้มหน้า ดวงตาอ่อนแสงลงเมื่อได้ยินคำบอกจากคนที่ตัวเองคิดถึงตลอดทั้งวัน จิตใจของเขาเปราะบางหวั่นไหว โดยเฉพาะยิ่งเมื่อปัญหารุมเร้าเข้ามาในทุกวัน

“มะรืนนี้แซมจะกลับมาจากอเมริกา นึกว่าคุณจะอยู่รอเจอด้วยกัน”

“มินคงไม่ว่าง คุณอยู่กับเพื่อนคุณไปก่อนก็แล้วกัน”

“เดินทางปลอดภัย ดูแลตัวเองด้วยนะ”

ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวนอกจากโทรศัพท์ที่ตัดสายไปเสียดื้อๆ เขาถอนหายใจ บอกตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกเหนื่อยล้าไม่มีวันสิ้นสุดเสียที

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก มือหนาเอื้อมหยิบขึ้นมากดรับก่อนจะกรอกเสียง

“สวัสดีครับ ศรุตพูด”

“คุณศรุต” ปลายสายทวนชื่อเขานิดหนึ่งแล้วเงียบไป ก่อนน้ำเสียงต่อมาจะเอ่ยแจ้งความประสงค์ “ฉันเอง พริมา ลูกสาวของคุณพิพัฒน์ ฉันอยากคุยเรื่องข้อเสนอของคุณพ่อกับคุณ”

คำแนะนำตัวทำให้เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะด้วยความแปลกใจ คิ้วหนานิ่วเข้าหากัน ใบหน้าคมสันดูกระด้างตึงยามกรอกเสียงกลับ

“คุณพริมา... มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“ฉันเพิ่งทราบเรื่องที่คุณพ่อตัดสินใจจะช่วยเหลือคุณ แต่คุณปฏิเสธ ไม่แน่ใจว่าคุณติดอะไรหรือเปล่าถึงปฏิเสธคุณพ่อไป”

“ผมไม่สามารถรับข้อเสนอของคุณพ่อคุณได้ก็เท่านั้น”

ศรุตตอบกลับ... พริมากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงเห็นดีเห็นงามกับการที่พ่อของตัวเองมายื่นข้อเสนอที่แสนจะทำลายเกียรติของลูกสาวขนาดนั้น หรือเพราะว่านักธุรกิจ ไม่มองอะไรนอกจากผลประโยชน์ที่จะมีร่วมกัน

“ฉันไม่คิดว่าจะมีข้อเสนอไหนของพ่อฉันที่คนอื่นจะปฏิเสธได้หรอกนะคะ” น้ำเสียงตอบกลับเยือกเย็นและค่อนข้างเชื่อมั่น “พ่อให้สิ่งที่แฟร์ที่สุดสำหรับทุกคนเสมอ ถึงแม้ว่าจะเสียมาก แต่ผลตอบแทนก็ต้องได้กลับมาคุ้มค่าอย่างแน่นอน”

“ถึงจะเป็นข้อเสนอที่ทำลายศักดิ์ศรีตัวเองอย่างนั้นเหรอ”

“ฉันไม่เข้าใจ” ท่าทางหล่อนยังงงงันไปกับสิ่งที่เขาบอก “คุณพ่อยื่นข้อเสนออะไรให้คุณ”

“คุณไม่ทราบเลยเหรอ” เขาย้อนถาม แค่นหัวเราะให้ตัวเองในเงากระจกหล่อนไม่ทราบจริงๆ หรือเขากำลังหลงไปกับความไร้เดียงสาที่อาจจะปลอมขึ้นมาเพื่อให้แนบเนียน

ในวงการธุรกิจก็รู้กันดีอยู่ว่า พริมาเป็นคนเดียวที่เป็นทายาทของพิพัฒน์ คนเดียวที่เสือใหญ่ของเมืองไทยให้ความไว้วางใจ

หล่อนจะเล่ห์เหลี่ยมน้อยไปกว่าพ่อของตัวเองไม่ได้เลย

“คุณพ่อไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรฉันนักหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นกลับไปถามพ่อคุณเองก็แล้วกัน”

“คุณศรุต” หล่อนทำเสียงจริงจัง หนักแน่น “คุณฟังฉันนะ ในตอนนี้บริษัทของคุณล้มละลาย โดยที่คุณไม่สามารถจะกอบกู้มันกลับมาได้ด้วยตัวเอง ทุกอย่างที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายายของคุณสร้างมาเมื่อในอดีตมันจะล้มหายไป แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ลูกน้องมากมายของคุณต้องตกงาน ไม่มีเงินกินข้าว ไม่มีเงินส่งลูกเรียน ทุกคนจะเดือดร้อนกระจายกันเป็นวงกว้าง คุณลองคิดให้ดี คิดอีกครั้งก็ได้ว่า ข้อเสนอของพ่อฉัน... ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร... มันพอที่จะคุ้มค่ากับสิ่งที่คุณจะกู้คืนมาได้บ้างหรือเปล่า”

“คุณไม่รู้อะไรหรอกคุณพริมา ผมจะบอกคุณตามตรงว่า ข้อเสนอของพ่อคุณก็คือให้ผมแต่งงานกับคุณแลกกับเงินหกร้อยล้านที่จะให้กู้ยืม มันเป็นเงินที่เยอะมาก และผมสามารถกู้คืนบริษัทได้ด้วยเงินจำนวนเท่านั้นนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่สามารถขายศักดิ์ศรีตัวเอง แล้วก็ทำให้มินตราต้องเสียใจด้วย คุณเข้าใจไหม ผมรักมินและผมจะไม่ยอมทำให้เขาเสียใจ”

คำบอกของเขาเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมาบนใบหน้าของหญิงสาว พริมารู้สึกมึนไปหมด สมองหมุนคว้างเหมือนล่องลอยอยู่ในพายุร้ายที่พัดไปมา

“คุณว่าไงนะคุณศรุต... คุณพ่อเสนออะไรให้คุณ”

“เสนอให้ผมแต่งงานกับคุณ... เขาไม่ได้บอกคุณเลยใช่ไหม คุณถึงถามเหมือนไม่รู้อะไรอยู่อย่างนี้”

ใช่... พ่อไม่ได้บอกอะไรหล่อนทั้งนั้น มิน่าเล่า เกษมถึงทำอ้ำๆ อึ้งๆ และทุกคนเหมือนกุมความลับอะไรสักอย่างอยู่ ที่แท้จริงแล้ว มันคือเรื่องที่หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเต็มประตู

พริมาได้แต่สงสัยว่า ตลอดเวลา พ่อมองหล่อนเหมือนเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งของบริษัทเท่านั้นเองหรือ

หญิงสาวเม้มริมฝีปาก... เก็บความรู้สึกแปลบปลาบที่แล่นขึ้นมาในอกเอาไว้ส่วนลึกในใจ พยายามทำใจให้เข้มแข็งยามตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเยือกเย็นว่า

“ฉันจะกลับไปลองคิดดู... ว่าคุณพ่อเห็นประโยชน์อะไรถึงได้เสนอดีลอย่างนั้นไป”

วางสายไปเสียก่อนที่ศรุตจะทันได้พูดอะไรอีก ชายหนุ่มมองโทรศัพท์ของตัวเอง ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังขึ้นมา

น่าสะอิดสะเอียน... เขานึกว่าหล่อนจะต่อต้าน รังเกียจสิ่งที่พ่อทำกับตัวเอง แต่สุดท้ายก็เหมือนเจ้าตัวจะลังเลและอาจจะกลับไปคิดด้วยว่าพ่อของตัวเองนั้นทำดีแล้วเพียงใด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel