ตอนที่ 2[4]
มาตามองอากัปกิริยาของเจ้านายตัวเองที่ดูประหลาดไปด้วยความสงสัย ท่าทางซึมเซาที่แอบซ่อนไว้ไม่เนียนนักทำให้คนที่ดูแลมาตั้งแต่เด็กสังเกตเห็น
ไม่บ่อยหรอกที่หล่อนจะดูเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะคุณหนู ดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะมาตา” หล่อนตอบเสียงเรียบ พยายามกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้ “พริมเพิ่งโทรศัพท์ไปคุยกับคุณศรุตมา”
“เขาว่าอย่างไรบ้างคะ”
“พริมเพิ่งทราบว่าคุณพ่อยื่นข้อเสนอให้เขา แลกกับการให้ยืมเงินหกร้อยล้านบาทไปฟื้นฟูกิจการ โดยการที่ต้องมาแต่งงานกับพริม”
“อะไรนะคะ”
สีหน้าแม่บ้านตกใจ เบิกตากว้างยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะสลดลงแล้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเวทนา สุดท้ายมาตาก็จะรู้ว่าความคิดของพิพัฒน์นั้นเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเพียงใด
“คุณท่านจะให้คุณหนูแต่งงานกับคุณศรุตเหรอคะ... มาตาคิดว่า คุณท่านคงอยากได้คุณศรุตเข้ามาทำงานให้ จึงพยายามหาวิธีให้เขามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เงินหกร้อยล้านจริงๆ คุณท่านไม่ซีเรียสหรอก ยกให้เปล่าๆ บริจาคการกุศลก็คงได้เลยด้วยซ้ำไป”
“คุณพ่อชื่นชมคุณศรุตมาก” หล่อนทราบ เพราะบิดาเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าเขาดีกว่าคนอื่นในบริษัทหล่อนทุกคน
และรวมไปถึงดีกว่าหล่อนด้วยนั่นเอง...
“แต่คุณหนู...”
มาตามองหล่อนด้วยความสงสาร ท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าที่เงียบลงผิดสังเกตไปได้ชัดเจน แม่นมรู้ว่า คนตรงหน้ากำลังตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพียงใด
“คุณศรุตเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว... เขาก็เลยไม่ตอบตกลงใช่ไหมคะ”
“ค่ะ” หล่อนก็ทราบ มิหนำซ้ำยังหน้าชาไปหมดเมื่อโดนอีกฝ่ายตอกกลับใส่หน้า เข้าใจดีว่าศรุตรักมินตรามากมายเพียงใดตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตลอดเวลาฝ่ายหญิงจะไม่ได้มั่นคงกับเขาเลย
“คุณรู้ไหม เมื่อเช้าเพิ่งมีข่าวของแฟนเขา คุณรู้จักไหมคะ เพิ่งเป็นดาราหน้าใหม่ในวงการ ได้ข่าวว่าไปเป็นเด็กเสี่ยวิบูลย์ เจ้าของสนามกอล์ฟที่คุณพ่อของคุณชอบไปเล่นไงคะ”
“มาตารู้ดีตลอด”
“มาตาก็ติดตามข่าวสารตลอดค่ะ ไม่อย่างนั้นมาตาอยู่บ้านนี้ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ติดตามข่าวสารบ้าง ก็อาจจะตามความคิดของคนอื่นไม่ค่อยทัน”
หญิงสาวยิ้มจืดจางกับคำบอกของแม่นมคนเก่ง ทุกคนที่อยู่ในบ้านนี้ได้ย่อมต้องผ่านอะไรมาพอสมควร เพราะการทำงานกับพ่อของหล่อนนั้นไม่ง่าย... ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ลงข่าวขึ้นมาใหญ่โตเลย งานนี้ถ้าแฟนเขาไม่เห็นอีกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร คุณศรุตดูรักแฟนคนนี้มากนะคะ เกือบจะแต่งงานกันอยู่แล้วถ้าไม่มาล้มละลายเสียก่อน”
“มาตารู้อย่างกับไปอยู่ใต้เตียง”
“แหม... เราก็ต้องสืบข่าวสารบ้างเป็นธรรมดา”
ริมฝีปากบางกระตุกเป็นรอยยิ้ม เพียงนิดก่อนจะวางหน้านิ่งดั่งเดิม เปิดอ่านข่าวซุบซิบของวงการดารา หล่อนทราบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ศรุตคงวุ่นอยู่กับวิกฤตของธุรกิจตัวเองจนไม่มีเวลาได้ใส่ใจข่าวคราวตามหน้าเพจในอินเทอร์เน็ตจริงๆ
ปิดหน้าเพจหน้านั้นลง... ไม่ใช่ธุระกงการใดของหล่อนที่จะไปเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของเขา
ไม่เกี่ยวข้องเลย
รถคันงามแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ในตอนค่ำ ร่างบางยืนแอบอยู่มุมหนึ่งของตึก ครั้นพิพัฒน์ก้าวลงมา พริมาก็เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“พริมมีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อ”
ดวงตาสีเข้มตวัดมองเพียงแว่บ... เขาพอจะรู้อยู่ได้ว่าพริมากำลังต้องการพูดเรื่องอะไร ใบหน้าที่ประพิมพ์ประพายคล้ายหล่อนนั้นวางนิ่งเฉย เหมือนไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใดไปด้วยกับหญิงสาว
“พริมเพิ่งทราบว่าคุณพ่อยื่นข้อเสนอให้คุณศรุตแต่งงานกับพริม”
“แกโทรไปคุยกับศรุตว่าอย่างไรบ้างล่ะ”
คำย้อนกลับมาทำให้หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่... ดวงตาคมกริบเหมือนอ่านได้จนทะลุปรุโปร่งถึงความคิดด้านในของใจบุตรสาว
“พริมไม่ทราบว่าทำไมคุณพ่อต้องทำแบบนี้... คุณศรุตมีคนรักอยู่แล้ว พริมไม่อยากยุ่ง”
“คนรักมันได้กับวิบูลย์อยู่ทุกวัน คนที่สนามกอล์ฟก็เห็นกันหมด จะไปแคร์อะไร”
พริมากลืนน้ำลาย...
“ศรุตมันดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวที่โง่เรื่องเลือกคู่ครอง ฉันจะบอกให้ว่า ในมุมมองของคนเป็นผู้ใหญ่รู้สึกเสียดายที่สุด ที่คนเราจะเลือกคู่ครองโดยไม่มองความเหมาะสม ความอุ้มชูเกื้อกูลกันทางด้านธุรกิจ แกหยุดมาทำเป็นรู้ดีกว่าฉันในเมื่อแกก็ยังอ่อนหัด ทำในสิ่งที่บอกให้ทำ ชีวิตแกจะดีเอง”
“คุณพ่อ”
พิพัฒน์เดินจากไป ทิ้งให้หล่อนยืนเคว้งอยู่ตามลำพัง พริมารู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่ริมขอบปากเหวกว้าง พร้อมจะดิ่งจมลงลึกไปได้ตลอดเวลาเมื่อเผลอตน
ด้านในของหล่อนอ่อนแอ... อ่อนแอจนไม่สามารถต่อต้านอะไรพ่อของตัวเองได้เลย
