ตอนที่ 1 [4]
เพราะเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อมาในช่วงเย็นของวันศุกร์ทำให้ศรุตประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อเกษมแนะนำตัวว่ามาจากที่ใด พิพัฒน์เป็นใหญ่ในวงการธุรกิจของเมืองไทย น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เขาเคยรู้จักและได้พูดคุยอยู่บ้างตามงานที่เป็นทางการของวงการค้าไทย
พิพัฒน์เป็นคนที่อยู่ด้วยยาก แต่ก็ทำให้เขาไม่แปลกใจว่าทำไมถึงดูแลกิจการใหญ่โตได้มากมายถึงเพียงนั้น
ความแปลกใจยังคงติดค้างอยู่ ศรุตรู้ว่าเอสเคชิปปิ้งไม่ได้มีอะไรที่พิพัฒน์ควรจะสนใจ มันไม่ได้เกี่ยวข้อง และคงไม่มีคนใดในอาณาจักรของอีกฝ่ายที่จะมาสานต่องานของเอสเคได้
แม้กระทั่งลูกสาวคนโปรดของพิพัฒน์คนนั้น...
เขานึกถึงพริมา... หญิงสาวที่เติบโตมาเหมือนนกในกรงทองประดับเพชร ทั้งชีวิตของหล่อนเพียบพร้อมในทุกด้าน แม้กระทั่งยามมาเรียนในคลาส อาจารย์ยังต้องพินอบพิเทา
“คุณพิพัฒน์สนใจจะช่วยเหลือธุรกิจของคุณ ถ้าสะดวกจะขอนัดคุยช่วงค่ำ”
“คุณพิพัฒน์เหรอครับ”
“ใช่” เกษมบอกด้วยน้ำเสียงทุ้ม ดังมาตามสาย “คุณพิพัฒน์ทราบข่าวเรื่องบริษัทของคุณแล้ว และสนใจที่จะช่วยเหลือ จึงอยากให้คุณมาคุยด้วยโดยตรง เผื่อ ‘ถ้า’ คุณตกลงและหาทางได้ผลประโยชน์ร่วมกันได้ ก็อาจจะทำให้คุณไม่ต้องล้มละลาย”
ศรุตนิ่งอึ้งไป เขายื่นเสนอโครงการกู้ยืมเพื่อฟื้นฟูธุรกิจไปกับนักลงทุนหลายคนแต่ทุกคนล้วนแล้วแต่ปฏิเสธ เงินหลายร้อยล้าน ต้องเป็นนายทุนที่ใหญ่โตเท่านั้นถึงจะมีกำลัง แล้วจู่ๆ พิพัฒน์จะมายื่นข้อเสนอ เขาไม่แน่ใจเลยว่า เขาจะรับมือกับเสือโคร่งในวงการธุรกิจไหวหรือเปล่า
ไม่มีใครที่ดีลกับพิพัฒน์แล้วไม่ต้องเสียอะไรเพื่อแลกกับผลตอบแทน เขาก็ไม่แน่ใจว่า พิพัฒน์จะยื่นข้อเสนออะไรเพื่อแลกกับเงินจำนวนมาก จ่ายให้บริษัทที่กำลังจะล้มละลาย
“วันพรุ่งนี้ตอนเย็นผมว่าง... ถ้าคุณพิพัฒน์สะดวก จะนัดคุยกันที่ไหนผมจะได้เตรียมตัว”
“ถ้าได้ข้อสรุปแน่นอนแล้วผมจะโทรศัพท์มาคอนเฟิร์ม คุณทำตัวให้ว่างไว้ก็แล้วกัน”
ปลายสายวางไปแล้ว ทิ้งให้เขาอยู่ในห้องกว้างเพียงลำพัง คำพูดของเกษมและโอกาสที่ถูกยื่นมานั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าอะไรๆ ที่หนักอึ้งอยู่ในอกนี้ลดลงเลย
แต่เขาไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าสุดท้ายต้องเสียทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่บริษัท มันก็จะยังได้ไปอยู่ในมือของผู้ที่มีอำนาจและศักยภาพพอที่จะสามารถดูแลมันต่อได้ แต่พิพัฒน์จะยกให้ใครตามดูแล...
พริมาเหรอ...
เขาไม่แน่ใจในความสามารถของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นจริงๆ
“คุณหนูไม่ได้ไปกับคุณท่านเหรอคะวันนี้”
แม่นมของหล่อนถามเมื่อเห็นหญิงสาวกลับมาในตอนเย็น ท่าทางอิดโรยที่เห็นทำให้ต้องรีบหาน้ำหวานเย็นๆ มายื่นให้ดื่ม พริมานิ่วหน้า
“ไปไหนเหรอคะมาตา”
“ได้ข่าวจากเกษมว่าคุณท่านเรียกคุณศรุตมาคุย เลยนึกว่าให้คุณหนูไปด้วย ไม่แน่ใจว่าเขาจะดีลอะไรกันหรือเปล่า”
“คุณศรุตเหรอคะ”
หล่อนทวนคำด้วยความประหลาดใจ บิดาไม่ได้บอกหล่อนเลยในเรื่องนี้ และหล่อนเพิ่งทราบจากมาตาเป็นคนแรกจริงๆ
“พ่อจะซื้อเอสเคเหรอคะ ไม่น่าเชื่อ พริมไม่คิดว่ามีใครจะอยากไปดูแลบริษัทนี้ หรือคุณพ่อจะให้คุณศรุตบริหารต่อ”
นั่นก็เป็นความคิดที่ยิ่งไม่เข้าท่าเข้าไปใหญ่ พ่อของหล่อนไม่เคยไว้ใจใครนอกจากเครือญาติของตัวเอง ขนาดเครือญาติบางคน ก็ยังแทบไม่ไว้ใจเลยเสียด้วยซ้ำไป
“มาตาก็ไม่ทราบนะคะว่าคุณท่านจะดีลมาในแนวไหน ปล่อยกู้ ให้ยืมเฉยๆ คืนดอกเบี้ยก็ดูจะใจดีเกินไป คิดว่าคุณท่านไม่น่าจะทำ”
มันมีสิ่งหนึ่งที่แปลกอยู่ว่า ปกติพ่อจะบอกทุกอย่างที่คิดหรือทำให้หล่อนรับทราบ ในฐานะของคนที่ต้องสืบทอดทุกอย่างหากเกิดอะไรขึ้นอย่างกะทันหัน แต่คราวนี้ทุกอย่างกลับเงียบเชียบ...
หล่อนแทบไม่รู้อะไรเลย
