บทที่ 8
ธัญญาธรกับอนวัฒน์จึงพากันเดินกลับลงมา แต่ระยะทางตอนกลับดูจะโหดกว่าตอนขึ้นเสียอีก เพราะตอนขึ้นเป็นทางขึ้นเขาลาดชัน ตอนลงจึงเป็นทางลาด เวลาเดินบางครั้งเสียจังหวะเป็นการวิ่งแทน ธัญญาธรต้องยึดเกาะต้นไม้ข้างๆ หรือบางครั้งก็ใช้อนวัฒน์เป็นที่ยึดเพื่อไม่ให้หกล้ม ชายหนุ่มเองก็สนุกไปด้วย ไหนจะคอยระวังไม่ให้หญิงสาวกระแทกกับต้นไม้ข้างๆ ไหนจะคอยลุ้นวิธีกระโดดของเธอไม่ให้ข้อเท้าแพลงเสียก่อน เรียกได้ว่าจะเหนื่อยกว่าตอนที่ขึ้นไปเสียอีก
ธัญญาธรหลับตายังอยู่ในความฝันของเธอ คิดถึงรอยยิ้มและคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดวันนั้น มันมีความสุขใบหน้าหวานตอนนี้จึงมีรอยยิ้มแฝงอยู่ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีอะไรนุ่มๆ มาคลอเคลียที่ข้อเท้าบาง ดึงสติของเธอกลับมาว่าเหตุการณ์แบบนั้นมันเป็นแค่อดีตเท่านั้นเอง ธัญญาธรมองไปยังข้อเท้าก็พบกับแมวตัวเล็กอายุไม่น่าจะถึงขวบสีขาวสะอาด จะว่าไปมันมาอยู่ในบ้านเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“หิวเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแผงคอนุ่มๆ ของมันไปมา เจ้าแมวแปลกหน้าก็คลอเคลียส่งเสียงเหมียวๆ ชอบใจ ธัญญาธรไม่มีอาหารแมวจึงเดินไปหยิบนมในตู้เย็นออกมาเทใส่ถ้วยวางตรงหน้าให้ มันดมอยู่สักพักก็เลียกิน
“ถ้าหลงทาง มาอยู่ที่บ้านฉันไหม เราจะได้เป็นเพื่อนกัน” ธัญญาธรเอ่ยชวน เธอได้ยินเสียงที่เออออเองว่ามันตอบรับคำชวนนั้นแค่คำว่าเหมี้ยวๆๆ ติดกันหลายครั้งเท่านั้นเอง หญิงสาวยิ้มออกมาแต่ดวงตากลับหมองเศร้า แม้จะมีความสุขเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต แต่อดีตมันก็มีบางอย่างทำให้เธอเจ็บปวดเช่นกัน
อนวัฒน์ขับรถกลับบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงภายในห้องนอน ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคนที่กำลังคิดมาก เขาได้พบธัญญาธรเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อน แม้ลึกๆ จะดีใจที่ได้พบ แต่การมาของเธอมันไม่เหมือนเดิม แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ เธอจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น เพราะสิ่งที่เขาจะทำกับเธอมันคือการเอาคืนในสิ่งที่พ่อของธัญญาธรได้ทำไว้กับพี่สาวเขา
“มาก็ดี…จะได้ไม่ต้องรอนาน” เอ่ยเหมือนคนไม่คิดอะไร แต่ในสมองและหัวใจมีความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นปนกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขามั่นใจว่าไม่ได้หลงเหลือคำว่ารักที่เคยมีให้แก่ธัญญาธรอีกต่อไป สิ่งที่มีให้เธอมันคือความเกลียดชัง ชายหนุ่มหลับตาลงแต่ภาพในอดีตกลับฉายเข้ามา จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือฟ้าลิขิตเพราะสิ่งที่อนวัฒน์กำลังคิดตอนนี้มันต่อกับภาพที่ธัญญาธรกำลังคิดถึง แต่คนทั้งคู่กลับไม่รู้
“นายถ่ายรูปให้ฉันหน่อย” ธัญญาธรหันมาสะกิดอนวัฒน์ให้ถ่ายรูปให้ขณะที่กำลังนั่งเรือออกไปชมปะการัง เพราะเธอไม่รู้จะทำอะไร ขืนนั่งไปเฉยๆ ไม่มีกิจกรรมเดี๋ยวก็เกิดอาการเมาเรือ เที่ยวไม่สนุกพอดี
“ถ่ายมาทั้งวันจนเมมโมรี่การ์ดฉันจะเต็มแล้ว มีแต่รูปของเธอ ยังไม่พออีกหรือไง”
“อย่าพูดมากได้ไหม รีบๆ ถ่ายได้แล้ว”
“ครับคุณหนู...” อนวัฒน์ถ่ายรูปธัญญาธรไปหลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“นี่เธอชอบถ่ายรูปมากนักหรือไง แต่ไม่ยักจะเห็นเธอหยิบกล้องมาด้วยเลย”
“ฉันลืม...อีกอย่างฉันชอบให้คนอื่นถ่ายให้มากกว่า ไม่ชอบถ่ายเอง”
“ขี้เกียจว่างั้น”
“นายนี่เลิกแขวะฉันสักทีจะได้ไหม...หา” แต่ระหว่างที่ธัญญาธรกำลังโพสท่าถ่ายรูปอยู่นั้น เรือก็โครงอย่างแรงเพราะแรงปะทะของคลื่นลูกใหญ่ ทำให้เธอเกือบจะพลัดตกจากขอบเรือ ดีที่อนวัฒน์ปฏิกิริยาไวจึงคว้าเอวของเธอไว้ได้ ด้วยความตกใจธัญญาธรจึงเกาะคอชายหนุ่มไว้แน่น แถมตอนนี้ยังเงียบไม่พูดอะไรเหมือนคนกำลังตกใจ อนวัฒน์จึงลูบศีรษะเธอเบาๆ เป็นการปลอบ
แม้จะพูดจาไม่ดี แม้การพบกันครั้งแรกเขาอาจทำให้เธอไม่พอใจ แต่นั่นมันคือการเข้าใจผิดคิดว่าเธอจมน้ำจึงเข้าไปช่วยและผายปอดให้ แต่เธอกลับมองว่าเขาฉวยโอกาสจนเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อให้ไล่เขาออกเสียอย่างนั้น แต่พอมาวันนี้เขาดูแลเธอดีอย่างไม่น่าเชื่อทำให้หญิงสาวมองชายหนุ่มในแง่ดีขึ้นมาบ้าง ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“อยากดูรูปที่ถ่ายวันนี้ไหม” เมื่อเห็นว่าธัญญาธรเงียบ อนวัฒน์จึงเอ่ยชวน
“อืม” ธัญญาธรตอบรับเพียงสั้นๆ แล้วก้มดูรูปในกล้องที่อนวัฒน์ถ่ายให้เธอวันนี้ แถมยังบังคับให้เขาลบรูปที่เธอไม่สวย รูปที่เขาแอบถ่ายเธอออกไปจนเกือบหมด อนวัฒน์ก็ไม่ได้กังวลเพราะถึงแม้จะลบไปแล้วจากหน้ากล้อง แต่เขาก็ยังมีรูปที่ธัญญาธรลบไปแล้วอยู่ดีเพราะกล้องของเขาสามารถเรียกรูปที่ลบคืนได้
กว่าที่เรือจะกลับเข้าฝั่งก็เกือบจะหกโมงเย็น และตลอดทางที่นั่งรถกลับโรงแรมธัญญาธรก็หลับเหมือนเดิมท่าเดิม อนวัฒน์มองแล้วก็หัวเราะ วันนี้ธัญญาธรคงใช้พลังทั้งหมดที่มีไปกับกิจกรรม ทั้งขึ้นเขาดูน้ำตก นั่งเรือตากแดดอีก ไม่เพลียก็เก่งแล้ว
“แบตหมดแล้วเหรอ” อนวัฒน์ก้มมองใบหน้าที่หลับสนิทของธัญญาธร ซึ่งเขาเองก็เพลียเหมือนกันแต่คนข้างๆ ก็สามารถทำให้เขานั่งมองมาได้ตลอดทางจนถึงโรงแรม หัวใจรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเธอร้ายกับเขา เขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้
ดวงตาที่ปิดลงเมื่อครู่ค่อยๆ ลืมขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มนิดหน่อยยามคิดถึงเรื่องราวในครั้งนั้น แต่พอรู้ว่ามันคืออดีตเขาก็มีสีหน้าบึ้งตึงในทันที เพราะภาพที่พี่สาวเขามีเลือดเกาะเต็มไปหมด แถมยังอยู่ในห้องไอซียูไม่ได้สติตั้งหลายวันเป็นตัวกระตุ้นให้ชายหนุ่มเคียดแค้น จนแทบลืมความสุขที่เคยเกิดขึ้นเกือบหมดสิ้น
“สิ่งที่พี่สาวฉันได้รับในตอนนั้น เธอต้องชดใช้” อนวัฒน์ทุบฝ่ามือหนากับเตียงนอนดังปัง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่ง ยกมือกุมขมับเพราะเมื่อไหร่ที่เขาคิดถึงตอนที่พี่สาวนอนไม่ได้สติ อาการปวดศีรษะรุนแรงจะเข้ามาเล่นงาน ชายหนุ่มเดินตัวเซไปยังลิ้นชักหยิบยาในกล่องออกมากินเพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นทันที เขาทรุดนั่งกับพื้นห้องขณะรอให้ยาที่กินเข้าไปทำหน้าที่ของมัน
