บทที่ 4
“แล้วเมื่อไหร่จะใช้ทุนหมด” พระนายที่นั่งอยู่ติดกับขวัญข้าวเอ่ยถามขึ้น
“อีกสองสามปีครับ พอใช้ทุนหมดคงเปิดบริษัทตัวเอง แข่งกับไอ้ตะวันมัน”
“คงได้หรอก เพราะลุงเดชจองตัวแกไว้แล้ว ใช่ไหมครับลุง” ตะวันหันไปถามความคิดเห็นจากลุงเดช ส่วนลุงเดชนั้นได้แต่นั่งยิ้ม
“ถึงไม่จองผมก็ไปช่วยงานลุงเดชอยู่แล้วครับ เต็มใจอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มรู้ว่าผู้มีพระคุณอีกคนที่ชาตินี้คงตอบแทนไม่หมดคือลุงเดช จะให้เขาทิ้งไปได้อย่างไรกัน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้เข้าไปทำเต็มตัวแต่งานไหนที่เขาพอช่วยได้ลุงเดชก็มอบหมายให้รับผิดชอบไป
“อนาคตบริษัทนั่นก็เป็นของเจ้าคลื่น ถ้ามันไม่เข้าไปทำก็ปล่อยไว้แบบนั้น รอยกให้ภูผาแล้วกัน” คำพูดของลุงเดชทำให้ตะวันยิ้ม ก่อนจะเออออเห็นด้วยไปอีกคน
“นั่นน่ะสิครับ ภูผาคงบริหารงานได้ดีกว่าไอ้คลื่นแน่”
“ไอ้นี่ ตกลงจะให้ข้าตกงานหรือเอ็ง” อนวัฒน์แซวตะวันเข้าให้
“อะไรๆ ก็จะยกให้ลูก แล้วน้องเมียอย่างข้าล่ะครับคุณพี่เขย” คำพูดค่อนขอดที่ได้ยินจากอณวัฒน์ทำให้ทุกคนยิ้มกับความขี้เล่นนี้
“วันก่อนพี่ไปส่งเค้กให้ลูกค้าคนหนึ่งที่โรงแรม” คำพูดของพี่สาวทำให้อนวัฒน์หุบยิ้ม สีหน้าดูเคร่งขรึม เพราะพอจะรู้ว่าโรงแรมที่ พัทธนันท์พูดนั้นหมายถึงที่ไหน
“แล้วไงครับ”
“เราติดต่อน้องแนนนี่บ้างหรือเปล่า ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” พัทธนันท์เอ่ยด้วยความห่วงใยจริงๆ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้พูดคุยกับธัญญาธร ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง
“ไม่ครับ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ผมไม่อยากเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นอีก” อนวัฒน์ตัดบทสนทนาเสียดื้อๆ ขวัญข้าวลูบต้นแขนเพื่อนรักเบาๆ เพราะรู้ว่าพัทธนันท์กำลังคิดอะไรอยู่ เธอคงอยากให้น้องชายลดความโกรธแค้นในตัวธัญญาธรลง
“แต่น้องแนนนี่ไม่เกี่ยวนะคลื่น พ่อของน้องเขาเป็นคนทำต่างหาก แล้วทำไมเราต้องไปโกรธเกลียดน้องเขาถึงขนาดนั้น” คำพูดของพัทธนันท์แม้จะจริงทุกอย่าง แต่อณวัฒน์ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิด
“พ่อลูกมันจะต่างอะไรกันล่ะครับ ถ้าพี่ฟ้าเป็นอะไรมากกว่านั้น ผมไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่” อณวัฒน์กำหมัดแน่น เขาคิดว่ากฎหมายจะลงโทษคนผิดไม่ให้มันออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ใครได้อีก แต่เขากลับคิดผิดเพราะหลังจากไตรรงค์เข้าคุกไม่ถึงปี ก็ได้กลับออกมาใช้ชีวิตได้อย่างหน้าชื่นตาบาน คงเอาเงินสกปรกยัดใส่คนในเครื่องแบบถึงได้ออกมาเร็วขนาดนั้น
“แต่พี่ก็สบายดี ไม่ได้เป็นอะไร เลิกโกรธเกลียดเถอะคลื่น มันไม่ดีหรอกนะที่จะเก็บความรู้สึกนั้นมาทำร้ายตัวเอง” พัทธนันท์ลูบมือน้องชายไปมา
“แต่คนพวกนั้นต้องชดใช้” ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วกลับออกไปจากงานวันเกิดหลานในทันที พัทธนันท์ทำท่าจะเดินตามน้องชายไปแต่กลับถูกตะวันรั้งไว้
“ฟ้า ปล่อยคลื่นไปก่อนเถอะ”
“ฟ้าปล่อยน้องให้จมอยู่กับความเคียดแค้นนั้นนานเกินไปหรือเปล่า เวลาพูดถึงเรื่องนี้คลื่นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ฟ้ากลัวว่าสักวันคลื่นจะใช้ความโกรธทำร้ายน้องแนนนี่” พัทธนันท์สงสารอนวัฒน์ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้อนวัฒน์ลืมเรื่องในวันนั้นและยอมให้อภัยธัญญาธรได้ เธอจำช่วงเวลาที่อนวัฒน์อยู่กับธัญญาธรได้ดี น้องชายเธอดูมีความสุขมาก
“ไม่หรอก คลื่นไม่ใช่คนแบบนั้น” ลุงเดชที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น
“พี่ก็คิดเหมือนลุงเดช ตอนนี้คลื่นคงทั้งเกลียดทั้งรักปะปนกัน ทำให้เขาสับสน” พระนายที่รับรู้เรื่องราวของอนวัฒน์กับพัทธนันท์จากภรรยาเอ่ยขึ้นอีกคน ครั้งแรกที่เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ไม่คิดว่าพัทธนันท์ ตะวันและอนวัฒน์จะผ่านเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดขนาดนั้น ทุกคนมีเรื่องราวที่แตกต่างกันแต่เหมือนพรหมลิขิตให้มาเกี่ยวข้องจนถึงตอนนี้และต่อไป
อนวัฒน์ยืมรถตะวันขับกลับบ้าน ระหว่างทางกลับเขาต้องผ่านโรงแรมซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำ ภาพใบหน้าที่เขารู้สึกคุ้นๆ ตาที่ได้เห็นไปเมื่อตอนหัวค่ำทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปแทนที่จะตรงกลับบ้านอย่างที่ตั้งใจในครั้งแรก เมื่อจอดรถเรียบร้อย อนวัฒน์ก็ก้าวลงมาพร้อมกับถอดรองเท้าไว้ข้างๆ ประตู จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าไปยังชายหาด สายตามองเห็นรอยเท้าเล็กๆ ของใครสักคนที่เดินตรงไปบนผืนทรายเป็นทางยาว
เขาจึงเดินทับรอยเท้านั้นไปเรื่อยๆ มาไกลพอสมควรจนรอยเท้านั้นก็หายไปเพราะคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง อนวัฒน์มองออกไปยังทะเลกว้างเห็นทุ่นบอกระยะสะท้อนกับแสงไฟของร้านอาหารตรงหน้าทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง
“เมื่อไหร่จะลืมได้สักที” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเอง ขณะหันหลังกลับสายตาก็ประสานกับหญิงสาวที่อยู่ในความคิด ธัญญาธรหยุดเดินแทบจะทันทีก็ว่าได้ ตัวเธอแข็งทื่อมองคนตรงหน้านิ่งแต่หัวใจกลับเต้นแรงเพราะไม่คิดว่าจะพบเขาตอนนี้ เธอแวะหาอะไรทานกับนันทภพเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ถ้ารู้ว่าจะมาพบอนวัฒน์แบบนี้เธอคงกลับนานแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง
“อ้าว…คุณคลื่นมาหาอะไรทานเหมือนกันหรือครับ” นันทภพเอ่ยทักก่อน เพราะเขารู้จักกับอนวัฒน์ด้วยงานพิเศษที่ชายหนุ่มทำที่โรงแรมแม้จะมาไม่บ่อยก็ตามที คำพูดของนันทภพทำให้ธัญญาธรรับรู้ได้ว่าทั้งคู่รู้จักกัน
“ครับ แล้วนี่” อนวัฒน์ปรับเสียงให้เป็นปรกติ สายตามองไปยังธัญญาธรผ่านๆ แม้จะไม่ได้พบกันมาหลายปีแต่เธอยังเหมือนเดิม ดูจะผอมไปเสียด้วยซ้ำ แม้จะเสียมารยาทที่ถามไปตรงๆ ว่าเธอคือใครก็ตาม
“อ้อ…แนนนี่ แฟนผมครับ แนนนี่นี่คุณคลื่น ไลฟ์การ์ดที่โรงแรม” การแนะนำตัวให้คนทั้งคู่รู้จักกันดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนันทภพ แต่อนวัฒน์และธัญญาธรมันกลับมีช่องว่างของความเจ็บปวดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อนวัฒน์ยิ้มให้เหมือนไม่สนใจ แต่ภายในกำลังหาคำตอบว่าธัญญาธรมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เธอเป็นแฟนกับนันทภพอย่างนั้นน่ะเหรอ มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า
“เช่นกันค่ะ” ในเมื่ออนวัฒน์ทำราวกับไม่รู้จักเธอมาก่อนเช่นนี้ ธัญญาธรจึงปรับสีหน้าให้เหมือนกับว่านี่คือการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่เช่นเดียวกัน ดวงตากลมโตสดใสราวกับดาวบนท้องฟ้าที่เมื่อก่อนเคยอ่านง่ายว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้คิดและรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า ธัญญาธรเก็บซ่อนความรู้สึกในวันวานไว้ให้ลึกสุดใจ
