บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นฝันดีนะจ๊ะเด็ก ๆ อย่าชวนเพื่อนใหม่คุยจนดึกล่ะเรา” เมื่อเด็ก ๆ เห็นตรงกันแบบนั้นญาดาจึงไม่ขัด นางกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนจะเดินกลับมายังห้องตัวเองที่มีสามีนั่งรออยู่

“เป็นยังไงบ้างคุณ”

“พากันเข้านอนไปแล้วค่ะ ดูเหมือนยัยแสบเล็กของเราจะเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ดีเกินคาด ทางคุณพี่ล่ะคะพ่อลูกชายตัวดีของเราว่ายังไงบ้าง” นี่ต่างหากคือปัญหาใหญ่ของจริงที่ทำให้นางกับสามีหวั่นใจ เพราะถ้าลูกชายคนโตไม่ยอม อะไร ๆ ที่วางแผนไว้ก็คงจะไม่ง่าย

เห็นได้ชัดว่าพ่อคุณมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ลองถ้าพ่อบอกว่า ‘ไม่’ แล้ว ใครก็อย่าหวังจะไปเปลี่ยนใจให้กลับมา ‘ใช่’ ได้

“ตาธัญญ์ยอมให้หนูมุกอยู่กับเราที่นี่ แต่เรื่องที่คุณจะรับแกเป็นลูกบุญธรรมผมว่าเห็นทีจะยาก” คำบอกเล่านี้ไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเอาไว้เท่าไรนัก เพราะนางเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักนิสัยของลูกชาย

“นิสัยหวงแม่นี่ไม่รู้ว่าได้จากใครมานะคะ”

“กลัวว่าจะเป็นผมนี่ล่ะ” นางยิ้มให้กับคำตอบที่ได้ก่อนจะค่อย ๆ วางมือลงบนมือหนาของสามี ราวจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

ใช่จะไม่รู้ว่าการต้องสูญเสียคนสนิทไปในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดให้เขามากแค่ไหน ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ระวัง เมธีเลยต้องมาตายเพราะเอาตัวเองเข้ามาปกป้อง และเพราะความรู้สึกผิดนี้เองเลยทำให้นางตัดสินใจบอกถึงความตั้งใจของตัวเองออกไป ว่าอยากรับลูกสาวของอีกฝ่ายนั้นมาเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม

“เราจะดูแลแกให้ดี ให้สมกับที่พ่อของแกต่อลมหายใจให้ผม” ดนูตอบกลับภรรยาพร้อมกระชับมือที่เขากุมมานานกว่าสิบปีไว้แน่น หากไม่ได้เมธีเขาอาจไม่มีโอกาสมานั่งจับมือภรรยาแบบนี้

สิ่งเดียวที่จะทดแทนบุญคุณได้คือต้องดูแลแก้วตาดวงใจของอีกฝ่ายให้ดี ให้สมกับที่คนจากไปได้มอบชีวิตใหม่ให้เขากับครอบครัว

“ค่ะ เราจะช่วยกันดูแลแก”

ชีวิตของมุกดาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในบ้านหลังใหม่และโรงเรียนใหม่ การปรับตัวในเวลาอันรวดเร็วนี้จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่เพราะมีทุกคนในบ้านคอยให้กำลังใจเด็กน้อยจึงค่อย ๆ ก้าวผ่านความยากลำบากที่ว่ามาได้อย่างช้า ๆ ทว่ากลับมั่นคง

“ยัยมุกเป็นเด็กกำพร้า” การถูกล้อเลียนจากเพื่อนร่วมชั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เธอจำต้องเผชิญอยู่ในทุกวัน หากมีทิวาอยู่ด้วยฝ่ายนั้นคงออกโรงปกป้องเธอเหมือนทุกครั้ง แต่เพราะพากันแอบไปเล่นน้ำฝนหลังบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน เลยทำให้เพื่อนรักของเธอถึงกลับจับไข้ ผลที่ได้เลยต้องหยุดเรียนถึงสามวัน

สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือปล่อยให้เด็กเกเรพวกนี้ล้อต่อไป เพราะลำพังแค่เธอคนเดียวคงไปสู้อะไรเด็กพวกนั้นไม่ได้

“โง่หรือไง! ถึงได้ยืนให้พวกมันล้ออยู่ได้” เดือดร้อนคนที่เพิ่งลงจากรถที่ต้องตวาดใส่คนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ขยันสร้างความหงุดหงิดให้เขาอยู่เรื่อย เกลียดนักไอ้ท่าทีเชื่องช้าไม่สู้คน เห็นทีไรชวนโมโหทุกที

สุดท้ายเพราะความโมโหเขาเลยจัดการนัดไอ้เด็กเกเรพวกนั้นให้ไปเจอกันหลังโรงเรียน ถึงพวกมันจะเล่นกฎหมู่แต่ก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี

“ตายแล้ว! ตาธัญญ์ หน้าไปโดนอะไรมาลูก” ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของลูกชายทำเอาญาดาตกใจไม่น้อยที่เห็น

“หกล้มครับ” แตกต่างจากเจ้าตัวที่ตอบกลับมาด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับบาดแผลเล็กน้อยตามเนื้อตัวเลยสักนิด

“หกล้ม! หกล้มได้ยังไง เดี๋ยวสิตาธัญญ์ จะไปไหน แม่ยังพูดไม่จบ” แต่เด็กหนุ่มฟังจบแล้ว และไม่ต้องการตอบคำถามอะไรอีก

คงมีแต่มุกดาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่ได้ไปหกล้มที่ไหนมา แต่ที่ได้แผลกลับบ้านเพราะไปหาเรื่องเด็กที่ล้อเธอหลังเลิกเรียน เธอเห็นเด็กพวกนั้นแอบวางแผนกันหลังห้องว่าจะช่วยกันรุมเขาถึงได้แอบตามไปเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่พอไปถึงกลับพบว่าถึงไม่มีเธอก็คงไม่มีใครทำอะไรธัญญ์ได้อยู่ดี สภาพของเด็กพวกนั้นสาหัสน่าดูเมื่อเทียบกับเขาที่มีแค่รอยถลอก เพราะพลาดหกล้มตอนที่ถูกทั้งสามคนกรูเข้าไปหาพร้อมกัน

ความรู้สึกผิดส่งผลให้ตัดสินใจฝ่าฝืนกฎเหล็กเป็นครั้งแรก เข้ามาในห้องของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมกับของบางอย่างในมือ

“ใครให้เข้ามา ออกไป!” ทันทีที่พบหน้าเจ้าของห้องก็ตวาดไล่กันในทันที ซ้ำยังปาหมอนในมือใส่หน้าเมื่อคนถูกไล่ไม่ยอมขยับ

“มุกเอายามาให้ คุณธัญญ์เจ็บมากไหม” เธอห่วงเขาเหลือเกิน รู้ว่าไม่ควรดีใจแต่ก็แอบดีใจไปแล้วที่เขาออกโรงปกป้อง

“ไม่ต้องมายุ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเธออ่อนแอฉันคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอรู้เอาไว้ซะ” เธอไม่ได้ขอให้เขาไปมีเรื่องกับเด็กเกเรพวกนั้นสักหน่อย แต่พูดไปมีแต่จะทำให้เขายิ่งโกรธ

“มุกขอโทษ ถะ...ถ้างั้นมุกวางยาไว้ตรงนี้นะ อย่าลืมทานะคะ” เมื่อเจ้าของห้องไม่ตอบอะไรกลับมาเด็กน้อยจึงเข้าใจว่าเขาไม่รังเกียจยาของเธอ จึงค่อย ๆ วางมันไว้และรีบพาตัวเองวิ่งหนีออกไป

เวลายังคงหมุนเวียนต่อไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนคล้อยไปเป็นปี จนในที่สุดก็เข้าสู่ปีที่ห้าที่เด็กหญิงมุกดา สุธาโชค ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน

เด็กสาวเพิ่งฉลองวันเกิดไปเมื่อไม่กี่วันก่อน และวันนี้ก็ถึงคราวที่บ้านหลังใหญ่ต้องปิดบ้านจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับอีกคนที่เกิดหลังเธอเพียงแค่ไม่กี่วัน ต่างกันก็แต่คนละปีเท่านั้น

“โห นี่มันรถบังคับวิทยุที่พี่ธัญญ์อยากได้แต่คุณแม่ไม่ยอมซื้อให้นี่ อย่าบอกนะว่ามุกยอมทุบกระปุกออมสินของตัวไปซื้อมาให้พี่ธัญญ์น่ะ” ความเงียบของเพื่อนรักถือได้ว่าเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด

มิน่าเล่าพอเธอชวนไปซื้อขนมด้วยทีไรอีกฝ่ายก็มักจะบอกปัดทุกที ที่แท้ ก็เพื่อจะเก็บเงินค่าขนมเอาไว้ซื้อของขวัญให้พี่ธัญญ์นี่เอง

“น้องอุตส่าห์เอาเงินเก็บไปซื้อมาให้ รับไว้สิตาธัญญ์” คนถูกแม่ดุลอบถอนหายใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมก้าวขาออกมาข้างหน้าเพื่อรับของขวัญจากกาฝากของบ้าน

“ขอบคุณ” สั้น ๆ แต่ได้ใจคนฟังไม่น้อย แค่เขายอมรับของขวัญที่อุตส่าห์อดขนมเก็บหอมรอมริบมาทั้งเดือนก็นับว่าดีมากแล้ว เด็กน้อยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะเอ่ยคำขอบคุณให้เป็นรางวัล

ในขณะที่คนให้กำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขอยู่นั้นเจ้าของวันเกิดกลับยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ หากไม่ใช่เพราะแม่สั่งอย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมทำอะไรแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ของขวัญนี่แพงจะตาย มิน่าล่ะตอนอยู่ที่โรงเรียนถึงไม่เห็นหล่อนไปเข้าแถวซื้อขนมเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่แม่เขาก็ให้ค่าขนมเป็นรายอาทิตย์ตลอด

ความสนิทสนมที่มีมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้มุกดากับทิวากลายมาเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด เพราะอายุห่างกันไม่กี่เดือนเลยทำให้ทั้งสองเข้าเรียนด้วยกันมาโดยตลอด ก่อนจะถูกแยกในช่วงมัธยมปลายเมื่อมุกดาสอบติดห้องวิทย์ ในขณะที่ทิวานั้นสอบติดห้องภาษา แต่ถึงจะถูกแยกจากกันความเป็นเพื่อนของทั้งสองนั้นก็ยังคงอยู่ และดูเหมือนจะยิ่งแนบแน่นมากขึ้นด้วย

“มุกได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนรำเปิดงานกีฬาสีประจำปีด้วยนะคะแม่ งานนี้มีหวังมีหนุ่ม ๆ ได้ตามจีบเป็นพรวนแน่ น่าอิจฉาจัง อยากมีโมเมนต์มีผู้ชายห้อมล้อมบ้าง” คนที่มักจะสร้างสีสันในบ้านด้วยคำพูดติดตลกเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่

“น้อย ๆ เถอะเรา เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจพูดเรื่องผู้ชายในบ้าน ระวังเถอะเรื่องจะไปถึงหูพ่อเราเข้า” เป็นญาดาที่เอ็ดขึ้น ด้วยพอจะรู้ดีกว่าใครว่าสามีหวงลูกสาวมากถึงขั้นจะส่งไปโรงเรียนหญิงล้วน โชคดีที่นางห้ามเอาไว้ได้ทัน เพราะไม่อยากขีดจำกัดชีวิตของลูก

“แม่ก็อย่าเสียงดังไปสิคะ พ่อไปทำงานตั้งไกลไม่มีทางรู้หรอก” ต่อให้รู้พ่อก็ไม่โกรธ เพราะเธอคือลูกสาวคนโปรดที่พ่อรักที่สุด

“แน่ะ เด็กคนนี้ ดูพูดเข้า” ท่าทีต่อล้อต่อเถียงกันระหว่างสองแม่ลูกยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ โดยมีมุกดาเป็นกรรมการคอยห้ามทัพ แต่ถึงจะพูดแบบนี้เธอก็ทำได้แค่นั่งฟังทั้งสองคนเถียงกันอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel