บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

หลายเดือนต่อมา

เป็นเวลาจวนค่ำเห็นจะได้ยามที่รถคันหรูค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่บ้านเมศธารา ซึ่งมีทุกคนในบ้านที่ตอนนี้กำลังยืนรอต้อนรับการมาของใครบางคนอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

“ลงมาสิลูก ต่อไปนี้ที่นี่จะเป็นบ้านของหนู” ดนูเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น ไม่บีบคั้นจนทำให้คนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าเงียบมาตลอดทางต้องรู้สึกอึดอัดจนเกินไปตามคำแนะนำของแพทย์ที่เขาได้พาเด็กน้อยที่ตั้งแต่รู้เรื่องการจากไปของผู้เป็นพ่อเธอก็ไม่ยอมพูดอีกเลย ซึ่งกว่าการรักษาจะได้ผลก็กินเวลาไปอยู่หลายเดือน ไหนจะเรื่องเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องจัดการ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

เพราะความใจเย็นของคนตรงหน้าทำให้เด็กน้อยยอมก้าวขาลงมาจากรถ โดยมีลุงผู้ใจดีคอยประคับประคองไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าขาเล็ก ๆ อาจก้าวพลาดจนตกลงมาจากรถเอาได้

ท่านยังคงจำได้ดีถึงวันแรกที่พบเด็กน้อยคนนี้ ภาพใบหน้าของแกที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นทำให้ท่านได้แต่เจ็บร้าวอยู่ในอก

“นี่อีกวันถ้ายังไม่มีใครมารับฉันเองก็ว่าจะพาเด็กมันไปแจ้งความอยู่เหมือนกัน แล้วนี่คุณเป็นใคร พ่อเด็กไปไหน ทำไมไม่มาด้วยกัน ปกติคุณเมธีไม่เคยหายไปนานแบบนี้นี่ เงินค่าจ้างก็ไม่โอนให้ตามกำหนด นี่มันที่รับเลี้ยงเด็กนะคุณ ไม่ใช่สถานสงเคราะห์”

“ผมจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง คุณไม่ต้องห่วง จากนี้ไปเด็กคนนี้จะอยู่ในความดูแลของผม เขาจะมีชีวิตที่ดี ให้สมกับที่พ่อของเขาวาดฝันเอาไว้” เขารับปากถึงเรื่องเงินก่อนจะย่อตัวลงต่ำให้อยู่ในระดับเดียวกันกับลูกสาวของคนสนิท “ไปอยู่กับลุงนะลูกนะ”

“ไม่ไปค่ะ หนูจะรอพ่อ” แม้จะเป็นเด็กแต่มุกดาก็จดจำได้ดีทุกคำสั่งสอนของผู้เป็นพ่อว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า พ่อบอกให้เธอรออยู่ที่นี่ เธอจะรอจนกว่าพ่อจะกลับมารับ

“หนูมุกฟังลุงนะ ตอนนี้พ่อของหนูเขาไปสบายแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะลุงไม่ดีเอง ลุงขอโทษ ลุงสัญญาว่าจะดูแลหนูให้ดี หนูมุกไปอยู่กับลุงนะ” ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กคนนี้ให้ได้

“พ่อของเด็กนี่ตายแล้วเหรอคุณ ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไร” ความสับสนในคำบอกเล่าของลุงแปลกหน้าถูกเฉลย เมื่อบางคำถูกพูดออกมาจากป้าใจร้ายที่มักทุบตีเธอบ่อย ๆ เวลาที่ร้องหาพ่อ

“ไม่เอา มุกไม่ให้พ่อตาย มุกจะหาพ่อ”

เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นช่างเป็นเสียงที่กรีดใจดนูไม่น้อย ท่านไม่เพียงแต่คว้าลูกสาวคนสนิทมากอดเท่านั้น ยังปลอบโยนอีกฝ่ายด้วยทุกคำพูดที่ตัวเองพอนึกออก แม้จะรู้ว่านี่คงไม่ช่วยอะไรมากนัก ไม่ช่วยอะไรเลย

“นี่คือหนูมุกดา ต่อไปนี้หนูมุกจะมาอยู่ที่นี่กับเราในฐานะสมาชิกใหม่ของครอบครัว ฉันอยากให้ทุกคนให้ความรักและเคารพหนูมุกเหมือนที่เคารพฉันกับทุก ๆ คน” กระทั่งเมื่อทั้งสองเดินมาหยุดที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งมีใครหลายคนรออยู่ เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยความดุดันถึงได้กล่าวแนะนำให้ทุกคนในบ้านได้รู้จักกับสมาชิกใหม่

“ตัวชื่อมุกดาเหรอ เราชื่อทิวานะ ไปเล่นด้วยกันไหม ที่ห้องเรามีตุ๊กตาเยอะแยะเลยนะ เราจะแบ่งให้มุกหนึ่งตัว” เป็นทิวา ลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบ้านที่เดินตรงเข้ามาหาพร้อมคำชวนที่ดังขึ้น ต่างจากคนเป็นพี่ชายที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจ้องมองเด็กผู้หญิงแปลกหน้าที่พ่อของเขาเพิ่งจะจูงมือลงมาจากรถไม่วางตา

เดือดร้อนคนเป็นแม่ที่ต้องเอ่ยเรียก เพราะเหมือนสมาชิกใหม่ของบ้านนั้นจะกลัวสายตาของลูกชายนางจนไม่กล้าที่จะขยับไปไหน

ไม่ใช่แค่หนูมุกหรอกที่กลัว คนอื่น ๆ ในบ้านต่างก็พากันหวาดผวากับสายตาดุ ๆ ของลูกชายนางไม่ต่างกัน กลัวกันถ้วนหน้าเลยล่ะ

“เข้ามาทำความรู้จักกับน้องสิตาธัญญ์ ต่อไปนี้หนูมุกจะมาเป็นน้องอีกคนของลูกนะ” เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่ครอบครัวจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่ม ความรู้สึกของลูก ๆ จึงเป็นสิ่งแรกที่คนเป็นพ่อและแม่ย่อมต้องให้ความสำคัญ

เพราะหากลูกคนใดคนหนึ่งเข้ากับหนูมุกดาไม่ได้ ความคิดที่ว่าพวกท่านทั้งสองจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมก็ต้องพับเก็บไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าทั้งสามคนจะเข้ากันได้ ซึ่งลูกสาวคนเล็กนางไม่ห่วง จะห่วงก็แต่ลูกชายคนโตมากกว่า

“น้องผมมีแค่ทิวาคนเดียวครับ และผมไม่ยินดีต้อนรับเด็กนี่!” คำตวาดนั้นรุนแรงพอที่จะทำให้สมาชิกใหม่ของบ้านผวาจนก้าวถอยหนี เดือดร้อนญาดาที่ต้องรีบขยับเข้ามาประคองไว้ด้วยสองมือ

“ตาธัญญ์!” ไม่อยู่รอให้ตัวเองถูกดุเด็กชายก็พาตัวเองวิ่งหนีออกไปอีกทาง ไม่สนเลยสักนิดว่าจะมีเสียงเรียกของมารดาดังไล่หลังมา

“เดี๋ยวผมจัดการเองคุณ คุณพาเด็ก ๆ เข้าบ้านไปก่อนเถอะ” เหมือนจะมีแค่ดนูเท่านั้นที่รู้วิธีจัดการกับลูกชาย ท่านจึงรับอาสาก่อนจะตั้งท่าเดินตามหลังพ่อลูกชายตัวแสบไปยังบริเวณหลังบ้าน

“มาเถอะจ้ะหนูมุก ป้าจะพาไปดูห้องนอนใหม่ของหนู” คราแรกเด็กน้อยไม่กล้าขยับ เพราะนอกจากลุงดนูแล้วเธอไม่รู้จักใครเลยสักคน แต่เมื่อหันไปเห็นท่านพยักหน้าให้จึงค่อย ๆ ยื่นมือออกไป

“ผมฝากด้วยนะคุณ”

“อย่าห่วงเลยค่ะ ดื้อกว่านี้น้องก็ปราบจนอยู่หมัดมาแล้ว นับประสาอะไรกับเด็กน่ารักแบบนี้ ไปลูกทิวา พามุกไปดูห้องกันดีกว่า” เด็กสาวยิ้มรับก่อนจะฉุดมือเพื่อนใหม่เดินตามผู้เป็นแม่เข้าไปในบ้าน

“ทำไมเขาต้องมาอยู่กับเราที่นี่ด้วยครับ ผมไม่อยากให้เขาอยู่” เป็นธัญญ์ที่ชิงถามขึ้นมาก่อน ราวกับจะรู้ว่าผู้เป็นพ่อกำลังจะพูดอะไร

ท่าทีเอาจริงเอาจังนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อต้องกลับมานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทีแรกเขากับภรรยาตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องของผู้มีพระคุณเอาไว้เป็นความลับ แต่เพราะลูกชายเป็นแบบนี้จึงตัดสินใจเอาเองว่าควรบอกความจริงกับลูก เพื่อที่อย่างน้อย ๆ ธัญญ์จะได้ลดท่าทีที่กำลังแสดงออกนี้ลงไปบ้าง หากได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมหนูมุกดาถึงได้กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน

“ธัญญ์จำลุงเมธีได้ไหมลูก”

“จำได้ครับ” ลุงเมธีคือหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาจำได้ เพราะเป็นคนสนิทที่ไม่ว่าพ่อของเขาจะไปที่ไหน อีกฝ่ายก็มักจะตามติดเป็นเงา

“ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้พ่อคงตายไปแล้ว ลุงเมธีเป็นคนผลักพ่อให้พ้นวิถีกระสุน แล้วเอาตัวเองมารับกระสุนแทน พ่อถึงได้มีชีวิตรอดกลับมาหาธัญญ์กับน้อง แต่ลุงเมธีต้องมาตายก็เพราะเขาเลือกที่จะปกป้องพ่อ และหนูมุกก็คือลูกสาวของลุงเมธี น้องไม่เหลือใครแล้วตอนนี้ ถ้าเราไม่ให้น้องอยู่ที่นี่ น้องจะถูกส่งตัวไปที่บ้านเด็กกำพร้า ธัญญ์ก็เห็นใช่ไหมลูกว่าเด็ก ๆ ที่นั่นน่าสงสารแค่ไหน ธัญญ์ไม่สงสารน้องเหรอลูก”

คำบอกเล่านี้ทำให้แววตาไม่ชอบใจต่อเด็กคนนั้นลดน้อยลงไปเกินครึ่ง พลันพอคิดถึงภาพเด็ก ๆ ในบ้านกำพร้าที่เคยไปเห็น เพราะพ่อกับแม่มักจะพาเขากับน้องสาวไปเลี้ยงอาหารเด็กพวกนั้นอยู่บ่อย ๆ ในใจก็เกิดความสงสารขึ้นมา

“ให้เขาอยู่กับเราที่นี่ก็ได้ครับ แต่ต้องไม่ใช่น้องสาวของผม” อย่างไรก็ไม่อยากได้น้องเพิ่ม เพราะเท่าที่มีคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่

อีกอย่างเขาไม่ต้องการแบ่งความรักจากพ่อและแม่ให้ใคร ต่อให้พ่อของเด็กคนนั้นจะเคยช่วยชีวิตพ่อของเขาเอาไว้ก็เถอะ

“ก็ได้ลูก” เพราะลูกชายยื่นคำขาดมาเช่นนั้นดนูจึงไม่กล้าขัด ด้วยรู้ฤทธิ์ของพ่อตัวดีอยู่บ้างว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนแค่ไหน

การที่ลูกชายยอมถอยให้หนึ่งก้าวก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เกินความคาดหมายมากแล้ว จากนี้ก็แค่ต้องพยายามให้เด็ก ๆ ปรับตัวเข้าหากันให้ได้ และหวังว่าสักวันธัญญ์จะรักเอ็นดูหนูมุกดาขึ้นมาบ้างในฐานะน้องสาวอีกคนอย่างที่เขาและภรรยาหวังจะให้เป็น

ดูเหมือนคนที่จะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยคงจะหนีไม่พ้นทิวา เด็กสาวตามติดเพื่อนใหม่ของตัวเองแจ ซ้ำยังพาอีกฝ่ายเดินชมไปทั่วบ้าน ทำหน้าที่เจ้าของบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจนคนเป็นแม่อดเอ็นดูไม่ได้ โชคดีที่นางสอนลูก ๆ ให้รู้จักมีน้ำใจมาตั้งแต่พวกแกจำความได้ และโชคดีที่ยัยตัวแสบคนเล็กของบ้านทำให้สมาชิกใหม่มีรอยยิ้ม หลังจากที่ไม่มีใครได้เห็นมานาน

“หนูขอนอนกับมุกได้ไหมคะคุณแม่ เราขอนอนด้วยนะมุก” แม้แต่เข้านอนทิวาก็ยังไม่ยอมห่างจากเพื่อนใหม่ที่ถูกชะตาด้วยเลย ในขณะที่เด็กอีกคนนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกันถึงได้พยักหน้าตอบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel