บทย่อ
“ที่ฉันยอมแต่งงานกับเธอก็เพราะถูกแม่บังคับ หลังจากเธอเรียนจบ เราสองคนจะเข้าไปหาท่านพร้อมกัน และเธอจะต้องเป็นคนไปบอกท่านด้วยตัวเองว่าเราสองคนไปกันไม่รอด! ถ้าเธอเอ่ยปากด้วยตัวเอง ยังไงท่านก็ต้องยอมให้เราหย่ากัน” นี่นับเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่ ‘เขา’ เคยพูดกับเธอ มันคงดีกว่านี้หากประโยคที่แสนยาวนี้ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ได้รู้สึก แต่จะไปโทษเขาก็คงไม่ได้ คนไม่รัก จะมาบังคับให้รักได้อย่างไร เพราะรู้ซึ้งถึงความชัดเจนนี้ดี เธอจึงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เขาว่ามาแบบไหน ก็คงต้องสุดแล้วแต่ใจเขาต้องการ ก็เท่านั้น “เธอต้องหย่าให้ฉันทันทีที่เรียนจบ และอย่าได้พยายามยื้อเวลาเด็ดขาดเมื่อเวลานั้นมาถึง เพราะฉันมีคนที่ฉันรักและอยากแต่งงานอยู่แล้ว! ซึ่งคนๆ นั้นไม่ใช่กาฝากอย่างเธอ!” มุกดาจำต้องตอบรับคำสั่งนั้นเบาๆ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้เขาไปมากกว่านี้
บทนำ
บทนำ
“จบเรื่องนี้เมื่อไรเราสองคนคงได้พักกันยาว ๆ เสียทีนะเมธี” เสียงจากผู้เป็นนายซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับส่งผลให้ลูกน้องมือดีที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานถึงกับลอบยิ้ม เมื่อในที่สุดงานชิ้นใหญ่ที่กินเวลานานหลายเดือนก็ใกล้จะเสร็จสิ้นเสียที
จะห่วงก็แต่ผู้เป็นนายที่นับจากนี้คงถูกหมายหัว เพราะเจ้าตัวเพิ่งนำกำลังไปบุกจับนักการเมืองชื่อดังของประเทศด้วยข้อหาค้ายาเสพติด จากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุทำให้อีกฝ่ายดิ้นไม่หลุด แถมยังซัดทอดไปถึงผู้ร่วมกระบวนการอีกหลายคน ที่เหลือก็แค่ส่งตัวขึ้นศาลเท่านั้นก็เป็นอันปิดคดีใหญ่ระดับประเทศไปได้อีกคดี
“ครับนาย”
“แล้วนี่ลูกสาวเป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ” อกคนเป็นพ่ออดไม่ได้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปถ่ายของลูกสาวให้เจ้านายได้ชื่นชม ซึ่งก็นับว่าเป็นบุญที่ยัยหนูถอดแบบผู้เป็นแม่มาราวกับแกะ เลยทำให้แกน่ารัก น่าเอ็นดู จะมีก็แต่ดวงตาเท่านั้นที่เหมือนจะได้เขาไป
“สบายดีครับ อีกสามวันก็จะครบเจ็ดขวบแล้วครับ” มันคงดีถ้าหากของขวัญวันเกิด ที่เขาจะมอบให้ลูกสาวในปีนี้คือใบลาออก
เพราะอาชีพที่ทำอยู่ทำให้เขาต้องเลือกว่าจะยอมเสียมันไปในวันนี้ หรือทำต่อไปเพื่อรอวันที่ตัวเองถูกลอบฆ่าเหมือนกับเพื่อนนักสืบคนอื่น ๆ แน่นอนว่าสุดท้ายหลังจากใช้เวลาคิดมานานในที่สุดเขาก็เลือกได้ว่าเขาอยากมีชีวิตต่อไปเพื่อจะได้เห็นลูกเติบใหญ่ อยากอยู่ดูทุกช่วงเวลาของแกไปจนแก่เฒ่า อย่างที่เคยได้รับปากภรรยาไว้
“ไว้ฉันจะฝากของขวัญไปให้ ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากนะสำหรับทุกสิ่ง” แม้จะใจหายแต่อย่างไรงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา
ชีวิตของคนทุกคนต่างก็มีหนทางที่ต้องเลือกเดินกันทั้งนั้น เขาเองก็เช่นกัน ที่หลังจากจบคดีนี้คงต้องคิดทบทวนใหม่ว่าควรไปต่อหรือควรหยุดแค่นี้ แน่นอนว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดความคิดเหล่านี้นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากคนในครอบครัว
“ผมจะไม่มีวันลืมนายเลยครับ ถ้าเลือกได้ผมอยากอยู่รับใช้นายไปเรื่อย ๆ แต่เพราะลูกสาวผม...” อีกฝ่ายหยุดคำพูดทั้งหมดเอาไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบเข้ากับสายตาของผู้เป็นนาย
“ฉันเข้าใจนายนะ ฉันเองก็มีลูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้านายลำบากอยากให้ฉันช่วย ไม่ว่าเรื่องอะไรขอให้บอกมาได้เลย ฉันยินดีช่วย” หากเป็นลูกน้องมือดีผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันเขายินดีช่วย ไม่ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายร้องขอจะยากเย็นแค่ไหน ดนูคิดต่อในใจ
“ขอบคุณครับนาย ชีวิตผมสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดก็เห็นจะมีแต่ลูก ลองถ้าขาดผมไปสักคนลูกผมคงไม่พ้นต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า” อกของคนเป็นพ่อย่อมไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของตนมีชะตากรรมเช่นนั้นได้
เพราะอย่างนั้นเขาถึงตัดสินใจลาออกเพื่อที่จะได้มีลมหายใจอยู่กับลูกไปนาน ๆ เพราะนับตั้งแต่ภรรยาที่รักเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ลูกก็เหมือนจะเป็นความสุขเดียวในชีวิตที่หลงเหลืออยู่
“อย่าไปคิดอะไรแบบนั้น นายยังต้องอยู่กับลูกสาวของนายไปอีกนาน” ดนูเอ่ยขึ้นอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินนำลูกน้องออกมาจากโรงพัก มุ่งหน้าไปที่ศาลเพื่อเข้าร่วมฟังการตัดสินคดีที่เขากับลูกน้องเพิ่งจะร่วมกันปิดลง ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนไกลกลับมีรถกระบะคันหนึ่งขับตรงเข้ามาหาพร้อมกับบางสิ่งที่เกิดขึ้น
“นายครับ ระวัง!”
เสียงปืนที่ดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดส่งผลให้ผู้กำกับชื่อดังได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ถึงกับชีวิต เพราะแรงกระแทกจากการถูกผลักทำให้กระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ เขาจึงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
หากแต่ลูกน้องมือดีกลับไม่ได้โชคดีเท่า เมธีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเขาถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด ได้สติอีกทีก็สองวันให้หลัง ก่อนจะพบกับข่าวร้าย ข่าวร้ายที่ทำให้ล้มทั้งยืน
“ผมต้องตามหาลูกสาวของเขาให้เจอ เด็กคนนั้นไม่มีใคร”

