บทที่ 3 สักวันจะดีพอ
“คุณสร...” เขายังคงดูดีเสมอ แม้จะอยู่ในชุดนอนธรรมดา แต่เพียงเท่านี้ ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความต่างระหว่างกัน
“แม่ให้ฉันมานอนเป็นเพื่อน” เขาเฉลยถึงการมาของตัวเองก่อนจะเดินตามเข้ามาในตัวบ้านด้วยท่าทีปกติ ต่างจากเจ้าของที่ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจกับคำเฉลยที่เพิ่งได้ยิน
ความจริงแล้วแม่พูดอะไรหลายอย่างที่ทำให้เขารู้สึกกลัวใจคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าหล่อนจะเผลอคิดสั้น ทำเรื่องโง่ๆ
มารู้ตัวอีกที...ก็พาตัวเองขึ้นรถขับมาที่นี่แล้ว จะเรียกว่า ’เป็นห่วง’ ก็คงไม่ผิดนัก อย่างน้อยคนตรงหน้าก็ได้ชื่อว่าเมีย ถึงจะเป็นเมียที่ได้มาด้วยวิธีแปลกๆ ไปหน่อย อย่างไรก็คือเมีย
“แม่ฝากของกินมาให้ด้วย เอาไปแกะใส่จาน ฉันจะรอที่ระเบียงบ้าน” เขาสั่งเด็ดขาดก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปรอที่ระเบียง ปล่อยให้หน้าที่ที่เหลือตกเป็นของเจ้าของบ้านต่อไป
ไม่นานเธอก็กลับออกมาพร้อมจานข้าวเพียงแค่หนึ่งจาน เหมือนบอกให้รู้ว่าคงมีแต่เขาที่ต้องนั่งกินทั้งหมดนี่ลำพัง
“ทำไมมีจานเดียว”
“สร้อยไม่ค่อยหิวค่ะ” หากจะพูดให้ถูก คือเธอไม่อยากกินอะไรเลยมากกว่า ความวูบโหวงในอกทำให้ไม่รู้รสอาหาร ไม่แม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกเดียวที่มีอยู่ตอนนี้คือความคิดถึง
คิดถึงตากับยาย ที่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกท่านไปอยู่เสียที่ไหน กำลังมีความสุขในโลกอีกใบที่พวกท่านต้องเผชิญรึเปล่า
“ไม่หิวก็ต้องกิน เกิดพรุ่งนี้เป็นลมเป็นแล้งไปใครจะเป็นคนส่งตากับยายเธอขึ้นสวรรค์!” คำพูดนี้ของเขาทำให้คนฟังกลับมามีน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปเอาจานมาเพิ่มเพื่อกินข้าวตามที่เขาสั่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับไปไหน ต้นแขนกลับถูก ‘แขกยามวิกาล’ คว้าเอาไว้เสียก่อน
“กินจานเดียวกันนี่แหละ จะทำให้ยุ่งยากทำไม!” ดูดปากจนลิ้นพันเป็นว่าเล่นก็เคยทำมาแล้ว กะอีแค่กินข้าวจานเดียวกันจะเป็นไร!ชายหนุ่มได้แต่คิด ไม่กล้าที่จะพูดออกไป
เมื่อเห็นชัดว่าขัดเขาไม่ได้สร้อยสุดาจึงค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะยกช้อนที่ถูกส่งมาให้เข้าปาก คำแล้วคำเล่าอย่างลืมตัว ลืมกระทั่งว่าควรหยุด แล้วแบ่งให้คนข้างกายได้ชิมบ้าง
“ค่อยๆ กินสิสร้อย เดี๋ยวก็ติดคอหรอก!” เสียงเข้มว่า ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเม็ดข้าว ที่ริมฝีปากอิ่มให้อย่างเบามือ
การกระทำนั้นเองที่เหมือนจะทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว ถึงได้สลับให้เขาทานบ้าง แต่ก็เหมือนว่ามันจะทุลักทุเลพอสมควร
“ทำไมกินเลอะแบบนี้ หึ!” อดิสรณ์เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นปัดเศษข้าวออกจากเรียวปากสวยที่จนถึงวินาทีนี้ เขาก็ยังจำได้ดีว่ามันให้ความรู้สึกหอมหวานเพียงใดอย่างอ่อนโยน คงจะมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นกระมังที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่รู้กระทั่งว่าการเลียปากแบบนั้นมันยั่วอารมณ์กันแค่ไหน!
“เรื่องงานแต่งงานถ้าคุณสรไม่อยากแต่ง สร้อยว่าเรา..”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ทำสิ่งที่ควรทำก่อน เรื่องของเรา...ไว้ค่อยคุยกันหลังจากนั้นก็ไม่สาย” เมื่อเขาว่ามาแบบนั้น เธอจะพูดอะไรต่อได้อีกนอกจากยอมรับทุกการตัดสินใจของเขา เพราะเชื่อว่ามันจะเป็นทางออกที่ดีให้ทั้งเธอและเขาได้
จริงอย่างที่เขาว่า...
ตอนนี้สิ่งที่เธอควรคิด คือทำยังไงจะส่งตากับยายไปถึงสวรรค์ ส่วนเรื่องที่เหลือ ก็คงต้องสุดแล้วแต่โชคชะตาแล้ว ว่าจะพัดพาเธอไปทิศทางไหน...
สร้อยสุดายืนส่งตากับยายเป็นครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตา เธอก็ได้แต่หวังว่าพวกท่านจะได้ไปต่อในที่ที่สวยงาม ส่วนเธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อที่พวกท่านจะได้หมดห่วง
“จบจากนี้เดี๋ยวให้พี่เขาพากลับไปเก็บของนะลูกนะ” เป็นคุณบุหงาที่เอ่ยขึ้น น้ำเสียงที่ใช้กับหญิงสาวตรงหน้านั้นดูอ่อนโยนเสียจนคนฟังอดรู้สึกซาบซึ้งไม่ได้ที่นอกจากท่านจะไม่รังเกียจกันแล้ว ยังดีกับเธอมาก คอยอยู่ข้างๆ ในวินาทีที่เธอต้องปล่อยมือตากับยายส่งให้ท่านไปในภพภูมิที่ดีต่อไป
“เก็บของ เก็บไปไหนคะ”
