สุดแสนจะใจดำ

30.0K · จบแล้ว
พวงชมพู
24
บท
4.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เราสองคนจะแต่งงานกันตามที่ตากับยายของเธอต้องการ แต่แค่ในนามเท่านั้น!” เมื่อเห็นว่าจุดนี้เป็นจุดที่เงียบที่สุด ถึงได้จอดรถพร้อมกับหันไปบอกถึงความต้องการของตัวเอง ความต้องการที่เขาคิดมาดีแล้ว ว่าจะให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของตายายของหล่อนแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งเขาย่อมต้องมีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตให้ตัวเองเช่นกัน และเขาก็เลือกแล้ว ว่าจะให้มันเป็นไปแบบนี้ “แค่ในนามเหรอคะ...” แม้เสียงของหล่อนจะหวานจับใจน่าฟังสักแค่ไหน แต่คนที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบกันมาก่อนย่อมเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ด้วยกันได้ เด็กนี่เองก็อายุยังน้อย หล่อนน่าจะมีความฝัน เขาเองก็เช่นกัน ที่ยังหวงแหนความโสดอยู่ “ใช่ ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอไม่ว่าจะเรื่องไหน เธอเองก็ห้ามมายุ่งกับฉัน ต่อให้ฉันจะมีใครหรือไปทำอะไรที่ไหน เธอก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง! สงสัยอะไรตรงไหนไหม” เพราะยังหวงความโสดอยู่ เลยทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ อีกอย่างเด็กนี่ก็อายุเพียงเท่านี้ เธอคงไม่อยากมีผัวที่แก่กว่าเป็นรอบแน่เขามั่นใจ “คุณหมายถึง... จะให้เราแต่งงานกันหลอกๆ เหรอคะ”

นิยายรักโรแมนติก

บทนำ เจอกันครั้งแรก

บทนำ

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิที่ถูกปลูกเป็นระเบียบอยู่ที่บริเวณบ้านไม้หลังเก่าทำให้อดิสรณ์หยุดเพลิดเพลินกับมันอยู่นานนับนาที ด้วยจำได้ว่าหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้จัก และชื่นชอบดอกไม้ชนิดนี้ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน นอกจากคุณย่าของเขาเอง

“มาหาใครกันล่ะพ่อหนุ่ม” กระทั่งเสียงแหบของใครบางคนดังขึ้น ภาพของเขาในวัยเด็กกับย่าผู้ซึ่งจากโลกนี้ไปนานแล้วถึงได้ยุติลง พร้อมๆ กับเขาที่หันไปหาเจ้าของเสียง

เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้คือคุณยายท่านหนึ่ง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นหนึ่งในเจ้าของบ้านหลังนี้ และยังเป็นหนึ่งในลูกหนี้ของพ่อเขาด้วย และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงต้องมาที่นี่ในเวลาแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะลูกหนี้ของพ่ออยู่ๆ ก็ขาดส่งดอกไปเสียเฉยๆ เดือดร้อนเขาที่ต้องรับหน้าที่มาถามไถ่

“สวัสดีครับคุณยาย ผมอดิสรณ์ครับ เป็นลูกชายกำนันเมฆ” ชื่อของใครคนหนึ่งในบทสนทนาทำให้หญิงชราหน้าเสีย ด้วยรู้ว่าตนเองกับสามีนั้นขาดส่งดอกเบี้ยเงินกู้มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และคนตรงหน้านี้ คงไม่ได้มาที่นี่เพื่อเยี่ยมชมสวนมะลิเล็กๆ ของหลานสาวของนางเพียงอย่างเดียวแน่นอน

“มาเหนื่อยๆ มานั่งกินน้ำกินท่าก่อนเถอะพ่อ แล้วค่อยคุยกัน” แม้ไม่คิดจะอยู่ที่บ้านหลังนี้นานเกินความจำเป็น แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจขัดน้ำใจที่ลูกหนี้วัยชราหยิบยื่นมาให้ได้อยู่ดี

มารู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งดื่มน้ำอยู่ที่แคร่ไม้หน้าบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านก็หายขึ้นบ้านไปนานหลายที ก่อนที่ท่านจะกลับลงมาอีกครั้งพร้อมชายชราอีกคนที่น่าจะเป็นคู่ชีวิตของท่าน

ทว่าคนที่ตกอยู่ในสายตาของเขานั้นกลับไม่ใช่ทั้งสอง แต่เป็นหญิงสาวอีกคน ที่เดินตามหลังทั้งคู่มาด้วยนั่นต่างหาก

ต้องยอมรับว่าใบหน้าอ่อนหวานสะกดสายตาเขาได้แทบจะทันที แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวในเรื่องนี้เลยสักนิด

“จะไปก็รีบไป แล้วอย่ากลับเย็นนัก!”

สร้อยสุดา เด็กสาววัยสิบแปดย่างสิบเก้าขานรับคำสั่งของผู้เป็นตาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะหันมาสบเข้ากับดวงตาดุๆ ของผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้านอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่านอกจากตากับยายของเธอแล้ว จะมีใครอีกคนนั่งอยู่ ซ้ำยังเป็นคนที่ไม่เคยพบมาก่อนด้วยถึงได้หันไปถาม

“ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครเหรอจ๊ะตา” ที่ต้องถาม ด้วยกลัวว่าตากับยายอาจไม่ปลอดภัย หากเธอปล่อยให้พวกท่านอยู่กับคนแปลกหน้าตามลำพัง

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก เอ็งจะไปไหนก็ไปไป๊!” เมื่อถูกดุ เด็กสาวจึงไม่คิดจะถามอะไรต่อ มือบางคว้าเอาตระกร้าผักที่เพิ่งเก็บสดๆ ร้อนๆ ที่สวนหลังบ้านมาถือไว้มั่น ก่อนจะเดินตรงไปยังจักรยานคันเก่าซึ่งเป็นพาหนะเดียวของบ้าน แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมมองคนที่ยังคงนั่งปักหลักอยู่ที่เดิมด้วยความสงสัย เพราะน้อยครั้งเหลือเกิน ที่จะมีใครสักคนมาเยือนบ้านหลังเก่าหลังนี้

หรือไม่...ก็ตั้งแต่ที่ ‘แม่’ พาเธอมาทิ้งไว้กับตายายที่นี่

จากนั้นท่านก็ไม่กลับมาอีกเลย...

สองทุ่มโดยประมาณ

เพราะวันนี้ช่วงหัวค่ำมีฝนตกปอยๆ ความตั้งใจที่คิดว่าน่าจะขายผักหมดจึงเป็นไปไม่ได้ยาก แต่กระนั้นหญิงสาวก็คิดไม่ย่อท้อ พยายามขายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก่อนจะปั่นจักรยานกลับบ้านเมื่อเห็นว่าถึงแก่เวลาที่ควรต้องกลับซะที

“คุณเขาเป็นอะไรไปจ๊ะยาย” กระทั่งกลับมาถึงบ้านก็ต้องตกใจกับภาพที่ได้เห็น ร่างโงนเงนของ ‘ผู้ชายแปลกหน้า’ ที่เธอเพิ่งจะจำได้ว่าเขาคือคุณสร ลูกชายของกำนันเมฆ นายหน้าปล่อยเงินกู้รายใหญ่ในระแวกนี้ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการอีกหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในลูกหนี้ของพ่อเขา ก็คือตากับยายของเธอ กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ที่แคร่หน้าบ้านโดยมีตากับยายของเธอยืนอยู่ข้างๆ

“อย่าเพิ่งถามอะไรมาก รีบมาช่วยกันพาคุณเขาขึ้นไปพักบนเรือนก่อน ปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้ประเดี๋ยวยุงจะหามเอาไปเสียเปล่าๆ” เด็กสาวผู้เชื่อฟังตากับยายมาโดยตลอดไม่รีรอที่จะรับคำ เธอทิ้งกระตร้าผักที่เหลือจากการขายลง ก่อนจะเข้ามาช่วยตาพยุง ‘เขา’ ขึ้นบ้าน โดยมียายเดินตามหลังมาติดๆ

“ทะ...ทำไมต้องให้เขามานอนที่ห้องสร้อยด้วยล่ะจ๊ะ!” นายพฤกษ์ได้แต่สบถด่า ต่อคำถามที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นของหลานสาว หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะทำเสียแผน หากได้รู้ถึงสิ่งที่ตนกับเมียช่วยกันวางแผนมานานแรมเดือน และอีกไม่นานคงสำเร็จสมใจ

“คุณเขาเป็นถึงลูกชายเจ้าหนี้บ้านเรา จะให้ไปนอนข้างนอกได้ยังไง เอ็งอยู่ว่างๆ ก็ช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คุณเขาเสีย เสร็จแล้วค่อยออกไปนอนกับพวกข้าที่อีกห้อง!” เมื่อผู้เป็นตาว่ามาแบบนั้นเธอถึงค่อยเบาใจลง นึกว่าต้องนอนร่วมห้องกับเขาเสียแล้ว อย่างที่ตาพูดมามันก็ถูก เขาเป็นถึงลูกชายเจ้าหนี้

จะปล่อยให้นอนตากน้ำค้างข้างนอกทั้งคืน ก็กระไรอยู่

“ทำแบบนี้มันจะดีแน่เหรอพี่ ฉันล่ะสงสารนังสร้อยมัน” ลับหลังหลานสาวหญิงชราถึงได้เอ่ยขึ้น ใจคิดไปถึงสิ่งที่หลานกำลังจะเจอแล้วเกิดเป็นความรู้สึกผิดขึ้นมาถึงได้หันไปถามสามีอย่างชั่งใจ เริ่มชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คิดไว้จะได้สมดั่งใจหวัง

“รึเอ็งอยากติดคุกตอนแก่! กูไปสืบมาแล้วคุณเขายังไม่มีเมียมีลูกที่ไหน หลานเราเองก็ทั้งสาวทั้งสวย ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายตรงไหน!” ก็หากสองคนรักชอบกันตามประสาหนุ่มสาวก็คงไม่มีอะไรเสียหาย แต่นี่ไม่ใช่...ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันคือแผนของนางกับสามีที่มอมเหล้าอีกฝ่าย หวังจะให้หลานตกเป็นของพ่อหนุ่มนั่น เพื่อลบล้างหนี้สิน

“ไปๆ เข้าห้อง ที่เหลือค่อยว่ากัน!”

เมื่อสามีว่ามาแบบนั้น นางผู้ซึ่งเป็นเพียงภรรยาจะว่าอะไรต่อได้นอกจากยอมรับต่อการตัดสินใจ ที่เหลือก็แค่รอเวลาทำตามแผนการที่วางไว้เท่านั้น...

อีกด้านหนึ่งสร้อยสุดากำลังรับศึกหนัก เพราะคนเมาไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่นัก ทำให้การดูแลเขาตามคำสั่งที่ขัดตากับยายไม่ได้ เป็นไปอย่างยากลำบากพอสมควร แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็พยายามสุดความสามารถที่จะเช็ดตัวให้คนเมาไร้สติ กระทั่งเมื่อใกล้เสร็จก็ตั้งใจจะลุกขึ้นเดินกลับออกไปนอนกับตายายที่อีกห้อง ติดแต่ก็แค่เพียงเริ่มขยับ มือหนาของคนไม่ได้สติ ก็เอื้อมมาคว้าตันแขนของเธอไว้เสียก่อน

“คุณ! ปล่อยค่ะ ฉันเจ็บ” แรงบีบที่ข้อมือนั้นแรงจนทำเธอเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นความตกใจก็มีมากกว่าเพราะตั้งแต่แตกเนื้อสาว เธอก็ระมัดระวังตัวเองตามคำสอนของยายอย่างเคร่งครัด ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จึงเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสเนื้อตัวเธอ และเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่

“คุณนิด...ผมรักคุณนะครับ” เสียงพึมพำฟังดูไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นในนาทีต่อมา ก่อนที่ร่างเธอจะถูกกระชากให้ล้มลงไปนอนบนฟูก โดยมีคนตัวโตกว่าขยับขึ้นมาคร่อมกันไว้ทั้งตัว

“คุณคะ ฉันไม่ใช่...อื้อ!” ต้นตอที่มาของเสียงหวานๆ น่าฟังถูกปิดกั้นลงด้วยจูบที่หวานละมุน มีเพียงแรงดิ้นน้อยๆ เท่านั้นที่หญิงสาวจะทำได้ ต่างจากเขาที่กำลังเพลิดเพลินไปกับรสสัมผัสที่หวานลิ้นจนยากที่จะหยุดตัวเองไม่ให้เลยเถิด

“เป็นของผมนะครับคุณนิด ผมรักคุณ...” กระทั่งเมื่อเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว ถึงได้เงยหน้าขึ้น ก่อนจะก้มกลับไปลงอีกครั้งเพื่อกระซิบบอก ให้อีกฝ่ายได้รู้ถึงความต้องการของตัวเอง

“ไม่ อื้อ!” คำปฏิเสธนั้นแทงใจเขาจนเจ็บ เป็นอีกครั้งแล้วที่เธอปฏิเสธกัน แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นคนดีอีกต่อไป

ในเมื่อขอดีๆ ไม่ให้ เห็นทีก็ต้องปล้นเอามาครอบครอง!

“นะครับ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ผมรักคุณนิดนะครับ...” เพราะความรักนี้เองที่มันทำให้เขาหน้ามืดตามัว มาได้สติก็เพียงชั่วครู่เอาเมื่อตอนจับร่างอวบอิ่มถอดเสื้อผ้าจนเนื้อตัวของหล่อนเปลือยเปล่า ความสวยงามตรงหน้าทำให้รู้สึกได้ถึงความต้องการอันมากมายของตัวเอง ที่มันกำลังเปลี่ยนผู้ชายดีๆ ให้กลายเป็นมัจจุราชได้เพียงชั่วอึดใจเดียว

หญิงสาวแรกแย้มได้แต่ส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา ก่อนที่ความปวดร้าวแทบขาดใจจะเข้าเล่นงานเมื่อคนใจร้ายค่อยๆ ฝากฝังตันเหตุของความเจ็บปวดเข้าหาร่างกายเธอ มันเป็นความเจ็บปวดที่ทำให้รู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้ ก่อนที่จะรับรู้ว่าเธอยังไม่ตาย หากแต่กำลังถูกข่มขืนโดยผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังขยับโยกไปมาบนเหนือร่างกายโดยที่เธอนั้นขัดขืนอะไรเขาไม่ได้เลยไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

“ผมรักคุณนิด!” เป็นอีกครั้งแล้วที่ชื่อของผู้หญิงคนนั้นที่ดังขึ้นซึ่งมันไม่ใช่ชื่อเธอ ไม่ได้ใกล้เคียงเลยแม้แต่นิดเดียว!

“อ่าส์” แรงกระแทกละลอกสุดท้ายมาพร้อมเสียงกรีดร้องของคนใต้ร่างพร้อมๆ กับตัวเขาที่กระตุกเกร็งไม่นานก็ฟลุบหลับตามคนข้างกายไปติดๆ ด้วยความอ่อนเพลีย

แสงแดดที่สาดเข้ามาแยงตาอย่างจังส่งผลให้ร่างกำยำเริ่มขยับตัวไปมาอย่างช้าๆ ก่อนที่ภาพแรกที่ได้เห็นมันจะทำให้เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ไม่กี่อึดใจจะก้มสำรวจมองดูตัวเอง ที่ก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากอีกฝ่ายเท่าไหร่

เขาจำเธอได้... ผู้หญิงที่กำลังนอนเปลือยอยู่ตรงหน้าเขาอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากคนที่ทำให้เขาตะลึงในความน่ารักจนเผลอจ้องอยู่นานสองนานเมื่อช่วงเย็นที่เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นานและตอนนี้เขาก็กำลังจับจ้องเธออยู่

ทว่า...ความรู้สึกที่มีนั้น มันกลับต่างจากครั้งแรกที่จ้องไปโดยสิ้นเชิง!

ยังไม่มีทันที่เขาหรือเธอจะได้พูดอะไร ประตูไม้ที่ทำท่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่ก็ถูกกระแทกอย่างแรงจากด้านนอก ปรากฏให้เห็นร่างของสามีภรรยาวัยชราที่จ้องมองเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อทุกอย่างเหมือนจะลงล็อกไปหมดในความรู้สึก

“รีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปคุยกันข้างนอก!”

สร้อยสุดาตกใจจนขวัญกับสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย ในขณะที่ ‘เขา’ คนนั้น ก็กำลังถูกตาของเธอเค้นถามถึงความรับผิดชอบอยู่ไม่ไกล!

“หลานสาวผมเสียหาย ไหนบอกมาสิว่าคุณจะรับผิดชอบยังไง!”

“ทุกอย่างเล่นลงเอยแบบนี้ ผมว่า...พวกคุณทุกคนต้องรู้คำตอบกันดีแก่ใจอยู่แล้วมั้งครับ คงไม่ต้องให้ผมตอบอะไร!”

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง ผมบังคับให้คุณข่มเหงน้ำใจหลานสาวผมรึไง!” ไม่ได้ข่มเหง แต่ก็จัดฉากให้เรื่องทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้! นั่นคือสิ่งที่เขามั่นใจว่าตัวเองคิดไม่ผิด

“บอกตามต้องการของพวกคุณมาเลยดีกว่า ผมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระนี่มามากพอแล้ว!”

“ดี ในเมื่ออวดดีแบบนี้ ถ้างั้นผมขอให้คุณรับผิดชอบหลานผมด้วยการแต่งงาน! และหนี้สินระหว่างเราถือว่าสิ้นสุดกันแต่เพียงเท่านี้! ถ้าคุณไม่ตกลง...ผมคงต้องให้เรื่องนี้ถึงหูตำรวจ!” และหากเป็นแบบนั้น ไม่ต้องมีใครบอกเขาก็เดาได้!

ว่าเรื่องมันจะยุ่งยากขนาดไหน!

ตาแก่นี่...วางแผนให้เรื่องมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว!

แล้วจะมาถามความสมัครใจห่าเหวอะไรจากเขาอีก!