3.คาดไม่ถึง (ต่อ)
*** ทักทายคร้า ***
ชื่อที่หลุดออกมาจากปากผู้กองหนุ่ม ทำเอากาญนรีตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง วิทยาเห็นเพื่อนหน้าซีดเผือดก็รีบเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือเปล่ากาญ”
“เด็กคนนั้นชื่ออะไรนะวิทย์” เธอถามเหมือนละเมอ ในหัวเต็มไปด้วยภาพของเด็กสาวที่ได้พบกันเมื่อคืน
“ชื่อจิตตาภา อักษรา กาญรู้จักเธอเหรอ”
กาญนรีถึงกับผงะ มือไม้เย็นเฉียบ คำถามมากมายผุดขึ้นในหัว เป็นไปได้ยังไงในเมื่อเธอเพิ่งพบเด็กสาวคนนั้นเมื่อตอนตีสองนี่เอง
“กาญ กาญ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ปะ เปล่า วิทย์มีรูปเธอมั้ย”
วิทยาหยิบบัตรประจำตัวประชาชนในกระเป๋าของผู้เสียชีวิตส่งให้
กาญนรีรับมาดูใกล้ๆ ถึงกับผงะ เพราะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ไปกับเธอเมื่อคืน
“เป็นไปไม่ได้ กาญรับเด็กคนนี้ไปนอนที่บ้านเมื่อคืนตอนตีสอง”
“อะไรนะ กาญเห็นเด็กคนนี้เหรอ” วิทยามองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่แน่ใจ เพราะใกล้เคียงกับเวลาที่พบศพคนตาย
“งั้นไปดูศพกันว่าใช่หรือเปล่า” พูดเสร็จทั้งกาญนรีและวิทยาก็รีบเดินไปที่ห้องเก็บศพเพื่อรอชันสูตร
ทันทีที่ก้าวเข้ามา กาญนรีก็เห็นนักศึกษาสาวที่เธอช่วยไว้ยืนอยู่ข้างรถเข็น
“น้อง…” กาญนรีเรียกเสียงเบาหวิว ดวงตากลมโตสบแววตาเศร้าสร้อยไม่กะพริบ จากนั้นไม่นานร่างของจิตตาภาก็ค่อยๆ หายไป
วิทยามองไปยังจุดที่คุณหมอสาวมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า
“เด็กคนนี้ใช่ไหมกาญ” วิทยาเปิดผ้าสีขาวที่ปิดใบหน้าศพออก กาญนรีเห็นแล้วพยักหน้าขึ้นลง “เธอบอกอะไรกาญหรือเปล่า”
“เธอบอกว่าคนที่ช่วยเธอได้มีเพียงคุณพัฒน์ วโรรัตน์”
“เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เมืองไทยน่ะเหรอ” วิทยาถามอย่างคาดไม่ถึง กาญนรีไม่ทันได้ตอบคำถาม นายตำรวจคนหนึ่งก็เดินถือเอกสารเข้ามา
“ประวัติผู้ตายครับผู้กอง”
“ขอบใจมากจ่า” วิทยารับมาอ่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“จิตตาภาเป็นเด็กกำพร้า อยู่ที่บ้านครูสอางค์ซึ่งเป็นมูลนิธิเด็กยากไร้ในสลัม มีคนพยายามขอซื้อที่ของครูสอางค์ที่ใช้ตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อไปสร้างคอนโด แต่ครูไม่ยอมขายและจิตตาภาก็พยายามวิ่งหาเงินทุนเพื่อมาพยุงมูลนิธิ”
“อยากบอกนะว่านายพัฒน์อะไรนั่นอยากได้ที่ตรงนั้น”
“ไม่ใช่แค่พัฒน์ วโรรัตน์ เสี่ยสุระ ไพศาลสกุลก็ต้องการเหมือนกัน คนหลังไปพูดจาด้วยตัวเองหลายครั้ง แต่จิตตาภากับครูสอางค์ไม่ยอมขาย จากนั้นก็รามือไป”
“ต้องการที่ไปสร้างคอนโด เฮ้อ เบื่อจริงๆ ร่ำรวยบนความยากลำบากของคนอื่น” กาญนรีบอก ขณะเดินออกจากห้องพร้อมกับวิทยา
“แยกกันตรงนี้เลยนะกาญ ขอไปทำงานต่อก่อน” วิทยาบอกพลางแยกไปอีกทาง
กาญนรีจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน หากสมองครุ่นคิดเรื่องราวที่พบเจอ คำพูดของจิตตาภายังคงดังก้องอยู่ในหัว
‘พี่ช่วยหนูไม่ได้นอกจากคุณพัฒน์ วโรรัตน์’
กาญนรีเปิดโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะรัวปลายนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เพื่อหาความเป็นมาของมูลนิธิครูสอางค์ หญิงสาวหาข้อมูลไม่นานทุกอย่างก็กระจ่างขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนนั้นจะมีความพยายามมากขนาดนี้
“พี่จะช่วยทวงความยุติธรรมให้เธอเอง” พูดจบคุณหมอสาวก็คว้ากระเป๋าคล้องบ่า แล้วเปิดประตูออกจากห้องทำงาน หากหญิงสาวหันกลับมาสักนิดคงจะได้เห็นจิตตาภายืนยิ้มเศร้าๆ อยู่ด้านหลัง
กาญนรีขับรถออกจากโรงพยาบาลชั่วโมงกว่าก็ไปถึงวโรรัตน์กรุ๊ป หลังจากจอดรถที่ลานจอดด้านหน้า คุณหมอสาวก็เดินผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติเข้าไปในห้องโถงกว้างที่มีโมเดลบ้านรูปแบบต่างๆ ตั้งอยู่ ประชาสัมพันธ์สาวเดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน กาญนรียิ้มตอบกลับไป
“ฉันมาขอพบคุณพัฒน์ วโรรัตน์ค่ะ”
“นัดท่านไว้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัดค่ะ แต่ฉันมีเรื่องด่วนอยากคุยกับเขา”
ประชาสัมพันธ์สาวครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มให้
“รอสักครู่นะคะ ฉันจะลองเช็คกับคุณวิสุทธิ์เลขาท่านดู ว่าท่านพอมีเวลาว่างจะพบคุณได้มั้ย ไม่ทราบว่าจะให้เรียนว่าใครต้องการพบคะ”
“แพทย์หญิงกาญนรี จากสถาบันนิติเวชค่ะ” คำนำหน้าที่เธอบอกทำเอาประชาสัมพันธ์สาวยิ้ม แล้วเดินไปโทรศัพท์
ส่วนพัฒน์ วโรรัตน์นั้นกำลังนั่งคุยอยู่กับวิสุทธิ์และการ์ดอีกสองคนในห้องทำงาน ใบหน้าคมเข้มขึ้นเหลี่ยมมีเคราเขียวครึ้มขึ้น ส่งให้ชายหนุ่มดูคมเข้มเต็มไปด้วยเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ผมให้คนของเราไปช่วยงานศพที่มูลนิธิครูสอางค์แล้วครับบอส” วิสุทธิ์รายงาน
“ดี ช่วยให้เต็มที่ก็แล้วกัน แล้วเรื่องที่อยู่ของเด็กๆ ไปถึงไหนแล้ว”
“โครงการดำเนินไปแล้วยี่สิบเปอร์เซ็นต์ครับ”
พอการ์ดที่รับผิดชอบเรื่องการสร้างโรงเรียนใหม่รายงานจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น การ์ดที่ยืนอารักขาหน้าประตูห้องทำงานเปิดประตูเข้ามา
“มีเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติเวชมาขอพบบอสครับ”
พัฒน์ถึงกับขมวดคิ้วมุ่ยด้วยความแปลกใจ วิสุทธิ์ลุกขึ้นไปโทรศัพท์หาประชาสัมพันธ์ด้วยตัวเองเพื่อสอบถามรายละเอียด จากนั้นไม่นานก็เดินกลับมา
“ชื่อแพทย์หญิงกาญนรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจากนิติเวชครับ เธอบอกมีเรื่องด่วนจะคุยกับบอส”
“นายลงไปรับเรื่องไว้ก็แล้วกัน ฉันไม่ชอบหมอผ่าศพ” พัฒน์บอกปัด
“บอสน่าจะพบเธอสักหน่อยนะครับ บางทีอาจจะเป็นประโยชน์กับเรา” วิสุทธิ์สบตาเจ้านายหนุ่มที่มองมา ทำให้พัฒน์รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่การมาเพราะความบังเอิญแน่
“งั้นเลิกประชุม ยังไงตามเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น เพราะบางทีเราอาจจะตกเป็นจำเลยสังคมเรื่องการตายของผู้ช่วยครูสอางค์” พัฒน์บอกเสียงเรียบ ทุกคนจึงเดินออกจากห้องยกเว้นวิสุทธิ์
*** ขอบคุณคร้า ***
