หัวใจที่แตกสลาย chapter 2
คืนวันต่อมาเฌอเอมที่เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดเธอเปิดประตูเข้ามายังห้องท่าทางเหนื่อยล้า
“เฮ้อเหนื่อยชะมัด”เฌอเอมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเพลียจัดเธอเหวี่ยงรองเท้าออกอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มทันทีเพราะกว่าที่เธอจะทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็เย็นมากแล้วอุตส่าห์เร่งขับรถเพื่อจะได้มาทันงานเลี้ยงฉลองสมรสของพี่สาวได้ทัน แต่ดันมาเจอการจราจรที่ติดหนึบร่วมสามชั่วโมงทำให้กว่าจะมาถึงห้องก็ปาไปห้าทุ่มแล้ว ที่สำคัญมือถือเธอก็ดันเจ๊งไม่เป็นท่าทำให้ติดต่อใครไม่ได้ ป่านนี้งานเลี้ยงคงเลิกราพี่สาวคนสวยคงกำลังอยู่ในห้องหอไม่สะดวกออกมาพบเธอเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปแสดงความยินดีก็ไม่สาย เฌอเอมครุ่นคิดก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด จนกระทั่งใกล้รุ่งสางที่ความฝันประหลาดทำให้เธอต้องสะดุ้งตื่นด้วยเนื้อตัวที่โชกไปด้วยเหงื่อ
“แฮ่ก ๆ ๆ ”เสียงหอบหายใจของเธอราวกับคนที่วิ่งมาไกล เฌอเอมกุมหน้าอกตัวเองรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอกยิ่งนึกถึงความฝันที่มีเงามืดไล่ตามเธอและใช้มือควักเอาดวงใจเธอไปอย่างโหดเหี้ยมยิ่งนึกเธอยิ่งขนลุกไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อีกจึงลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำชำระกายให้สดชื่น เพราะอีกเพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็จะเช้าแล้ว
เฌอเอมเดินออกมาจากห้องน้ำเปิดตู้ค้นหาเสื้อผ้าสายตาเหลือบไปมองไดอารี่ที่พี่สาวส่งมาให้เมื่อสองวันก่อน
“เอ๊ะนี่มันไดอารี่ของยายพลอยนี่เราหาตั้งนานที่แท้วางไว้ตรงนี่เอง”เฌอเอมหยิบไดอารี่เล่มหนาของพี่สาวออกมาจากตู้ที่เธอเหลือบไปเห็นพอดีตอนที่กำลังค้นหาเสื้อตัวโปรด
“แล้วจะเปิดยังไงเนี่ยกุญแจก็ไม่มี อยากรู้นักว่าพลอยกำลังเล่นอะไรกันแน่” เฌอเอมพยายามแงะแต่ก็ไม่สำเร็จจนเริ่มหงุดหงิดเลยเดินไปเป่าผมที่เพิ่งสระที่หน้ากระจกแต่อยู่ ๆ สร้อยที่สวมก็โดนเกี่ยวหลุดติดมือเฌอเอมมา
“ว้ายขาดหรือเปล่าเนี่ย” เฌอเอมมองดูสร้อยอย่างแสนเสียดายรีบสำรวจความเสียหายทันทีแต่พลันก็นึกอะไรบางอย่างออกเธอรีบไปที่ไดอารี่ ลองใช้จี้รูปกุญแจไขดูซึ่งก็ได้ผลเสียงคลิกทำให้เธอแทบจะร้องไชโย
“ขอเอมอ่านนิดนึงนะดูสิมีความลับอะไรบ้าง” เฌอเอมค่อยแง้มไดอารี่ออกอย่างเบามือสิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือภาพถ่ายเธอกับพี่สาวรูปเดียวกับที่ตั้งอยู่หัวเตียงพร้อมกับกระดาษโน๊ตสีสดมีข้อความที่ทำให้เฌอเอมถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่ออ่านจบ
“ถ้าเอมได้อ่านไดอารี่เล่มนี้พลอยไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพลอยหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพลอยอยากให้เอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างเรา และอีกเรื่องพลอยได้โอนหุ้นในบริษัทส่วนของพลอย 20%ไว้เป็นชื่อเอมเพื่อเป็นของขวัญเรียนจบพลอยขอให้เอมรับความหวังดีนี้ไว้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพลอยรักเอมเสมอ” กระดาษโน้ตร่วงหลุดจากมือเฌอเอมพร้อมกับความกังวลใจที่ถาโถมเข้ามา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพลอยกันแน่มีเรื่องอะไรที่พี่สาวเธอไม่ยอมบอก ไม่ได้การล่ะต่อให้เสียมารยาทที่ต้องไปปลุกคู่บ่าวสาวแต่เช้าเธอก็จะทำ เฌอเอมตัดสินใจในทันทีที่จะไปพบพี่สาวที่บ้านของนักรบ
“ปริ๊น ๆ ๆ ”เสียงแตรรถถูกกดรัวถี่ยิบตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเจ้าของที่ตอนนี้ใจร้อนรนราวกับมีไฟมาสุมไว้ในอก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของใครเลยที่จะมาเปิดประตูให้ ทำให้เธอต้องรีบค้นหาที่อยู่บ้านของพ่อแม่บุญธรรมของพี่สาวในกระเป๋าสตางค์ที่เคยเขียนไว้ให้พักใหญ่จึงพบ เธอจัดการเซตเครื่อง GPRS ทันทีมุ่งหน้าสู่บ้านหลังใหญ่ของพี่สาว กว่าจะมาถึงก็สายมากแล้วเนื่องจากสภาพจราจรตอนเช้าที่ผู้คนเดินทางไปทำงาน เมื่อมาถึงเธอเทียบบ้านเลขที่หน้าบ้านกับกระดาษในมือก่อนจะกดกริ่งชะเง้อมองบ้านเรือนไทยประยุกต์หลังใหญ่ว่ามีใครอยู่บ้าน ไม่นานก็มีสาวใช้วิ่งรี่มาเปิดประตูให้ท่าทางหอบเหนื่อย
“นี่เธอคุณพลอยอยู่หรือเปล่าจ๊ะฉันเป็นเพื่อนเขานะจะมาแสดงความยินดีพอดีเมื่อวานฉันมาไม่ได้นะ”เฌอเอมอ้างเมื่อเห็นสีหน้าไม่ไว้ใจของสาวใช้
“เอ่อคุณไม่ทราบเหรอคะว่าคุณพลอยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“พอดีฉันไปบ้านคุณรบมาแล้วแต่ไม่มีใครอยู่ เลยลองมาถามที่นี่ดูเผื่อจะเจอว่าแต่พลอยเขาไปอยู่ไหนละจ๊ะ”
“คือคุณพลอยไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกค่ะตอนนี้เธออยู่ที่วัดใกล้ ๆ นี่เอง” น้ำเสียงที่สั่นเครือกับดวงตาที่แดงกล่ำของสาวใช้ทำให้เฌอเอมรู้สึกใจคอไม่ดี แต่ก็ยังพยายามคิดในแง่ดี
“พลอยไปทำบุญหรือจ๊ะ” เฌอเอมย้ำเพื่อจะได้คำตอบอย่างที่หวัง
“คุณพลอยเสียแล้วค่ะ เมื่อคืนนี้เอง” แต่คำตอบที่สาวใช้ตรงหน้าบอกทำให้เฌอเอถึงกับใจกระตุกวูบรีบเข้าไปเขย่าแขนสาวใช้ที่บัดนี้น้ำตาเอ่อไหลมาเป็นทาง
“จะเป็นไปได้ยังไงก็เมื่อคืนเขาเพิ่งแต่งงานไม่ใช้เหรอ แล้วอยู่ดี ๆ จะมาตายได้ยังไง”
“ค่ะคุณพลอยแต่งงานเมื่อคืน แต่เธอลื่นล้มในห้องน้ำกลางดึกศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะเห็นหมอบอกว่าเธออาจจะหน้ามืดเพราะวิ่งวุ่นจัดงานมาหลายวันเลยเกิดอุบัติเหตุขึ้น” สิ้นคำบอกเล่าของสาวใช้เฌอเอมถึงกับเข่าอ่อนหูอือตาลายไปหมดลำคอก็ตีบตันราวกับมีก้อนสะอึกมาอุดไว้ เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกสาปโลกทั้งใบหมุนคว้างพร้อมกับความมืดที่พุ่งมาใส่ดวงตา หลังจากนั้นเฌอเอมก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย
“คุณคะคุณคุณ” สาวใช้รีบเข้าไปประคองร่างบางของหญิงสาวที่บอกว่าเป็นเพื่อนของเจ้านายก่อนที่เธอจะล้มลงหัวฟาดพื้นไปเสียก่อนพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกเสียงดังให้คนในบ้านออกมาช่วยกัน จนภุชงค์ที่เพิ่งจัดการเรื่องศพของเฌอพลอยเสร็จกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านและกำลังจะออกไปที่วัดต้องเดินออกมาดูเหตุการณ์วุ่นวายด้วยความไม่พอใจ
“นี่เอะอะไรกัน” ภุชงค์เอ็ดเสียงเขียวก่อนจะพบว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้นโดยมีสาวใช้ช่วยกันพัดวีอยู่ เมื่อมองไปที่เธอชัด ๆ เขาก็จำได้ว่าคือโปรแกรมเมอร์สาวที่ไปพบเมื่อหลายวันก่อนนี่เอง ภุชงค์จึงตัดสินใจอุ้มเธอเข้าไปปฐมพยาบาลในบ้านแทน
“พวกเธอไปเอาผ้ากับน้ำมายาดมด้วย” เขาสั่งขณะที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยซับน้ำตาที่เปียกแก้มของเธออย่างเบามือ ไม่นานสาวใช้ก็นำของที่สั่งมาวางพร้อมทั้งเล่าถึงสาเหตุที่สาวสวยคนนี้ต้องถึงกับเป็นลมหมดสติไป
“พลอย” เสียงเรียกชื่อเฌอพลอยเสียงดังพร้อม ๆ กับสติที่เริ่มกับมาของเฌอเอมทำให้ภุชงค์วางผ้าที่เช็ดตัวให้เธอลงและช่วยประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง
“ค่อย ๆ ลุกนะคุณ” ภุชงค์ช่วยประคองตัวเฌอเอมให้ลุกขึ้นนั่ง
“คุณภูมิ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” เฌอเอมถามเสียงแผ่วมองไปรอบ ๆบ้านพลันสายตาก็ไปสะดุดกับรูปครอบครัวบานใหญ่
“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามคุณว่า คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันมาหาพลอยค่ะแต่คนของคุณบอกว่าพลอยเสียแล้ว" น้ำตาที่ไหลรินกับอาการสะอื้นของเฌอเอมทำให้ภุชงค์มองด้วยความสงสัยเฌอเอมตัดสินใจบอกความสัมพันธ์ของเธอกับพี่สาวเพราะรู้แล้วว่าผู้ชายตรงหน้าคือน้องชายของเฌอพลอย
“ฉันเป็นน้องสาวฝาแฝดของพลอยค่ะ”น้ำเสียงสั่นเครือของเฌอเอมทำให้เขารู้ว่าเธอคงไม่ได้โกหกอีกทั้งเฌอพลอยก็เคยเล่าให้เขาฟังบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยสนใจ มิน่าล่ะเขาถึงรู้สึกสะดุดใจกับชื่อและหน้าตาของเธอตั้งแต่พบกันที่อังกฤษ
“แต่คุณเป็นแฝดที่หน้าไม่ค่อยเหมือนกันซะเท่าไหร่นะ” ภุชงค์ถามในสิ่งที่หลาย ๆ คนสงสัย
“เราเป็นแฝดไข่คนละใบกันหน้าตาเราเลยไม่เหมือนกันซะเท่าไหร่ พลอยเขาออกแนว หมวย ๆ แต่ฉันออกจะกระเดียดไปทางลูกครึ่งเสียมากกว่า ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเราเป็นใครคุณคงทราบว่าเราสองคนอยู่บ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด”
“ถ้าพ่อแม่ผมรับคุณมาพร้อมพลอยเราคงได้เป็นพี่น้องกันนะครับ”
“คงเป็นเพราะโชคชะตาของฉันก็ได้มั้งเพราะตอนเด็ก ๆ ฉันออกจะขี้โรคเลยต้องอยู่ในโรงพยาบาลไม่ก็ห้องนอนตลอดเวลา ตอนที่พ่อแม่คุณมาพบพลอยจึงไม่ได้เจอฉัน”
“ครับพลอยเคยเล่าให้ผมฟังบ่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่นึกว่าจะเป็นคุณ อืมแล้วตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยังครับเราจะได้ไปวัดพร้อมกัน”
เฌอเอมพยักหน้ารีบซับน้ำตาที่ไหลมาเป็นระยะ “ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“งั้นคุณนั่งรถไปกลับผมเลยแล้วกันส่วนรถคุณผมจะให้คนขับรถขับไปส่งให้ที่บ้านคุณแล้วกัน” ภุชงค์เสนอเมื่อเห็นว่าเฌอเอมยังไม่มีสมาธิพอที่จะขับรถเองได้ เมื่อมาถึงครึ่งทางภุชงค์ก็เอ่ยชวนหญิงสาวข้างกายพูดคุยเพื่อให้เธอคลายเศร้า
“คุณนี่เองที่พลอยเขาส่งเงินไปให้ที่อังกฤษทุกเดือน” เสียงทุ้ม ๆ ของภุชงค์ทำให้เฌอเอมต้องหันหน้ามาสนทนาด้วย
“พลอยส่งเงินอะไรไปให้คะฉันไม่เห็นทราบเท่าที่จำได้ ก็จะมีแต่เงินของมูลนิธินะคะที่โอนค่าใช้จ่ายกับค่าเล่าเรียนไปให้ พอดีฉันได้ทุนจากมูลนิธิแสงตะวัน”คำอธิบายของเฌอเอมทำให้ภุชงค์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะเฉลยข้อสงสัยของเธอ
“คุณคงไม่รู้ว่ามูลนิธิแสงตะวันเป็นของครอบครัวผม พลอยเขาอยากทำความฝันของน้องให้เป็นความจริงเลยเสนอชื่อคุณจนกรรมการมอบทุนให้คุณแถมพลอยยังแอบส่งเงินตัวเองไปสมทบทุกเดือน จนบางทีผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพลอยจะรักน้องมากกว่าผมอีกนะ”
“โธ่พลอย เอมไม่เคยรู้เลยว่าพลอยจะทำเพื่อเอมขนาดนี้”ความจริงอีกเรื่องที่เธอเพิ่งรับรู้จากปากชายหนุ่มทำให้เฌอเอมต้องหลั่งน้ำตามาอีกครั้ง จนภุชงค์ต้องส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอซับน้ำตาให้แห้งก่อนจะไปถึงวัด
