บทที่ 2 คำสาปเจ็ดชั่วโคตร [1]
บ้านอัศวพงษ์
พื้นที่กว่าห้าสิบไร่ใจกลางเมืองหลวงเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ทรงโบราณสีขาวที่มีอีกชื่อหนึ่งคือเรือนเจ้าคุณเทพ สถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยเรือนหลักที่มีหลายสิบห้องสร้างตามสไตล์ยุโรปกลาง ขณะที่มีเรือนหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งกระจัดกระจายไปตามส่วนต่างๆ ภายในพื้นที่ ซึ่งหากมองเผินๆ อาจจะคิดว่ามันคือหมู่บ้านขนาดเล็ก แต่ความจริงแล้วเรือนหลังเล็กเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรือนของลูกหลานเชื้อสายห่างๆ และข้ารับใช้ที่สืบทอดกันมาร้อยกว่าปี
นอกจากเรือนหลักและเรือนบริวารแล้ว ยังมีเรือนไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสระบัวของเขตเรือนหลัก ซึ่งเป็นเรือนที่มีคนอาศัยอยู่อย่างแท้จริง
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ข้าทาสบริวารล้วนเป็นอิสระ จะมีเพียงคนเก่าคนแก่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังอาศัยอยู่ในเรือนเจ้าคุณเทพแห่งนี้เพื่อทำงาน
ใกล้กับเรือนไม้สีขาวต่างก็เต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวนานาพันธุ์ที่นายหญิงที่แท้จริงของบ้านชื่นชอบ ส่งกลิ่นหอมอบอวลตลอดทั้งปี
ช่วงบ่ายของวันในฤดูแล้งค่อนข้างอบอ้าว ร่างสูงใหญ่นอนเอนกายอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยมริมสระบัว ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ ดวงตาที่ปิดสนิทปกคลุมไปด้วยขนตาเป็นแพหนาราวกับผู้หญิง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปสีชมพูซีด คิ้วเข้มพาดเฉียงเผยให้เห็นความดุดันเล็กน้อย กระนั้นแล้วโครงหน้าที่หวานละมุนราวกับผู้หญิงก็ทำให้เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างแท้จริง
หากไม่ใช่เพราะรัศมีแห่งความเข้มงวดที่แผ่ออกมาจางๆ คงไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสามคนนี้จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป
“พี่ฟ้า นิติคอนโดฯ โทรมาบอกว่ายัยระมิงค์พาผู้ชายขึ้นไปบนห้องเมื่อกี้นี้” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเร่งฝีเท้าเข้ามาในศาลาริมสระด้วยความรีบร้อน ดวงตากลมโตมองใบหน้านิ่งเฉยของพี่ชายตัวดีอย่างไม่อดทน “นี่! พี่ฟ้าได้ยินหรือเปล่า ฝันบอกว่ายัยระมิงค์พาผู้ชายขึ้นคอนโดฯ แล้ว!”
เสียงแหลมของน้องสาวทำให้ชายหนุ่มที่กำลังพักสายตานิ่วหน้าด้วยความรำคาญ ขนตาหนาขยับไหวแผ่วเบา เขาเปิดเปลือกตาครึ่งหนึ่ง นัยน์ตาสีเขียวมรกตมีความเย็นชาพาดผ่าน ก่อนที่ริมฝีปากสีซีดจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วยังไง”
“พี่ฟ้า แฟนตัวเองกำลังพาผู้ชายขึ้นห้องนะ!”
ใบหน้าหล่อเหลาเสมองไปยังสระบัว ซ่อนอารมณ์ไว้บนภายใต้ท่าทีเรียบเฉยอย่างรวดเร็ว “ฉันเลิกกับระมิงค์แล้ว เธอจะพาใครขึ้นห้องก็เรื่องของเธอ”
เหมือนฝันมองใบหน้านิ่งเฉยของพี่ชายด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด เธอกระทืบเท้าจนศาลาสั่นสะเทือน ผ่านฟ้าจึงหันขวับมามองเธอด้วยความไม่พอใจ “คุณแม่สอนว่าอย่ากระทืบเท้าแบบนี้มันไม่งาม”
“ไม่สน!” เหมือนฝันกอดอกอย่างเอาแต่ใจ เธอโกรธพี่ชายคนนี้จริงๆ เขาทำเหมือนเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองได้อย่างไรกัน “พี่ฟ้า ก่อนหน้านี้ฝันบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งมีแฟน พี่ฟ้าก็ไม่เชื่อ แล้วพอตอนนี้อยากเลิกก็เลิก คิดว่าผู้หญิงคนอื่นเป็นของตายเหรอ ถึงฝันจะไม่ชอบหน้ายัยระมิงค์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ฟ้าจะทิ้งๆ ขว้างๆ คนอื่นได้นะ แล้วนี่…คิดดูว่ายัยระมิงค์เสียศูนย์ขนาดไหนถึงพาผู้ชายขึ้นห้อง พี่ฟ้าลองคิดดูสิ ยัยระมิงค์มีแฟนใหม่ยังไม่เท่าไร แต่นั่นเป็นห้องที่พี่ฟ้าซื้อนะ!”
“…” ผ่านฟ้าหลับตาลงราวกับไม่อยากรับรู้อะไร
“ฮึ่ม! ตามใจ” เหมือนฝันกระทืบเท้าอีกครั้งตั้งท่าจะเดินออกจากศาลา
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” เสียงนั้นไม่ได้แข็งกระด้างดังเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“อะไรนะ” เหมือนฝันหันกลับไปตามเสียง มองเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของพี่ชาย หากแต่ดวงตาสีเขียวมรกตกลับเต็มไปด้วยความรวดร้าว
อารมณ์โกรธขึ้งของเหมือนฝันคล้ายกับถูกกระแสลมแผ่วเบาโลมไล้ หัวตาของหญิงสาวร้อนผ่าว พยายามเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนความอ่อนไหวในหัวใจ “ทำไมพี่ฟ้าไม่อธิบายให้ระมิงค์เข้าใจ”
เขายิ้มเย้ยหยัน “อธิบายอะไรล่ะ? ตัดขาดกันตอนนี้ยังดีกว่าเสียใจที่หลังไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ฉันไม่ต้องการเห็นคนอื่นมาร้องไห้หน้าโลงศพ”
“หุบปาก! มันยังไม่เป็นอะไรร้ายแรงขนาดนั้น จะมาแช่งตัวเองได้ยังไง”
“ไม่ร้ายแรงเหรอ?” เขาแค่นเสียงหัวเราะ การที่จู่ๆ เขาก็หมดสติไปเกือบเดือนนี่ยังเรียกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ
แม้ว่าสุดท้ายเขาจะตื่นขึ้น แต่ใครจะรับประกันว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง คนที่ไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดาใดๆ ไม่เคยเชื่อแม้กระทั่งว่าคำสาปที่บรรพบุรุษเล่าต่อกันมาจนถึงรุ่นเขาจะเป็นเรื่องจริง
สิ้นสกุลในรุ่นเจ็ด
ใครได้ยินก็ต้องหัวเราะเยาะใช่ไหม? ไม่มีใครในยุคนี้จะเชื่อความคำสาปแช่งจะเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น แม่แต่เขาเอง
จนกระทั่งสัญญาณแรกมันเกิดขึ้น
โลกของคนในตระกูลอัศวพงษ์พังทลายในชั่วข้ามคืน พ่อของเขาใช้การเชื่อมต่อมากมายเพื่อหาอาจารย์หมอที่ดีที่สุด แม้กระทั่งเชิญแพทย์จากต่างประเทศมาตรวจร่างกายให้เขา แต่ไม่มีใครทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ผ่านฟ้ากลายเป็นเจ้าชายนิทราเกือบเดือน และเนื่องจากผ่านฟ้ามีตำแหน่งสำคัญในบริษัท การเจ็บป่วยของเขาจึงถูกเก็บเงียบไว้เพื่อไม่ให้กระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แม้กระทั่งระมิงค์ก็ไม่รู้เรื่องนี้
เพราะมันเป็นคำขอของผ่านฟ้าหลังจากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับคำสาปของบรรพบุรุษ เขาไม่อยากให้แฟนสาวของตัวเองมองว่าตระกูลอัศวพงษ์นั้นงมงายแค่ไหน และมีอีกเหตุผลหนึ่งลึกๆ ในใจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาระมิงค์โทษตัวเองอยู่เสมอว่าเธอเป็นตัวหายนะที่ทำให้คนรอบข้างประสบกับโชคร้าย หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเขาจริงๆ ระมิงค์จะโทษตัวเองก่อนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าอยู่ๆ ผ่านฟ้าก็ตื่นขึ้นมา แต่เขากลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงความฝันคลุมเครือที่ปรากฏเป็นครั้งคราวเท่านั้นที่ทำให้เขาค่อยๆ รับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะ ‘คำสาป’
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา มันไม่ต่างอะไรจากการหลับไปเฉยๆ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผ่านฟ้ารู้สึกว่าชีวิตและความตายอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม
เหมือนฝันมองดวงตาเศร้าโศกของพี่ชายด้วยความหดหู่ในหัวใจ ทว่าเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอเองก็เอาตัวเองแทบไม่รอดเหมือนกัน
“แล้วจะเอายังไง จะไปจับชู้ไหม”
“เราเลิกกันแล้ว” ผ่านฟ้าพูดลอดไรฟัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้ยัยระมิงค์มีแฟนใหม่เถอะ พี่ฟ้าไม่เหมาะกับเธอหรอก ฮึ!” ผู้ชายขี้ขลาด เหมือนฝันบ่นในใจแล้วเดินสะบัดตูดจากไปด้วยความหงุดหงิด
“เดี๋ยวก่อน!”
