บทที่ 1 ภินท์พัง [2]
เมื่อพูดถึงผ่านฟ้า ใบหน้าของระมิงค์ก็ค่อยๆ เหยเก ดวงตาคู่สวยหลุบลงด้วยความเศร้าโศก น้ำตาหยดแหมะลงบนถ้วยไอศกรีมชีสที่ว่างเปล่า
“…” เมื่อเห็นระมิงค์ซึมเป็นหมาหงอย โบนัสก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทำได้เพียงเอื้อมมือตบบ่าเพื่อนสาวตรงหน้าและบีบเบาๆ “มิงค์ บอกฉันมาสิเผื่อฉันช่วยได้”
“ฮึก…” ระมิงค์พูดไม่ออก ได้แต่กัดฟันแล้วตัวสั่นเทา
เมื่อเห็นการพังทลายของระมิงค์ หัวใจของโบนัสก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก เขาข้ามไปนั่งข้างๆ ยกแขนโอบไหล่ระมิงค์เบาๆ ดวงตาแดงก่ำปานประหนึ่งจะร้องไห้ตามเสียให้ได้ “โอ๋ๆ ฉันอยู่ตรงนี้นะเพื่อนสาว ร้องออกมาเถอะถ้ามันเสียใจ”
เดิมทีระมิงค์คิดว่าเธอจะไม่เศร้ามากนัก แต่เพราะคำพูดปลอบประโลมของโบนัสจึงทำให้น้ำตาพลันไหลราวกับทำนบแตก หญิงสาวกอดเพื่อนแน่นอย่างหาที่พึ่งพิง ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรงแล้วร้องออกมาเสียงดัง “ฮือ…ฮึ…อึกๆ”
เสียงนั้นดังได้แค่ครึ่งเดียวเพราะผ้าเช็ดหน้าอีกผืนถูกยัดเข้ามาในปากของเจ้าตัวอย่างแม่นยำ
“ร้องได้แต่อย่าร้องเสียงดังมาก เดี๋ยวคนอื่นจะจำฉันได้” โบนัสกระซิบกระซาบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหดหู่เพราะเพิ่งนึกได้ว่าร้านนี้เป็นร้านประจำที่เขามักจะบังเอิญเจอแฟนคลับ หากมีใครมาเห็นเขาแต่งหญิงแถมกอดผู้หญิงร้องไห้ คงจะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ
ความเสียใจพลันแปรเปลี่ยนเป็นความหดหู่ ระมิงค์ทั้งโกรธทั้งขำที่เพื่อนตัวดีทำแบบนี้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีแต่โบนัสก็ยังคงเป็นคนที่ทำให้เธอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่เรื่อยไป เธอผละออกจากร่างของเพื่อนสาวและดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากปาก หน้าแดงก่ำจนมองไม่ออกว่าโกรธหรืออะไร
“เป็นอะไรอีกสาว” โบนัสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจสีหน้าของระมิงค์ แต่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจที่อารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้หดหู่เท่าเดิมแล้ว
ระมิงค์ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากปากก่อนจะแหวใส่เสียงเบา “ไหนบอกให้ร้องออกมาเต็มที่แล้วจะอุดปากกันทำไมล่ะ?”
“ก…ก็ลืมไปว่าร้านนี้มีแฟนคลับฉันเยอะนี่นา เดี๋ยวก็โป๊ะแตกพอดีว่าแอบแต่งหญิงมา แถมยังอยู่กับผู้หญิงอีก คนเขาต้องใช้หน้าตาและภาพลักษณ์ทำมาหากินนะ” โบนัสตอบอ้อมแอ้มในลำคอ สายตาลอกแลกมองไปทางอื่นราวกับกลัวว่าจะมีคนสังเกตเห็นจริงๆ
ระมิงค์แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ “หึ…”
“อะๆ เล่ามาซิเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงร้องไห้เป็นเผาเต่าขนาดนั้น ใครเขาผ่านมาเห็นจะคิดว่าแม่เธอตายอีกรอบหรอก”
“ยัยบ้า” ระมิงค์พูดเสียงขุ่น มองค้อนเพื่อนสาวอย่างไม่พอใจ ก่อนที่ดวงตาจะเริ่มแดงระเรื่ออีกครั้ง
“หยุดก่อนสาวอย่าร้องไห้ ตอนนี้ฉันต้องการข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ว่าควรจะช่วยเธอยังไงดี”
“…” ระมิงค์พ่นลมหายใจอย่างห่อเหี่ยว ก้มหน้ามองนิ้วมือของตัวเอง “พี่ฟ้าบอกเลิกฉันแล้ว”
“หา! อุ๊บ!” โบนัสรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีด้วยความตกใจ ก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆ ด้วยสีหน้าตกตะลึง “ฉันคิดแค่ว่าทะเลาะกันเฉยๆ เสียอีก ทำไมถึงเลิกกันล่ะ ไหนบอกว่าเธอกับพี่ฟ้ามีแผนจะแต่งงาน…กัน”
ระมิงค์ส่งยิ้มจืดเจื่อน รู้สึกสะเทือนใจจนหัวตาร้อนผ่าว จำต้องกลั้นก้อนสะอื้นในอกแล้วพูดช้าๆ ว่า “เขาบอกว่าเบื่อฉันแล้ว ที่บ้านเขาให้แต่งกับคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่หาให้…เขาคงเบื่อฉันจริงๆ นั่นแหละ เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาหายไปเป็นเดือน”
เดิมทีเธอคิดว่าเขาจะหายไปเพื่อจัดเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน แต่ใครจะคิดว่าพอเขากลับมาจะเป็นการบอกเลิก อีกทั้งยังเป็นการบอกเลิกก่อนวันครบรอบห้าปีด้วย
แม้กระทั่งตอนนี้ระมิงค์ก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
เมื่อเห็นน้ำตาใสหยดบนหลังมือของหญิงสาวโบนัสก็กุมมือเพื่อนอย่างอ่อนโยน “โอ๋ๆ มิงค์ ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นเลิกกันตอนนี้ดีกว่ามาเลิกตอนเราจดทะเบียนกับมันแล้วนะ นอกจากหน้าตาดีแล้วมีอะไรดีบ้างไอ้พี่ฟ้านั่น!”
“บ้านรวย” ระมิงค์พูดเสียงอ่อย
“แล้วนอกจากบ้านรวยแล้วยังไงล่ะ น้องสาวขี้อิจฉาจะตาย”
“เรียนเก่งด้วย”
“เรียนเก่งแล้วยังไง”
“เอาใจเก่ง ให้เกียรติฉัน ทำอาหารอร่อย”
“เอาเงินไปซื้อกินก็ได้อยากได้เอาใจเก่งแค่ไหนก็ซื้อเลย ชิ!”
“แต่ว่าเรื่องบนเตียงก็แซ่บนะ…”
“…” โบนัสกลอกตา รู้สึกจุกในอกเล็กน้อย ทุกสิ่งที่ระมิงค์พูดมานั้นคือสเปกในฝันของสาวๆ หรือแม้กระทั่งเกย์อย่างเขา สุดท้ายจึงมองเพื่อนสาวตาขุ่นแล้วพูดว่า “แต่ตอนนี้มันเลว มันทิ้งแกอย่างไร้ความรับผิดชอบ คนเฮงซวยแบบนี้ตัดออกจากชีวิตก็ดีแล้ว”
“แต่ว่าฉันอึดอัดนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับผิดชอบหรอก แต่ฉันไม่อยากเลิก”
“ระมิงค์” โบนัสพ่นลมหายใจอย่างเหลืออด ดวงตาคมฉายแววดุในทันใด “คนมันไม่เอาเราแล้วเราจะยอมเสียศักดิ์ศรีไปตื๊อเขาทำไมวะ ห้าปีก่อนหน้านี้ให้ช่างมันไป เสียดายที่ฉันไม่ได้ยินตอนมันบอกเลิกแก แม่อยากจะตบล้างน้ำสักที” เขาพูดพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห
“จริงๆ เขาก็มีค่าเสียเวลาให้ฉัน แต่ฉันก็อยากคืนเขาไป…” ระมิงค์พูดเสียงอ้อมแอ้มในลำคอ
“ค่าเสียเวลา? สักกี่บาทเชียว ชิ!” โบนัสยกน้ำขึ้นจิบดับกระหายเพราะพูดมากจนเจ็บคอ
“สิบล้าน”
พรวด!
โชคดีที่ระมิงค์ขยับหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้นน้ำจะต้องพุ่งมาเต็มหน้าเธออย่างแน่นอน ดวงตาคู่สวยมีความโศกเศร้าจางๆ “เขาให้เช็คฉันสิบล้านเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป”
“ยัยมิงค์ แล้วเธอจะร้องไห้ทำเพื่อ สิบล้านเลยนะ” โบนัสกระซิบลอดไรฟัน ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “ฉันเสียเงินเป็นแสนกว่าจะได้นอนกับตัวท็อป แกได้ตัวท็อปมาห้าปีได้แซ่บได้นัว แถมยังได้เงินอีก เป็นฉันจะเอาเงินสิบล้านไปซื้อผู้ชายอีกยี่สิบคนมากินให้สะใจ”
“ยัยบ้า! มันเหมือนกันที่ไหนเล่า” ระมิงค์ทั้งฉุนทั้งขันกับท่าทางระริกระรี้ของเพื่อน “ความรู้สึกของฉันมีค่าแค่สิบล้านเหรอ”
“…” โบนัสกลอกตามองฟ้า ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละว่ารักแท้คืออะไร ท้ายที่สุดแล้วในวงการเก้งกวางอย่างเขาสิ่งที่พบเจออยู่ตอนนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่ารักแท้ แม้จะไม่เชื่อในความรู้สึกลึกซึ้งถึงขั้นตายแทนกันได้ แต่เขาก็ปรารถนาจะพบมันเช่นเดียวกับคนโสดมากมายในโลกใบนี้
“เอาละ แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป เขาบอกเลิกแถมให้เช็คสิบล้าน หรือเธอจะไปอาละวาดในงานแต่ง?”
“…” ระมิงค์ก้มหน้าลง ส่ายหน้าหวือพร้อมกับน้ำตาที่กลั่นตัวเป็นเม็ดฝนอีกครั้ง “เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกไม่ยินยอม แต่ฉันก็รู้ว่าฉันทำอะไรไม่ได้ สุดท้าย…คนที่ไม่รักเราแล้วมันจะกลับมารักเราได้อีกเหรอ”
“แน่นอนว่าเป็นไปได้ยาก อย่างน้อยในวงการของฉันก็ไม่มีใครวนมากินน้ำพริกถ้วยเก่านอกจากแก้เหงาไปวันๆ”
“ใช่ไหมล่ะ” ระมิงค์เม้มริมฝีปาก ใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างยากลำบาก ก่อนจะนิ่งไป…
