บทที่ 1 ภินท์พัง [1]
เช็คมูลค่าสิบล้านบาทนอนนิ่งบนโต๊ะอาหารราวกับเป็นสิ่งของไร้ค่า หากไม่ใช่เพราะเสียงเซ็งแซ่รอบด้าน บางทีระมิงค์คงคิดไปว่าโลกทั้งโลกแตกสลายไปแล้วจริงๆ นัยน์ตาแดงก่ำหลุบมองสิ่งที่เขาใช้ตีมูลค่าเวลาที่เสียไปเกือบห้าปีของเธอ กัดริมฝีปากแน่นจนมีเลือดซิบ น้ำตาที่หยุดไหลก่อนหน้านี้ร่วงพรูลงมาอีกครั้ง
ในหัวมีแต่คำถามว่า…ทำไม?
หัวใจปฏิเสธที่จะเชื่อเพราะตลอดเวลาที่คบกันมาผ่านฟ้าเป็นผู้ชายที่ไม่เคยโกหกเธอด้วยเรื่องพวกนี้ เขาเป็นคนจริงจังกับความสัมพันธ์ ไม่เคยว่อกแว่กไปหาผู้หญิงอื่นเลยสักครั้ง แม้ว่าจะมีคนที่สวยหรือรวยกว่าระมิงค์เขาก็ไม่คิดจะสนใจ อาจเรียกได้ว่าเขาเป็นแฟนที่สมบูรณ์แบบมาก มากจนเธอไม่ได้เตรียมใจรับการเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าจะเป็นคนที่จิตใจแข็งกระด้างเพียงใด แต่หากใครคนหนึ่งปฏิบัติเราปานประหนึ่งเจ้าหญิง มีของขวัญมอบให้ทุกครั้งในโอกาสพิเศษ นอกเหนือสิ่งอื่นใดเขาจะเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวเมื่อเธอประสบปัญหา เป็นยิ่งกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาว
แต่ท้ายที่สุดเจ้าชายขี่ม้าขาวก็กลายเป็นฟองอากาศ
เธอรับไม่ไหว…
ร่างบอบบางฟุบลงบนโต๊ะ ร้องไห้ตัวสั่นเทาจนพนักงานในร้านไม่กล้ารบกวน กระทั่งผ่านไปเกือบสิบนาทีที่เสียงสะอื้นค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับร่างบอบบางที่ค่อยๆ ดันตัวนั่งหลังตรง ใบหน้าที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเครื่องสำอางประณีตดูน่าเกลียดเล็กน้อยเมื่อมาสคาร่าละลายจนเกิดคราบดำใต้ตา แต่ทุกคนที่เห็นไม่มีใครพูดอะไรนอกจากมองเธอด้วยความสงสาร
ระมิงค์สูดน้ำมูกอย่างยากลำบาก เธอหยิบเช็คเงินสดสิบล้านขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทาแล้วยัดมันใส่กระเป๋าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกันนั้นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนก็ถูกยื่นมาตรงหน้า เมื่อระมิงค์เงยหน้าขึ้นก็พบกับร่างสูงใหญ่ของพี่สาวคนหนึ่ง “ยัยหนู เช็ดหน้าเช็ดตาก่อน มาสคาร่าเลอะจนน่าเกลียดไปหมดแล้ว” เสียงแหบห้าวที่ถูกดัดให้เล็กเปล่งออกมาจากริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อน ใบหน้าสวยของอีกฝ่ายมีความเวทนาอยู่ในที
หัวใจของระมิงค์อบอุ่น รับผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มาซับน้ำตา อีกฝ่ายเปิดตลับแป้งพัฟฟ์แล้วยื่นกระจกให้เธอตรวจเช็กสภาพของตัวเอง
เมื่อเห็นดวงตาบวมปูดจากการร้องไห้หนักและมาสคาร่าที่เลอะเต็มขอบตา ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วของระมิงค์ก็เต็มไปด้วยความเขินอาย มือที่กำลังจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของอีกฝ่ายชะงัก แล้วเงยหน้ามองพี่สาวที่มีน้ำใจด้วยความลำบากใจ “ถ้าหนูใช้มันจะเลอะนะคะ”
“โอ๊ยสาว ใช้ไปเถอะแค่ผ้าเช็ดหน้า” อีกฝ่ายจีบปากจีบคอพูด “รีบเช็ดหน้าแล้วออกไปคุยกันเถอะ”
“ขอบคุณค่ะ” ระมิงค์ไม่รู้จักอีกฝ่ายมาก่อน แต่เห็นสไตล์การแต่งตัวและบุคลิกของเธอ ก็พลันคิดว่าไม่น่าจะใช่พวกมิจฉาชีพมาหลอกเธออย่างแน่นอน หัวใจของระมิงค์อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พลันคิดถึงเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนาน
หลังจากจัดการกับสภาพของตัวเองเรียบร้อยแล้วระมิงค์ก็เดินตามพี่สาวคนสวยออกไปนอกร้าน ลมร้อนของฤดูแล้งปะทะใบหน้าทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความหดหู่ ทันใดนั้นมือเรียวของพี่สาวคนนั้นก็จับแขนของระมิงค์แล้วลากเธอไปที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ระมิงค์สับสนเล็กน้อย แต่เพราะตอนนี้ไม่มีที่พึ่งพาเธอจึงปล่อยให้อีกฝ่ายจัดแจงเสร็จสรรพ อย่างน้อยสถานที่ที่เธอคนนี้พามาก็เป็นร้านไอศกรีมที่มีที่นั่งแยกเป็นสัดส่วน อีกฝ่ายคงไม่มีความคิดอกุศลกระมัง
“ไอศกรีมเชอร์เบ็ดมะนาวสองลูก ไอศกรีมชีสสองลูกค่ะ” พี่สาวคนสวยสั่งอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้โอกาสระมิงค์ได้พูด
แต่เมื่อระมิงค์ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งสั่งไป ดวงตาบวมแดงของเธอก็เบิกกว้าง “ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกินไอศกรีมชีส?”
อีกฝ่ายชะงัก กวาดสายตามองรอบข้างอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่เห็นว่ามีคนจับจ้อง มือเรียวก็กระชากผมของตัวเองจนระมิงค์สะดุ้งโหยง
เมื่อปราศจากผมยาวสลวยปกคลุมใบหน้า เค้าหน้าเด่นชัดของผู้ชายก็ปรากฏแก่สายตา
“โบนัส!”
“บิงโก! ในที่สุดก็จำฉันได้สักที” โบนัสพูดพร้อมรอยยิ้ม
ใบหน้าสวยยังคงเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่ผมของเขาตัดสั้นสไตล์เกาหลี เมื่อพิจารณารวมกับรูปหน้าและตำหนิบางจุดตรงติ่งหูก็ทำให้ระมิงค์จำอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
โบนัส เพื่อนสนิทสมัยมัธยมของเธอ
ในอดีตเพราะเธอเป็นตัวซวย คนรอบข้างจึงหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนโบนัสไม่มีใครคบเพราะเขาเป็นผู้ชายตุ้งติ้งจนถูกล้อว่าเป็นเกย์
แม้ว่าเขาจะเป็นเกย์จริงๆ แต่มันก็เป็นบาดแผลในใจจนทำให้โบนัสไม่มีความสุขในช่วงมัธยมปลาย
เด็กในโรงเรียนมัธยม โดยเฉพาะลูกคนรวยบางกลุ่มมักจะชอบล้อเลียนและตั้งแง่รังเกียจโบนัสเพียงเพราะเขามีทีท่าว่าชอบผู้ชาย
ด้วยเหตุนี้ระมิงค์กับโบนัสจึงค่อยๆ สนิทกัน
แต่เพราะช่วงมัธยมศึกษาปีที่ห้า โบนัสถูกแมวมองติดต่อมาและพาเขาเข้าสู่วงการด้วยการแสดงซีรีส์วาย หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนักแสดงวายชื่อดังในชั่วข้ามคืน
จนเป็นสาเหตุให้โบนัสและระมิงค์ก็เริ่มเจอกันน้อยลง เพราะในช่วงขาขึ้นเอเจนซี่จึงให้เขารับงานซีรีส์ติดกันหลายเรื่องจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเรียน
กว่าโบนัสจะจบมาได้ก็เป็นเพราะระมิงค์ช่วย ‘แบก’ จนผ่านมาได้
แต่เพราะการเป็นนักแสดงซีรีส์วาย เขาจึงถูกวางตัวให้มี ‘คู่จิ้น’ และถูกสั่งห้ามไม่ให้พบกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อไม่ให้แฟนคลับซีรีส์ต้องขุ่นเคืองใจ และนี่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้โบนัสแทบไม่ได้เจอกับระมิงค์ยกเว้นตอนเรียน แม้กระทั่งว่าเมื่อทั้งคู่สอบเข้ามหาวิทยาลัยและเรียนคณะเดียวกัน การพบกันก็ยากลำบากกว่าตอนเรียนมัธยมหลายเท่านัก
ผ่านมาหลายปีทั้งสองมักจะแชตคุยกัน แต่เพราะโบนัสต้องระวังตัวทุกย่างก้าว ทั้งคู่จึงไม่ได้ใช้แอคเคานต์จริงๆ แต่ใช้แอคเคานต์รูปการ์ตูนแทน
แต่กระนั้นระมิงค์ก็คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งเมื่อบังเอิญเจอกัน เขาจะแต่งหญิงจริงๆ
ช้อนเล็กตักไอศกรีมสีเหลืองทองเข้าปาก ความเย็นของมันทำให้สมองตื้อตันตื่นตัว รสชาติหวานมันของชีสค่อยๆ ละลายเคลือบลิ้นจนตัวตาแดงๆ สว่างวาบ
เมื่อได้กินไอศกรีมรสชีส ความเศร้าในหัวใจของระมิงค์ก็ถูกเจือจางลงเล็กน้อย และกว่าจะหยุดก็ตอนที่ไอศกรีมก้อนใหญ่หมดลงอย่างรวดเร็ว
เธอวางช้อน ประสานมือไว้บนโต๊ะแล้วจ้องไปที่โบนัสด้วยสายตาจับผิด “ทำไมแต่งหญิงออกมา แล้วเจอฉันได้ยังไง”
“ไม่แต่งหญิงแฟนคลับก็จำได้สิ ฉันนัดเดตกับผู้ชายกำลังจะกลับบ้าน แต่บังเอิญจำเสียงสะอื้นเธอได้ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นเธอหรอก แต่พอเห็นหน้าตาน่าเกลียดตอนมาสคาร่าเลอะก็จำได้เลย เก่งปะ”
ระมิงค์เม้มริมฝีปากด้วยความกระดากอาย คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ พ่นลมออกจากจมูกอย่างหดหู่ “จำฉันได้เพราะน่าเกลียดเนี่ยนะ”
“ฮิๆ จริงๆ ก็จำไม่ได้หรอก แต่เพราะจำแฟนเธอได้น่ะ ฉันยืนมองอยู่ไกลๆ ว่าจะใช่คนเดียวกันหรือเปล่า พอเขาเดินออกไปก็…แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ไอ้พี่ฟ้ามันทำไรเธอ?” เขาเลิกพร่ำพรรณนาเปลี่ยนมาถามอย่างรวดเร็ว หางเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย
