บทที่ 1.4 ฉลองเรียนจบ
มนสิชา พิทักษ์ระพี บัณฑิตสาวดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังด้านบริหารธุรกิจ เอกการตลาด ด้วยวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีทำให้เธอซวนเซไม่เป็นท่าเมื่อผิดหวังในความรัก และมันก็ถือเป็นรักครั้งแรกกับรุ่นพี่ที่อายุห่างกันสามปี
หญิงสาวกำพร้าทั้งพ่อและแม่จากการฆ่าตัวตาย ปัจจุบันเธออาศัยอยู่กับย่าอ่อนที่บ้านสวน และมีนุชนารถน้องสาวแท้ๆ ของพ่อเป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดู เมื่อเธอเรียนจบสิ่งแรกที่ต้องการทำเพื่อให้คนที่บ้านภาคภูมิใจคือการที่เธอมีอาชีพและรายได้เพียงพอจะเลี้ยงคนในครอบครัวรวมทั้งสมาชิกในสวนย่าอ่อนที่อยู่กันมานาน ลำพังการขายผลไม้เล็กๆ น้อยๆ ไม่พอที่จะเลี้ยงดูทุกคนให้สุขสบายได้หรอก
มนสิชายังจำภาพในวันวานของเธอได้ขึ้นใจ พ่อเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงและทรัพย์สินมหาศาล หากไม่ถูกเพื่อนรักโกงไป พ่อกับแม่ก็คงไม่เสียใจจนฆ่าตัวตาย ทั้งบ้าน ทรัพย์สินทุกอย่างที่เคยมีถูกคนทุจริตยักยอกเอาไปเป็นของตัวเองจนหมดสิ้น ถึงเธอจะยังเป็นเด็กแต่จดจำใบหน้าของชายคนนั้นได้เป็นอย่างดี กัมพล ประกอบกิจไพศาล ยิ่งแววตาของลูกสาววัยใกล้เคียงกับเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความเยาะเย้ยสะใจที่ได้ครอบครองบ้านหลังใหญ่
เรื่องราวทั้งหมดยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำลึกๆ ยิ่งครั้งใดที่มนสิชาเศร้าหมอง เธอมักจะคิดถึงพ่อกับแม่จนแอบร่ำไห้เสียใจ หัวใจดวงเล็กๆ ว้าเหว่อยากไขว่คว้าความอบอุ่นจากครอบครัวเป็นที่สุด
"ตุ๊บ ตุ๊บ"
เสียงฝ่าเท้ากระแทกพื้นอย่างแรงจนฝุ่นดินฟุ้ง พื้นดินละเอียดยุบตามน้ำหนักของร่างกายคนกระโดดลงจากต้นไม้ ตามด้วยเสียงปัดฝุ่นที่เนื้อตัว ไอฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วร่างกายจนคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต้องปัดป้องกลัวจะหายใจเอามันเข้าไปด้วย
“เบาๆ สิยายมดแดง...ซนอย่างกับลิงไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ เป็นสาวแล้วรู้ไหม” มนสิชาบ่นเพื่อนรัก
“เธอเล่ามาให้หมดนะพริกหวาน...ไอ้หมอนั่นมันมีคนอื่นงั้นเหรอ” เสียงหวานที่ดัดให้ห้าวแข็งด้วยความโมโห
“ใช่ ฉันไม่คิดเลยนะว่าพี่รุจจะทำกับฉันแบบนี้” หญิงสาวที่ยังเจ็บปวดกอดอกนิ่ง ทอดถอนใจพลันคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน เธอช่างคุ้นตากับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“มันบอกแกเหรอว่ายายเซ็กซี่นั่นเป็นแฟนใหม่” ถึงจะไม่ได้ยินรุจกวีพูดกับปาก แต่สายตาคู่นั้นมันทำให้หญิงสาวระบมไปทั้งใจ
“มดแดง ฉะ...ฉันจะทำยังไงดี ฮือ” ชไมพรหรือมดแดงเพื่อนสนิทแสนห้าวของมนสิชารีบโอบกอดเพื่อนรักเอาไว้ ก่อนที่เธอจะสะอื้นไห้หนักกว่าเดิม
“เพื่อนฉันต้องเข้มแข็งสิ ดีเท่าไรแล้วที่แกยังไม่ได้มีอะไรกับไอ้หมอนั่น” คำพูดของชไมพรทำให้หญิงสาวที่กำลังเสียใจผงะ
“บ้าไปแล้ว พูดอะไรของแกยายมดแดง น่าเกลียดที่สุด”
“หรือว่า...”
“หยุดนะมดแดง ฉันจะเก็บของรักของหวงเอาไว้ให้คนที่ฉันรักเท่านั้น”
คิ้วคมเข้มขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย “แล้วไอ้รุจนี่แกไม่ได้รักหรือไง”
มนสิชาหลุบสายตาลงมองพื้นก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่ท่าน้ำ “ไม่รู้สิ” เธอตอบพลางเอียงศีรษะราวกับครุ่นคิด
“ตัวของแก ใจของแกยังไม่รู้อีก ยายเพื่อนบ้า”
“ฉันอธิบายไม่ถูก แรกๆ ก็เสียใจที่พี่รุจมีคนอื่น แต่พอมานั่งคิดๆ ดูฉันว่ามันก็ดีแล้วที่คนอย่างเขาจะได้แฟนที่สวย แล้วก็ดูมีชาติตระกูลกว่าฉัน” มนสิชาพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง
“แล้วแกไม่มีชาติตระกูลหรือไง พิทักษ์ระพีตระกูลขี้เหร่ที่ไหนกันล่ะ” ชไมพรรีบโวยวาย เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยดูถูกชาติกำเนิดของตัวเองเลย และจะไม่ให้เพื่อนที่เธอรักคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
“ฉันก็หมายถึงตอนนี้ไง...สาวบ้านสวนกับหนุ่มไฮโซมันไม่เข้ากันหรอกนะ”
“ทำไมไม่คิดตั้งแต่ตอนจะคบกันยะ...ไม่เอาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า” ชไมพรตัดความหงุดหงิดใจโดยการเปลี่ยนเรื่องคุย เธอไม่อยากให้มนสิชาเศร้าหรือตัดพ้อตัวเองแล้วยกคนอื่นขึ้นมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอีก
หลังจากทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกภายในใจ มนสิชาก็บอกกับตัวเองได้ว่า เธอไม่ได้รักรุจกวี แต่ที่ยอมคบกับเขาเพราะเห็นว่าชายหนุ่มนิสัยดี พูดจาสุภาพ คอยช่วยเหลือให้กำลังใจในยามที่เธอเรียนหนัก และยังเอาอกเอาใจเก่ง ตั้งแต่คบกันมาสองปี เขาก็ไม่เคยล่วงเกินเธอถึงแม้จะมีบางครั้งที่ชายหนุ่มพยายามเว้าวอน แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล โชคดีที่เธอไม่ใจอ่อน
