ตอนที่ 4 เรื่องลับของหลี่ซื่อ (1)
อิ๋นจื่อเดินนำสาวใช้ที่คอยรับใช้นางอยู่ที่เรือนหลังของสกุลซ่งในเมืองเยี่ยเฉิง ทั้งสองมุ่งตรงไปยังเรือนกลางที่ฮูหยินผู้เฒ่ากับซ่งฮูหยินพำนักอยู่
หลังออกจากเมืองหลวงมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เดินทางราวสิบสองวันก็มาถึงเมืองเยี่ยเฉิง ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าจะพาทุกคนกลับบ้านเดิมของสามีเพื่อเซ่นไหว้สุสานบรรพชนของสกุล แม้สามีของนางจะจากไปนานแล้ว นางก็ยังปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดเสมอมา
เพิ่งมาถึงเยี่ยเฉิงเมื่อวาน ฮูหยินผู้เฒ่าให้ทุกคนพักผ่อนต่ออีกหนึ่งวัน วันพรุ่งนี้จะไปทำพิธีเซ่นไหว้ที่สุสานบรรพชนที่ชานเมืองทางฝั่งตะวันออก อิ๋นจื่อมีหน้าที่ดูแลอาหารสามมื้อของฮูหยินผู้เฒ่าและซ่งฮูหยิน เพราะพวกท่านถือศีลและกินอาหารเจ จึงเปิดครัวของเรือนกลางเพื่อให้สะดวกกับทั้งอิ๋นจื่อและนายหญิงทั้งสอง
การเดินทางมาครั้งนี้ล้วนมีแต่สตรีในบ้าน บุรุษทั้งสามรั้งอยู่เมืองหลวง นายท่านซ่งกับคุณชายใหญ่ติดงานราชการ คุณชายรองต้องท่องตำราเพื่อเตรียมตัวเข้าสอบฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
ส่วนผู้ที่เดินทางติดตามมาด้วยก็คือสะใภ้ทั้งสองและอนุของคุณชายรองอีกสองคน รวมทั้งสาวใช้และพวกองครักษ์ที่คอยดูแลความปลอดภัยระหว่างเดินทาง ถือว่าเป็นขบวนเดินทางที่ใหญ่อยู่ไม่น้อย
“ซีเสวี่ย เจ้าตามข้ากลับเมืองหลวงเถอะ” เสียงนั้นฟังดูออดอ้อนไม่น้อย
“จะดีหรือ?”
สองเสียงนั้นเบายิ่ง แต่อิ๋นจื่อกับสาวใช้ก็ได้ยิน เป็นเสียงของหลี่ซื่อสะใภ้ใหญ่กับซีเสวี่ยหลานสาวของพ่อบ้านซู พ่อบ้านซูคือพ่อบ้านที่ดูแลจวนสกุลซ่งที่เยี่ยเฉิงนี้
“ข้าคิดถึงเจ้า” เสียงหลี่ซื่อหยุดไปแค่นั้น เงียบไปสักชั่วอึดใจหนึ่งก็ได้ยินเสียง อืออาออกมา “อาส์ ดีจริง” เสียงหลี่ซื่อสั่นและแหบพร่า
อิ๋นจื่อเบิกตาโต แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เสียงที่ได้ยินย่อมเป็นเสียงที่เกิดจากอารมณ์เตลิดและอาจนำพาไปสู่การเสพกามา เพียงแต่หลี่ซื่อ... กับซีเสวี่ยหรือ?
อิ๋นจื่อหันมองสาวใช้ข้างกาย อีกฝ่ายก้มหน้ายืนตัวสั่นอยู่เงียบๆ นางเลยถอนสายตากลับ มองลอดพุ่มไม้เข้าไปหาสองร่างที่เห็นไม่ชัดนัก แต่ก็ไม่มีอะไรให้เห็น มีแต่เสียงที่ยังดังออกมา อิ๋นจื่อคว้าข้อมือสาวใช้พาเดินอ้อมสวนและตรงไปยังเรือนกลางด้วยความรวดเร็ว
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้านาย พวกเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” อิ๋นจื่อเอ่ยขึ้นเมื่อเดินใกล้ถึงเรือนกลาง
สาวใช้ข้างกายท่าทางหวาดกลัวพยักหน้ารัวเร็วราวนกจิกกินข้าวเปลือก “เจ้าค่ะๆ บ่าวไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
อิ๋นจื่อพยักหน้าด้วยความพอใจและเร่งฝีเท้าไปเรือนกลาง ส่วนหลี่ซื่อกับซีเสวี่ยยังคงกอดจูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันรัวเร็วเสียงดูดปากจ๊วบจ๊าบ ฝ่ามือของซีเสวี่ยเคล้นคลึงหน้าอกอวบอิ่มนุ่มมือ อีกฝ่ายก็แอ่นอกให้อย่างเต็มใจ
“รีบเข้าเรือนเถอะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว” หลี่ซื่อลุกขึ้นจูงมือซีเสวี่ยเดินเข้าเรือน ตรงไปยังห้องพักของตัวเองในเรือนข้าง
เรือนอีกหลังหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรือนของหลี่ซื่อ มีนายบ่าวสองคนยืนมองหลี่ซื่อจูงมือซีเสวี่ยเข้าเรือน
หญิงงามส่ายหน้า “หึ โจ่งแจ้งเกินไป นางคิดหรือว่าจะไม่มีใครรู้เห็นพฤติกรรมเหลวไหลของนาง”
“นายหญิง บอกฮูหยินผู้เฒ่ากับซ่งฮูหยินดีหรือไม่เจ้าคะ สะใภ้ใหญ่มีพฤติกรรมเช่นนี้ไม่งามเลย” สาวใช้ด้านข้างไม่ชอบสะใภ้ใหญ่นานแล้ว เพียงแต่อีกฝ่ายแต่งเข้าสกุลซ่งมาหลายปี พวกนางเพิ่งเข้ามาสองปียังไม่ค่อยมีพื้นที่ให้หายใจเท่าไรนัก ด้วยเพราะนายหญิงของนางไม่ค่อยเอาใจใส่สามี ขอแค่เขาไม่ออกไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน นางล้วนยินยอมให้เขาไปพักเรือนอนุคนใดก็ได้ สามีนางมีความต้องการของบุรุษสูงนัก ผิดกับนางที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องในม่านมุ่ง จึงไม่อยากปรนนิบัติสามีบ่อยเกินไป เลยยินยอมให้เขารับอนุภรรยามาสองคน ให้พวกนางช่วยดูแลเรื่องปลดปล่อยพลังกามาของสามีไป แต่ถึงกระนั้นนางกับสามีก็ไม่ได้มีปัญหากัน ยังคงปรองดองกันดี
จางซื่อปรายตามองทางเรือนของหลี่ซื่อครั้งหนึ่งและถอนสายตากลับ “พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งหรอก นางทำอะไรไว้สักวันก็ต้องมีคนรู้เห็น หากไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเหลวไหล ก็อย่าคิดทำตั้งแต่แรกสิ”
“ไม่คิดจริงๆ ว่าสะใภ้ใหญ่จะ...”
“ช่างเถอะ” จางซื่อตัดบทและหันกลับเข้าเรือน
อีกเรือนหนึ่งหลังจากปิดประตูหน้าต่างและไล่พวกสาวใช้ออกไปเฝ้าหน้าห้องแล้ว สองร่างรีบเร่งถอดเสื้อผ้า ด้วยความที่คิดถึงกันหนักหนา จึงลงมือกระชากเสื้อผ้ากระโดดขึ้นเตียงพร้อมกัน ร่างหนึ่งทอดกายนอนเหยียดยาวส่งยิ้มยั่ว ร่างหนึ่งทอดตัวขึ้นคร่อมก้มมองหญิงงามเมืองร่างอวบอิ่มด้วยความพอใจ
