ตอนที่ 14 เรือน้อยกลางสระบัว (1)
วันนี้ซ่งเว่ยเหลียงพาอิ๋นจื่อออกจากเรือนรับรองในช่วงบ่าย ทั้งสองเดินออกมาจากประตูเล็กด้านข้างทางตะวันตก พื้นที่ส่วนนี้เป็นสระบัวขนาดใหญ่ รอบบริเวณเงียบเหงาไม่น้อย
อิ๋นจื่อถือกล่องอาหารว่างตามเขาไปช้าๆ ทางเดินเล็กแห่งนี้เหมือนกับไม่ค่อยมีใครใช้มากนักเพราะมีหญ้าขึ้นสูงแทบจะมองไม่เห็นทางเดินแล้ว สายลมเอื่อยอ่อนพัดใบไม้ต้นหญ้าและใบบัวในสระที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาสูงระดับเอวให้ไหวเอน ทั้งใบดอกและฝักเม็ดบัวขึ้นเบียดแน่นขนัดแทบจะไม่เห็นผืนน้ำด้วยซ้ำ
ซ่งเว่ยเหลียงบอกนางว่าอากาศร้อน เขาอยากกินต้มเม็ดบัว เลยพานางออกมาเก็บฝักเม็ดบัวด้วยตัวเอง นางก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วง เสี่ยวเส้าก็เตรียมเรือเล็กไว้ให้ลำหนึ่งแล้ว
สวบ!
เสียงสวบสาบดังมาจากด้านหน้าที่คนทั้งสองกำลังเดินไป ก้านใบบัวบริเวณริมสระขยับไหวเหมือนมีอะไรบางอย่างเดินแหวกผ่านมันลงน้ำไป
“ใคร!” ซ่งเว่ยเหลียงส่งเสียงถาม
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ จากนั้นก็มีร่างหนึ่งโผล่ออกมา เป็นเด็กสาวชาวบ้านอายุราวสิบสองสิบสามปีที่มีหน้าตาไม่เลวทีเดียวแต่ตัวผอม ผมแห้งหยาบ สวมเสื้อผ้าฝ้ายมีรอยปะชุน สายตาตื่นกลัวกับร่างกายสั่นเทิ้มที่ลงไปหมอบคลานทันทีที่ออกมาเห็นซ่งเว่ยเหลียงกับอิ๋นจื่อ
“นายท่าน ข้าไม่ได้ตั้งใจมาแถวนี้นะเจ้าคะ ท่านอย่าเอาเรื่องข้าน้อยเลย นายท่านโปรดเมตตาด้วย” พูดไปพลางโขกศีรษะไปพลาง
นางโขกศีรษะจนหน้าผากแดงแล้ว “ไม่ต้องโขกศีรษะแล้ว! เจ้ามาจากไหน ทำอะไรอยู่ที่นี่” ซ่งเว่ยเหลียงเอ่ยถามเสียงเย็นชา
“ข้าอยู่หมู่บ้านทางตะวันตก ข้ามาเก็บเม็ดบัว นายท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย” นางเริ่มโขกศีรษะร้องขอชีวิตอีกครั้ง พาให้ซ่งเว่ยเหลียงกับอิ๋นจื่อขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
เขาคว้ากล่องอาหารจากอิ๋นจื่อส่งไปให้เด็กสาวที่ก้มหน้าร้องไห้ท่าทางหวาดกลัว ซ่งเว่ยเหลียงมองไปทางตะวันตกไกลลิบ เขาเห็นจากที่ตรงนี้ว่ามันเป็นชุมชนแออัดคนละฝั่งกับเรือนรับรองนี้ มีสระบัวใหญ่ขวางกั้น เขาวกกลับมามองเด็กสาวตรงหน้า “เอากล่องอาหารนี้ไปแล้วไม่ต้องมาวุ่นวายแถวนี้อีก”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองซ่งเว่ยเหลียงด้วยสายตาหวาดกลัวและค่อยๆ เลื่อนสายตาไปทางอิ๋นจื่อ หญิงสาวยิ้มและพยักหน้าให้ สายตาของเด็กสาวจึงเลื่อนไปจับที่กล่องอาหารสามชั้น นางยื่นมือผอมแห้งมารับกล่องอาหารไปอย่างว่าง่าย กล่าวขอบคุณเสียงเบาหวิวแล้วลุกขึ้นหมุนกายวิ่งหายไปทันที
อิ๋นจื่อยังไม่ทันได้คิดอะไรถึงเด็กสาวคนนั้นให้มากก็ถูกซ่งเว่ยเหลียงคว้าข้อมือเดินสวบๆ ผ่านต้นหญ้าสูงไปยังริมสระ มีเรือลำน้อยที่ปูไม้กระดานแผ่นเรียบลำหนึ่ง เขาปลดเชือกผูกเรือแล้วคว้าหมับที่เอวนางพาลงไปในเรือพร้อมกัน เรือลำน้อยตะแคงซ้ายทีขวาทีทำให้ก้านใบบัวบริเวณนั้นไหวยวบยาบ
ซ่งเว่ยเหลียงนั่งที่ท้ายเรือ เขาพายเรือออกจากฝั่งเข้าไปยังก้านใบบัวหนาดก มีฝักเม็ดบัวมากมาย อิ๋นจื่อไม่ได้คิดถึงเด็กสาวคนนั้นอีก นางคว้าฝักเม็ดบัว หักก้านยาวๆ วางลงที่หัวเรือ ใบบัวที่มีลักษณ์ใบใหญ่และเรียบสวย นางก็เก็บมาจำนวนหนึ่ง ยังเก็บดอกบัวตูมและเริ่มบานแล้วมาอีกไม่น้อย
“เจ้าจะเอาดอกกับใบไปทำไม”
“ใบใช้ห่อไก่ ทำไก่อบใบบัวได้ ดอกก็กินได้สารพัดวิธี” นางเก็บฝักเม็ดบัวไปพลาง พูดไปพลาง ซ่งเว่ยเหลียงก็พายเรือต่อไป ก้านใบสูงเพราะน้ำในสระลดต่ำเนื่องด้วยเข้าหน้าร้อนแล้ว นางเก็บฝักบัวได้มากจนพอใจแล้วก็หันกลับไปมองเขา ซ่งเว่ยเหลียงเอนกายนอนเหยียดขายาวๆ แทบจะพาดบนตักนางแล้ว
“ได้พอประมาณแล้ว กลับเถอะเจ้าค่ะ” นางหันกลับไปจัดที่ทางแต่กลับถูกเขาตวัดเอวให้ล้มตัวลงนอนทับอกเขา
“เจ้าไม่คิดหรือว่าในสระบัวนี้ช่างเงียบสงบ เจ้าอยากจะกัดข้านานแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครมาขัดจังหวะหรอก”
อิ๋นจื่อฟังแล้วชะงักไป สองข้างแก้มแดงก่ำรีบยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่กลับถูกซ่งเว่ยเหลียงดันหลังให้กลับไปนอนซบอกเขา เรือน้อยโคลงเคลงหวิดจะคว่ำ
ร่างบางถูกพลิกตลบไปนอนหงายอยู่ข้างล่าง ซ่งเว่ยเหลียงยิ้มมุมปาก ผมที่ใช้แถบผ้ามัดรวบไว้ง่ายๆ ตกลงมาปัดอยู่ที่แก้มนาง อิ๋นจื่อมองไปรอบด้าน เห็นเพียงก้านใบบัวขึ้นแน่นขนัด มีเสียงนกร้อง เสียงสวบสาบดังอยู่ไกลๆ ลมพัดอ่อนๆ พาให้กิ่งก้านใบบัวเอนไหวตามทางลม ที่นี่เงียบมากจริงๆ แต่ไม่เหมาะจะทำเรื่องอย่างว่ากระมัง นี่มันโจ่งแจ้งเกินไปหน่อยแล้ว เพียงแต่ความคิดของนางช้าไปสักหน่อยเพราะหน้าอกถูกเปิดเปลือย สาบเสื้อถูกแหวกออก รวมทั้งเอี๊ยมสีขาวปักลายดอกบัวถูกกระตุกสายจนคลายตัวและเนินอกสองข้างเผยออกมาให้เห็นเรียบร้อยแล้ว
