1 หมั้นหมาย (3)
มือหนาข้างหนึ่งรั้งเอวบาง ขณะเดียวกันมือหนาสากอีกข้างได้ช่วยฉุดข้อมือบางไว้ไม่ให้เธอลงไปกองบนพื้นพรม นี่เองที่ส่งผลให้แก้มเนียนนั้นร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่าเธอพลาดอย่างแรง
เป็นการเปิดตัวที่มาพร้อมกับความอับอาย ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มนับสามสิบนายเชียว!
ยิ่งปรายตาไปสบนิ่งกับดวงตาสีเขียวมรกตที่รั้งตัวเธอไว้ด้วยแล้ว หัวใจดวงน้อยของเธอยิ่งเต้นแรงผิดจังหวะเอาดื้อ ๆ ก่อนจะขยับตัวออกจากใครคนนั้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดเกินความจำเป็น
“ขออภัยครับ” ชายหนุ่มคลายมือออกเมื่อมั่นใจว่าหญิงสาวสามารถทรงตัวเองได้แล้ว พร้อมกับค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม และสุภาพ
ดาวิกาไม่ได้หลุดคำพูดอะไรออกมานอกจากเอาแต่มองจ้องหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้า ความรู้สึก ‘คุ้นชิน’ บังเกิดขึ้นมาทันทีเมื่อสบกับดวงตาสีเขียวมรกตอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทอดมองเธออย่างมีความหมาย และส่งผ่านความห่วงใยจากสายตาคู่นั้นอย่างเปิดเผย
คิ้วเรียวของหญิงสาวย่นเข้าหากันเล็กน้อยด้วยพยายามนึกว่าเธอเคยพบผู้ชายคนนี้จากที่ไหนมาก่อน แต่เธอก็นึกไม่ออกเอาซะเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชายในหัวของเธอเลือนรางเต็มที พอ ๆ กับความทรงจำอันน้อยนิด นอกจาก ‘มิสเตอร์โซโล โซบาร์โน’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทร่างเป็นชายใจเป็นหญิงแล้ว เธอก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้ชายคนไหนอีก
สุดท้ายดาวิกาจึงทิ้งเรื่องไร้สาระออกจากหัวสมอง เธอไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุอีก นอกจากลองขยับส้นเท้าเพื่อตรวจดูว่าได้รับบาดเจ็บไหม แต่เมื่อไม่พบความผิดปกติใด ๆ เธอจึงก้าวฉับ ๆ ตามคุณปู่ของเธอเข้าไปในคฤหาสน์หลังงาม
นี่เองหญิงสาวจึงไม่เห็นสายตาห่วงใยของใครคนเดิมที่มองตามหลังเธอไปจนเธอเลี้ยวไปอีกทาง...
การหมั้นหมายของทั้งสองตระกูลเป็นไปอย่างราบเรียบจนน่าใจหาย ไม่มีงานแถลงข่าวเพื่อออกสื่อแต่อย่างใด เพียงแค่แนะนำฝ่ายหญิงและฝ่ายชายให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงทำการสวมแหวนให้กันทันที
ซึ่งดาวิการู้สึกเหมือนการเอาโซ่ตรวนมาสวมให้นักโทษซะมากกว่าการหมั้นหมาย และเท่าที่ดาวิกาสังเกตการณ์มาเงียบ ๆ พักใหญ่โดยปล่อยให้ผู้ใหญ่ผู้คร่ำหวอดโลกของทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและยินดีกับการหมั้นหมายที่เกิดขึ้น
ลีโอ โนเชริโน่ ชายหนุ่มลูกเสี้ยวซึ่งกลายเป็นคู่หมั้นของเธอไปแล้วนั้นดูไม่ใส่ใจกับพิธีหมั้นหมายที่เกิดขึ้นในวันนี้แม้แต่น้อย
กิริยาของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความเฉยเมยเฉกเช่นเดียวกับเธอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่สะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างที่ดาวิการับได้รู้
อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่เธอพอ ‘อ่านได้’ ก็คือ ชายหนุ่มรูปงามซึ่งเป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตรายนี้ ไม่พร้อมใจหมั้นหมายกับเธอแน่นอน
เขาถูกบังคับ! เธอให้ข้อสรุปกับตัวเอง
ดูก็รู้ว่าผู้ที่รื่นเริงกับการ ‘ดอง’ สองตระกูลใหญ่เข้าด้วยกันจะมีแค่มิสเตอร์ม็อตต้า โนเชริโน่ และมิสเตอร์สเตฟาโน นาซิโอสองสิงห์เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ถ้ารู้ว่ามิตรภาพของผู้นำทั้งสองตระกูลเหนียวแน่น และดีกว่าที่เธอคิดไว้แต่แรก ก็น่าจับคุณปู่จอมงี่เง่าพวกนี้หมั้นหมายกันเองก็สิ้นเรื่อง
ดาวิกาถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับความคิดที่เป็นไปไม่ได้ของตัวเอง และดูว่าปฏิกิริยาไม่พอใจของเธอนั้นจะส่งไปถึงเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ด้วยเช่นกัน
“พาแม่หนูดาวิกาไปเดินชมงานศิลปะที่ฉันสะสมเอาไว้สิลีโอ” มิสเตอร์ม็อตต้าละความสนใจจากคู่สนทนาชั่วขณะเมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของหลานชายคนโปรดของเขาเอาแต่นั่งเงียบราวตุ๊กตาเจียระไน
พอได้รับคำอนุญาตให้ออกจากห้องนี้ได้แล้วนั่นล่ะ ลีโอก็ปรายตามามองหญิงสาวคนเดียวในห้องด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก และบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“เชิญทางนี้”
ดาวิกาทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเพราะนี่เป็นประโยคที่สองต่อจากการแนะนำตัว แต่ถ้อยคำนั้นก็ทำให้เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวนุ่มที่เธอนั่งจนรากแทบงอกแต่โดยดี
คำถามแรกที่ดาวิกาสงสัยขึ้นมาก็คือ มิสเตอร์ลีโอ โนเชริโน่ ที่ได้กลายเป็นคู่หมั้นของเธอไปแล้วนั้น มีศิลปะในการดูแลสุภาพสตรีบ้างไหม?
ดูว่ามารยาทยอดแย่ของเขาจะสร้างความประทับใจให้เธอซะเหลือเกิน ขนาดจะหมั้นหมายกับเธอทั้งที เขายังไม่ออกมาต้อนรับเธอเลย อีกทั้งยังลงมาพบเธอล่าช้ากว่าเวลานัดหมายไปสิบกว่านาที
ช่างเป็นการเผชิญหน้าที่สร้างความประทับใจให้เธอจนยากจะลืมเลือนเหลือเกิน!
และเธอก็ได้ข้อสรุปสั้น ๆ กับตัวเองว่า ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจอยู่ในมือจนล้นเหลือมักเอาแต่ใจตัวเองเสมอ และเธอก็ไม่คิดเก็บเรื่องไร้สาระพวกนี้มาใส่ใจด้วย
ดาวิกาปรายตามองคุณปู่สเตฟาโนของเธอนิดหนึ่ง แต่เมื่อคุณปู่สเตฟาโนไม่คัดค้านอะไรนอกจากพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาต เธอจึงทิ้งทุกเรื่องแล้วก้าวตามคู่หมั้นหนุ่มออกไปจากห้องโอ่โถงแสนสวยที่น่าอึดอัดใจนี้ทันที
