บท
ตั้งค่า

4 จัดการคนโกง

“ได้เลย เอ่อ ว่าแต่ท่านเคยรับภารกิจไปทำหรือไม่? เป็นอย่างไรบ้างหรือ?”

ว่างซูหันกลับไปมองป้ายไม้ก่อนอธิบาย “เคยอยู่ เสี่ยงอันตรายบ้างแต่ก็คุ้มค่าที่จะแลกกับเงินที่ได้มา หากหมิงจูต้องการรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับภารกิจบนป้ายไม้นี้ ก็ต้องไปติดต่อผู้ดูแลด้านในนู้น เพื่อขอดูรายละเอียดภารกิจที่เจ้าสนใจและต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าธรรมเนียมเพื่อแลกข้อมูลก็เท่านั้น”

หากเป็นในยุคสองพันค่าธรรมเนียมก็คือค่านายหน้านั่นเอง หากไม่มีกฎข้อนี้คนก็ขอดูรายละเอียดภารกิจกันเป็นว่าเล่นแน่นอน แต่พอต้องจ่ายเงินเพื่อแลกก่อนก็ต้องพิจารณาอย่างรอบครอบก่อนไปติดต่อขอรายละเอียด

“เท่าไหร่หรือ?”

“ประมาณสิบเหวินสำหรับการเข้าถึงข้อมูลเบื้องต้นของภารกิจง่ายๆ” เขาตอบ “แต่ถ้าภารกิจสำคัญ ราคาอาจสูงขึ้นจนถึงหลายตำลึงเงินเลยก็ว่าได้ แต่เรื่องราคานี้เราเดาไม่ได้หรอก...”

หมิงจูพยักหน้าอย่างขอบคุณกับข้อมูลแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่เขาบอกว่าราคาค่าขอดูรายละเอียดคาดเดาไม่ได้ทั้งที่มันก็ติดอยู่ที่ท้ายภารกิจแต่ละอันให้เห็น ซึ่งการต้องจ่ายค่าขอดูข้อมูลเพิ่มเติมเป็นราคาสิบเหวินที่สามารถซื้อข้าวสารได้สักหนึ่งกิโลก็สามารถเข้าถึงชาวบ้านธรรมดาได้อยู่บ้าง แต่นางคิดว่างานที่คุ้มกับเหนื่อยต้องไม่ใช่ขั้นภารกิจธรรมดาอย่างแน่นอน

หมิงจูหยิบกระดาษชื่อภารกิจระดับกลางมาอันหนึ่งก่อนเดินตรงไปที่ผู้ดูแลเป็นชายวัยกลางคนตรงโต๊ะใหญ่ ใบหน้าฉายแววเย่อหยิ่ง เขาเหลือบมองหมิงจูจากศีรษะจรดปลายเท้าทันที

“ข้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจอันนี้” หมิงจูกล่าวอย่างตรงประเด็นชูกระดาษในมือให้ดู

ชายผู้นั้นปรายตามองอีกครั้งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม “สตรีเช่นเจ้าหรือ? เอาเถอะ ราคาคือหนึ่งตำลึงเงิน จ่ายมาก่อนดูรายละเอียด”

หมิงจูเลิกคิ้วทันใด ให้จ่ายหนึ่งตำลึงเงินนั้นไม่ใช่ว่านางไม่มีแต่นี่มันไม่ตรงกับที่ระบุไว้น่ะสิ หมิงจูไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่ายเสียหน่อย

“แต่ภารกิจนี้เขียนไว้ว่าต้องจ่ายห้าร้อยเหวินเท่านั้น!”

ผู้ดูแลแค่นหัวเราะเสียงดัง “ห้าร้อยเหวินสำหรับบางคน ส่วนเจ้า...หากไม่มีเงินก็ไปเสีย อย่ามาเสียเวลาข้าทำงานเลย”

คำพูดที่ได้รับนี้ทำให้หมิงจูชะงักเล็กน้อยกับสิ่งที่นางกำลังเผชิญ นางเงยหน้ามองป้ายที่ติดไว้เหนือหัวเยี้องไปข้างหลังผู้ดูแลผู้นี้ มันมีคำกลอนเขียนด้วยลายมือประณีตว่า

“ เงาพยัคฆ์ยิ่งใหญ่ แจกจ่ายงานทั่วหล้า

เพื่อช่วยผู้ยากไร้ มุ่งมั่นความเที่ยงธรรมสืบไป ”

หมิงจูหัวเราะเบาๆ ในใจ นางแสร้งถามอะไรบางอย่างเพื่อตรวจสอบข้อมูลเล็กน้อยแล้วถอยออกมาอย่างคนมีแผนการไม่ใช่ถอยออกมาเพื่อยอมแพ้

หมิงจูมองผู้ดูแลด้วยสายตาเย็นชา นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว การเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างไร้เหตุผล การเลือกปฏิบัติ และคำพูดที่ขัดแย้งกับปณิธานของสำนัก ล้วนแสดงให้เห็นว่าการเอาเปรียบนี้เป็นเรื่องที่เจ้าสำนักไม่น่าจะรับรู้ หรือหากรู้สำนักที่นางชมเรื่องระบบการดูแลดีก็คงดีแต่เปลือกเสียแล้ว...

นางแสร้งทำท่ายอมถอยเดินออกมาจากโต๊ะ ทว่าในใจกลับก่อตัวเป็นแผนการใหม่ นางตัดสินใจว่าจะไม่เพียงรับรู้ แต่จะเปิดโปงพฤติกรรมอันไร้ยุติธรรมนี้ต่อเจ้าสำนักให้ได้

หมิงจูเดินกลับไปหาว่างซูที่ยังคงยืนอยู่ใกล้บอร์ดภารกิจ เขามองนางด้วยความสงสัยเมื่อเห็นใบหน้าที่เรียบเฉยแต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยประกายของแผนการ

“ว่างซู” นางเอ่ยเสียงเบา “ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าเจ้าสำนักเงาพยัคฆ์เป็นผู้ใด?”

ว่างซูเลิกคิ้ว ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าเองก็เคยสงสัย แต่ที่ได้ยินมาว่าเจ้าสำนักเป็นบุรุษหนุ่มผู้มากความสามารถ ที่สร้างสำนักแห่งนี้ได้จนมั่นคงก็ไม่ค่อยเข้ามายังที่นี่นัก มักปล่อยให้ลูกน้องจัดการแทนมากกว่า อืม เขาว่ากันว่าตัวแทนท่านเจ้าสำนักมักเข้าตอนยามเซิน (15.00 – 16.59 น.) ของทุกวัน”

หมิงจูพยักหน้าช้าๆ อีกไม่ถึงเค่อก็ถึงเวลาที่ว่างซูบอกแล้วด้วยสิ

...นางเริ่มเข้าใจแล้ว เพราะไม่มีเจ้าของดูแลใกล้ชิด คนเหล่านี้จึงเหิมเกริมคดโกงเงินคนที่มารับภารกิจได้นี่เอง หากนางเดิมพันไม่ผิดการคดโกงและผิดต่อคำมั่นที่เขียนไว้ที่ป้ายนี้คงไม่ถึงหูเจ้าสำนักหรือแม้แต่ตัวแทนแน่!

“ข้ายอมไม่ได้ที่ให้ใครมาเอาเปรียบคนยากไร้เช่นที่ข้าเจอเมื่อครู่ เจ้าก็น่าจะเจอการโก่งค่าธรรมเนียมเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?”

ว่างซูพยักหน้าตอบทันใด “เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเป็นเสียหน่อย ผู้ดูแลคนนี้ทำงานมาร่วมปีแล้ว เขามีพรรคพวกที่รู้เห็นและช่วยกันปกปิดมากนัก หากเจ้าจะคิดจัดการข้าว่าคงมาง่ายเท่าไร”

หมิงจูไม่คิดว่าง่ายอยู่แล้ว ตามจริงนางอยากทำให้พวกเขาสำนึกบ้างเท่านั้น อย่างน้อยก็ทำสิ่งที่นางทำได้อันเพิ่งคิดแผนการได้เมื่อครู่ ส่วนจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดหรือไม่ตามจริง

หมิงจูไม่ใส่ใจมากนัก เพราะสำนักแห่งนี้นางเป็นเพียงคนผ่านทางไม่ใช่เจ้าของสำนักเสียหน่อย

หมิงจูยิ้มบางก่อนเอ่ยเสียงกระซิบ “ข้ารู้ หากท่านอยากได้ราคาค่าธรรมเนียมการรับภารกิจที่ยุติธรรมอย่างที่ควรจะเป็น เพียงช่วยข้าสักเล็กน้อยก็พอ?”

ว่างซูขมวดคิ้วอย่างฉงน แววตาของเขาฉายแววสนใจอยู่เป็นส่วนใหญ่ “หมิงจู เจ้ามีแผนการใด?”

หมิงจูยิ้มพลางก้าวเข้าไปใกล้ กระซิบแผนการเบาๆ ที่ข้างหูของเขา ว่างซูฟังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมชั่วครู่สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าก็ช่างคิดยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ ข้ายินดีช่วยเต็มแรงแน่”

“ดีเลย” หมิงจูกล่าวเสียงนุ่ม “เราต้องรีบเริ่มแผนแล้ว”

เมื่อตกลงแผนการกับสหายร่วมแผนการเรียบร้อย หมิงจูก็เดินตรงไปยังโต๊ะของผู้ดูแลจอมเหยียดอีกครั้ง

ผู้ดูแลหัวเราะเบาๆ เมื่อเงยหน้าเจอสตรีหนึ่งเดียวที่เข้ามาในวันนี้ เมื่อครู่เพิ่งไล่ไปไม่คิดว่าจะกลับมาอีกครา คงไปรวบรวมเงินมาแล้วกระมัง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบังทันที

“หนึ่งตำลึงเงินนั้นนำมาแล้วก็วางเสียอย่าได้ชักช้าอีกเลย ข้าต้องรับลูกค้าคนอื่นอีก”

หมิงจูสูดลมหายใจลึกอย่างพยายามสงบอารมณ์ไม่ตอบโต้กับคำดูถูกนั่น ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าสร้อย นางยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วเริ่มโวยวายเสียงดัง

“ท่านใจร้ายยิ่งนัก! ข้ารู้ว่าสำนักนี้เปิดเพื่อช่วยคนจนที่ไม่มีงาน ทำไมกลับเรียกเงินมากมายเช่นนี้?” นางทำท่าจะร้องไห้พลางพูดต่อ “มารดาของข้าป่วยหนัก ข้าต้องการเงินไปรักษา เลยมาที่นี่เพราะได้ยินว่ามีงานให้ทำหลากหลาย หากทำได้จะได้รับเงินก้อนโต แต่กลับเจอเรื่องเช่นนี้!”

เสียงของนางดังขึ้นเรื่อยๆ เรียกความสนใจจากคนรอบข้าง บางคนเริ่มหยุดดูสถานการณ์ บ้างกระซิบกระซาบกันถึงความไม่ยุติธรรมของสำนักที่พวกเขาก็เจอเช่นกัน

ผู้ดูแลหน้าตึงทันใด “พอได้แล้ว หากเจ้าไม่มีเงิน ก็อย่าเสียเวลาคนอื่น!”

จากนั้นผู้ดูแลก็ส่งสัญญาณให้องครักษ์ของสำนักที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เข้ามาจัดการต่ออย่างมืออาชีพ “จับนางโยนออกไป! อย่าให้สำนักที่แสนสงบเกิดเรื่องวุ่นวายได้!”

หมิงจูไม่มีท่าทีจะหยุดกลับเลยสักนิด นางยังคงโวยวายต่ออีกทั้งเสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

“ป้ายนั่นก็บอกเองไม่ใช่หรือว่าที่นี่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ยากลำบาก? แล้วทำไมข้าถึงต้องเรียกเงินเกินจริง? พวกท่านโกงกันหรือไม่? หน้าไม่อายสิ้นดีบนป้ายไม้เขียนว่าห้าร้อนเหวินแต่กลับบังคับให้ข้าจ่ายหนึ่งตำลึง!”

ในระหว่างที่หมิงจูกำลังสร้างเรื่องให้ใหญ่โต องครักษ์สองคนเดินเข้ามาด้วยท่าทางแข็งกร้าว หมิงจูทำเป็นถอยหลังอย่างหวาดกลัว แต่ในจังหวะที่พวกเขาเข้ามาใกล้ นางก็ใช้กำปั้นกระแทกไปที่แขนขององครักษ์คนแรกในช่วงที่หลบหลีก แต่เป็นการสกัดจุดที่เส้นเอ็นทำให้แขนของเขาชาด้านและอ่อนแรงนั่นเอง โดยนางออกแรงแค่คราเดียวเท่านั้นแต่ต้องใช้ความแม่นยำและชำนาญหน่อย

องครักษ์คนต่อไปพยายามเข้ามาควบคุมตัวนางต่อเนื่อง แต่หมิงจูก็ขยับตัวอย่างว่องไว หลบแล้วกดจุดที่หลังเขาอย่างแนบเนียนตอนนางเคลื่อนผ่านไป ความเจ็บปวดจากการสกัดจุดทำให้องครักษ์นายนั้นชะงักก้าวถอยหลังในทันทีอย่างไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร

ผู้คนรอบข้างเห็นองครักษ์ถอยไปทีละคนอย่างน่าสงสัย แต่กลับไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หมิงจูยังคงทำเพียงหลบหลีกและกลับมายืนอยู่ที่เดิมเท่านั้น พอเห็นว่าไม่มีใครจู่โจมนางอีกก็เริ่ม โวยวายด้วยเสียงดังต่อ

“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าข้าจะได้รับความยุติธรรม!”

ในขณะเดียวกันว่างซูที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนดูก็เริ่มตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดตามหน้าที่ในแผนงานนั้น

“ผู้ดูแลสำนักผู้นี้สมควรหรือไม่ที่เอาเปรียบผู้คนเช่นนี้? หากเจ้าสำนักรู้ ท่านคิดว่าจะยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้หรือ?”

คำพูดของเขาทำให้ผู้คนที่เจอการโก่งราคาเริ่มคล้อยตาม หลายคนเริ่มกล้าส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมา

“จริง! ข้าก็เคยถูกเรียกเก็บเงินเกินไปเช่นกัน!”

“ถ้าที่นี่ไม่ช่วยคนจนจริง ก็ไม่สมควรใช้คำโฆษณาให้ผู้คนหลงเชื่อเช่นนี้!”

หมิงจูหยักยกมุมปากชั่ววาบเดียวก็รีบเข้ามาเป็นแกนนำอีกครา “จริง! เช่นนั้นเราช่วยกันนำป้ายที่บอกว่าช่วยคนออกมิดีกว่าหรือ เห็นแล้วมันช่างเจ็บปวดกับคำหลอกลวงยิ่งนัก!”

เสียงประท้วงเริ่มดังขึ้นพร้อมกับฝูงผู้มารับภารกิจก้าวเข้าหาทำเอาผู้ดูแลหน้าซีดเผือด เขามองเหตุการณ์ด้วยความหวาดหวั่น เรื่องราวที่เริ่มจากสตรีคนเดียวกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้เสียแล้ว

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น!?”

น้ำเสียงของผู้มาใหม่นิ่งเรียบ แต่ทรงพลังจนทุกคนในห้องหยุดหายใจและมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย เป็นบุรุษหนุ่มหล่อเหลาเดินกำด้ามพัดเข้ามาแลดูสูงศักดิ์ยิ่งกว่าผู้มาใหม่อีกคนที่เดินตามหลังมา อีกทั้งผู้ดูแลที่เหลือบเห็นก็เกือบล้มลงคะมำกับพื้นเมื่ออยู่ดีดีขาก็ไร้แรงเพราะความเกรงกลัวเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel