บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 - งานลับเป็นสายลับ

หญิงสาวนอนหลับสนิท ดวงตากลมตาพริ้ม ค่อยๆ ลืมตาตื่นอย่างแช่มช้า สับสนเล็กน้อยกับบ้านไม้หลังเก่าๆ คลับคล้ายคลับคลา ว่าอยู่บ้านหลังเก่า เธอพยายามนึกอยู่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่บ้านของตัวเอง หรือบ้านไร่ของพ่อแม่… สักพักสมองเริ่มทำงานหลังจากหลับไปหลายชม. เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและเดินทางมาเยี่ยมพ่อแม่ เธอเริ่มจะปรับตัวเล็กน้อยก่อนจะสรุปได้ว่า เธอเดินทางกลับมาบ้านเยี่ยมพ่อแม่เมื่อวาน กินข้าวแล้วคุยกันเรื่องเก่าๆ ที่ไม่เคยได้บทสรุปเสียที

สิรีค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ผมเผ้ายุงเหยิงเพราะนอนหลับกลิ้งไปมาบนผ้าปูที่นอน มุ้งครอบสนิทรอบด้านที่นอน ใกล้ๆ กับลมเย็นๆ พัดเข้ามาจากหน้าต่าง สิรีเอื้อมมือไปเลิกมุ้งเปิดออก พบกับสายลมธรรมชาติบ้านไร่ กลิ่นอายดินและต้นหญ้ารอบด้าน บรรยากาศชาวสวนสดชื่นกว่าในเมืองยิ่งนัก

“นี่เราคิดผิดไปซื้อบ้านในเมืองรึเปล่านะ?” สิรีครุ่นคิดว่า เธอควรจะเลิกทำงานแล้วแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว อย่างที่คุณโสภาว่าดีมั๊ย พ่อของเธอก็มิได้พยายามบังคับแต่อย่างใด เพราะลูกสาวของเขาก็โตแล้วมิใช่เด็กที่ต้องมาคอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา ริมฝีปากสิรีกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างขำขัน

“ความแก่มันไม่ทำให้เราสู้งานไหวได้ตลอดเวลานี่นะ” แววตามองขวางกับท้องที่นาซึ่งอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะในเมืองหรือบ้านไร่ ล้วนแต่เป็นงานหนักสำหรับคนสูงอายุทั้งนั้น หรือถึงเวลาแล้วรึ เธอจะต้องออกเรือนดั่งคุณโสภาว่าไว้

******

เสียงข่าวในโทรทัศน์ดังสนั่น ข่าวเด่นประเด็นร้อนประจำวันจากเหตุการณ์เมื่อวาน ออกทีวีแต่เช้าสุชาติเปิดข่าวเรื่องการทำงานของลูกสาวพบร่างไหวๆ ของสิรีวิ่งเข้าไปที่ร.พ.จนไม่ได้ออกมาเสนอหน้าที่จอทีวี

“ทำไมลูกไม่ออกมาหน้ากล้อง หายไปไหนมา?” สุชาติถาม เพราะจำร่างลูกสาวตัวเองได้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน เขาก็จำลูกสาวเขาได้อยู่ดี

“อ้อ! อเนกคู่หูของหนูบาดเจ็บ เลยวิ่งไปส่งที่รถพยาบาลจ้า แหม!!! มีตำรวจออกหน้าตั้งหลายคน เว้นหนูสักคนข่าวก็ไม่จืดหรอก” สิรีตอบเหน็บแหนม จะให้ลูกสาวคุณสุชาติประกาศหราอยู่หน้าจอขนาดนั้นเลยรึ

“แล้วเพื่อนเอ็งบาดเจ็บหนักแค่ไหนวะ? ไม่เห็นมาเล่าให้พ่อฟังเลย” ขณะที่เสียงโทรทัศน์กำลังรายงานความคืนหน้า ของคดีรังตะวันฉาย สายตาของสิรีหันไปอย่างสนใจพร้อมๆ กับฟังเสียงในข่าวมากกว่าจะตอบคำถามคุณสุชาติ

“... ขณะนี้ได้มีการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดออกจากที่คุมขังแล้ว…” เสียงนักข่าวยังคงรายงานต่อเนื่อง ทำให้สีหน้าของสิรีต้องตกตะลึง นี่พวกเธอเหนื่อยกันจับพวกมันทั้งแก๊งแทบตาย ปล่อยตัวออกมาง่ายๆ เพราะแค่เงินประกันแปดหลัก

“เฮ้ย!!!” สิรีร้องอย่างตกใจสุดโกรธ ทำให้สุชาติต้องสะดุ้งโหยง พร้อมเสียงของสิรีดังผิดปกติ

“เป็นอะไร ตะโกนแต่เช้า!!!” โสภากำลังทำอาหารอยู่ในครัว ได้ยินเสียงของสิรีร้อง เลยต้องวางมีดในมือเดินออกมาดูทุกๆ คนในห้องกินข้าว ซึ่งมีโทรทัศน์ตั้งอยู่ เสียงรายงานข่าวยังคงดังต่อเนื่องต่อไป

“... ขณะนี้ คดีเกี่ยวกับรังตะวันฉาย ยังต้องมีการสอบสวนต่อไป แม้ว่าจะมีการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดออกไปแล้วก็ตาม… อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้า จะมีการรายงานข่าวอีกครั้งนะคะ… เชิญชมโฆษณาค่ะ” เสียงทีวีตัดเข้าโฆษณาตามปกติ แต่สิรีน่ะสิไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ เพราะเห็นอยู่หลักๆ ว่า แก๊งในรังตะวันฉาย ลอยนวลออกไปหน้าตาเฉย ต้องมีใครสักคนที่เส้นใหญ่พอสมควร ถึงได้เข้ามาช่วยพ่อค้ายาบ้าได้ทั้งหมด

“อ้าว!!! ไม่ผิดหรอ?” โสภาอุทาน เพราะเห็นว่าเป็นคดีที่สิรีรับไปทำ จับได้ส่งเข้าคุกจบงานกลับบ้าน มาวันนี้ปล่อยตัวซะแล้ว

“โห… คุกมีไว้ขังคนจนจริงๆ เลยนะ พวกคนรวยนี่ รวยมากไม่ผิดสักนิด!!!” สุชาติบ่นหัวเสีย รู้สึกไม่อยากไว้ใจความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตของตัวเองยามนี้เสียแล้ว

“นี่มันเรื่องอะไรกันวะ!!! ยังทำได้ลงคออีกหรอ?” สิรีกำลังสับสน ยืนเงียบ พร้อมๆ กับครุ่นคิดอย่างมึนงง ปล่อยผู้ต้องหาค้ายาบ้าได้ทั้งคณะ กฏหมายบอกว่าจะประหารมิใช่รึ?

หญิงสาวเดินปวดหัวมานั่งพักที่ชานระเบียงไม้ รับลมคลายเครียดหัวร้อน เสียงมือถือดังขึ้น เพราะรับสัญญาณในที่โล่งได้ พบกับข้อความที่ทิ้งไว้ในหน้าแชทด่วน สีหน้าของสิรีเจื่อนพอกับข่าวเช้านี้อยู่แล้ว ตอนนี้ต้องมาเจอแชทจากสายหัวหน้างานอีก…

“อเนกตายแล้ว ไม่พบศพ… กลับมาทำงานเป็นการด่วน!!!” แชทจากหัวหน้าเป็นคนมาบอกเธอเอง แถมออกคำสั่งในประโยคถัดมา…

“พึ่งจะได้กลับมาบ้านคืนเดียว เรียกกลับไปทำงานไวโคตร คนอื่นไม่มีตัวรึไงวะ?” สิรีบ่นหัวเสีย แต่เธอรู้สึกไม่พอใจว่าอเนกตายได้อย่างไร ในเมื่อเขาบาดเจ็บ และนอนอยู่ร.พ. รายละเอียดก็ไม่ได้บอก ทำให้เธอเลิกโทรเข้ากรม แต่เลือกที่จะเดินทางกลับไปเอง… แล้วทีนี้ทำไง โดนแม่ด่าแน่ๆ เพิ่งมาได้วันเดียวเองแท้ๆ

******

“นี่เอ็งจะทิ้งแม่กับพ่อเหงาอยู่ที่บ้านอีกแล้วหรอ?” อย่างที่คิดไว้เลย คุณโสภาบ่นพอๆ กับช้อนมาอยู่ในมือ ปากก็ทำงานแทนที่จะนั่งกินข้าวเงียบ อาหารเช้านี้ก็มีแต่อร่อยๆ ทั้งนั้น แต่เรื่องที่เข้ามาทำให้มันไม่ได้อร่อยอารมณ์ดีซะเลย

“ก็… หัวหน้าเรียกนิแม่ แถมคู่หูของหนูก็ดันมาตาย” สิรีบอกได้แค่จากข่าวที่พึ่งได้รับ ทำให้โสภากับสุชาติต้องสับสนเช่นกันว่าเป็นไปได้อย่างไร

“เขาบอกรึเปล่าว่าให้ไปทำงานตามจับไอ้พวกแก๊งตะวันฉายอะไรนั้นอีกหรอ? จับมาแล้วได้เงินก็ปล่อย ไปเหนื่อยเปล่าแท้ๆ หรือว่าแค่หน้าที่เอาหน้าหรอ?” โสภาบ่นร่ายยาว แทนที่จะยกช้อนป้อนข้าวเข้าปาก ก็ยังจะรั้งไม่กินซะที

“ไม่ได้บอกอะไรเลย เห็นที… คงอยู่กับพ่อกับแม่ถึงเที่ยงวันนี้ หนูคงจะต้องกลับไปทำงาน หนูคงจะต้องไปเยี่ยมครอบครัวของอเนกด้วย” สิรีชักไม่แน่ใจแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอเนกถึงออกจากร.พ.ก่อนกำหนดจนตัวเองต้องตายแบบไม่มีใครรู้

สุชาติไม่ตอบอะไร ตั้งอกตั้งใจกินข้าว ปล่อยให้ลูกสาวไปทำงานเช่นเดิม จนโสภาบ่นว่าไม่ห้ามลูกซะที สิรีเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของส่วนตัว เพื่อไปเล่นกับไอ้ดำและไอ้ตาลด้วยความคิดถึงเต็มที่ จากนั้นจึงเริ่มออกเดินเท้า ไปยังจุดรถประจำทาง เพื่อเดินทางกลับกรุงอีกครั้ง… เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอเนก…!

******

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปราบปรามสิ่งเสพติด เป็นหัวหน้าประจำกองตำรวจสังกัดของสิรีกับอเนก และเพื่อนตำรวจอีกมากมาย ยามนี้กองกำลังนี้สูญเสียตำรวจเก่งๆ ไปหลายนายจากคืนวานนี้ พร้อมๆ กับอเนก ทำให้สิรีต้องรีบเดินทางกลับมา เพื่อรับทราบเรื่องว่า ทำไมอเนกถึงเสียชีวิตและไม่พบศพ

"ตอนนี้ผมคุยกับฝ่ายสืบสวนคดีพิเศษนี้แล้วว่า ตำรวจของเราบางนายหายไป บางคนเชื่อว่าเสียชีวิตและโดนทำลายศพ แต่บางราย พวกผมเชื่อว่า อาจจะโดนจับอยู่ที่ไหนสักแห่ง ผมไม่เชื่อว่าเขาหายตัวไป…" นเรนทร์ เจ้านายของสิรีกำลังกล่าวให้เธอฟัง ขณะยืนตามระเบียบของเจ้าหน้าที่ เธอเชิดหน้าและรับฟังอย่างตั้งใจ เก็บคำถามเอาไว้เพื่อถามในจังหวะที่สมควรถาม

"ผมอยากให้คุณรับงานนี้ โดยไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในกองของเรารู้…" นเรนทร์ต้องการให้สิรีทำงานลับให้แก่เขา เพื่อคลี่คลายคดีนี้

"มีอะไรรึเปล่าคะ?" สิรีถามด้วยความสงสัย เพราะการปฏิบัติหน้าที่แนวนี้ ถ้าไม่เป็นสายลับ ก็ต้องทำงานนอกเครื่องแบบ

"ผมกำลังคิดว่า พวกนั้นอาจมีตำรวจที่เราไม่รู้ว่าใคร ถูกเลี้ยงโดยพวกนั้น ผมก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่า ตำรวจของพวกเราคนไหนเป็นสายให้พวกมัน… คุณพอจะช่วยผมเรื่องคดีนี้ได้มั๊ย?" นเรนทร์คิดว่าบางทีพวกนั้นไม่ได้เส้นใหญ่อย่างเดียว แต่อาจจะเลี้ยงตำรวจคนใดคนหนึ่ง เพื่อเอาไว้ใช้งานต่อต้านการปราบปรามของพวกเขา

"แต่ว่าหัวหน้าคะ? จะให้ดิฉันเป็นสายลับในคดีนี้หรอคะ?" สิรีถามด้วยความตกใจ เธออาจจะได้คะแนนการสืบสวนสอบสวน และการยิงปืนสั้นพกแม่น 95% ก็ตามเธอรู้สึกกำลังโดนปล่อยเกาะ

"คุณต้องเข้าใจนะสิรี พวกเราสูญเสียนายตำรวจในคืนนั้นไปเกือบร้อยนาย แถมพวกเรายังค้นหาศพของอเนกกับพิทักษ์ไม่พบ… หวังว่าคุณอาจจะหาเบาะแสได้ว่า พวกเขาเสียชีวิตหรือโดนจับเป็นตัวประกัน หรือถูกอำพรางศพหรือเปล่า…" นเรนทร์กล่าวด้วยคำพูดแทบสิ้นหวัง สิรีคือความหวังสุดท้ายที่พวกเขาต้องการให้เธอทำ

"การทำงานโดยไม่แสดงตัวเป็นตำรวจ หัวหน้าต้องการให้ดิฉันทำงานนอกเครื่องแบบ?" สิรีถามย้ำอีกครั้ง เพื่อให้ไปถึงจุดยืนที่ควรทำในงานนี้

"ช่วยเป็นสายลับ สืบคดีนี้อย่างละเอียดให้ผม การจับตัว นายสุริยะ และ ภินพัตร อินทรโภคินทร์ เราต้องการหลักฐานมัดแน่นตัวพวกเขา แม้ว่าคนพวกนี้เขาจะเป็นพ่อลูกโคตรรวยก็ตาม และผมก็อยากให้คุณระมัดระวังตัวนาย วาคินทร์ด้วย เขาเป็นคนดีกว่าที่พวกเราทุกคนคิด แต่อาจจะร้ายอย่างที่คาดไม่ถึง ระวังตัวด้วยนะ สิรี" นเรนทร์บอกรายละเอียดพลางหยิบแฟ้มคดี ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมอบให้สิรีอ่าน หญิงสาวพลิกหน้ากระดาษ พลางเงยหน้ารับงานนี้

"เข้าใจแล้วค่ะหัวหน้า ดิฉันจะรับงานนี้ค่ะ" สิรีจึงได้รับรายละเอียด ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผู้เกี่ยวข้องในคดีรังตะวันฉาย เพราะการเข้าไปเป็นสายลับ เธอจะต้องทำให้แนบเนียนที่สุด เพราะเธอไม่ใช่ผู้ชายนี่แหละ จะต้องค้นหาอเนกและพิทักษ์ให้พบ แม้จะไม่รู้ว่า พวกเขายังมีชีวิตอยู่ หรือตายไปแล้วก็ตาม หากศพถูกซ่อนเธอจะต้องค้นหาให้พบให้จงได้!!!

******

สิรีเดินออกจากกองตำรวจ เพื่อกลับไปยังบ้านของตัวเอง ถอดเสื้อผ้าเครื่องแบบตำรวจของตัวเอง แปลงโฉมเป็นหญิงสาวคนธรรมดาคนหนึ่ง เพื่อออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ โดยขอเบิกงบค่าใช้ง่ายด้วยบิลเงินสด จากนั้นจึงเริ่มทำการเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ เมื่อเธออ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับหาข้อมูลเกี่ยวกับวาคินทร์ และภินพัตร.. พวกเขาแทบไม่เปิดช่องทางให้เธอได้เข้าไปสืบได้เลย โดยเฉพาะการปลอมเป็นลูกน้องใกล้ตัว ช่างยากยิ่งนัก

"รับสมัครแต่พี.อาร์. พนักงานต้อนรับ รายได้สองหมื่นถึงสามหมื่น นี่ต้อนรับยังไง รายได้อย่างเยอะมากชวนยั่วใจ…" สิรีกินขนมแก้เครียดพลางหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อโทรหาเพื่อนอีกคน เธอเคยเรียนสมัยมัธยมแต่ไม่ได้ต่อมหาวิทยาลัย และเพื่อนเก่าของสิรีก็เคยทำงานเป็นพี.อาร์.นี่อยู่

"ฉัตร!!! ฉันรบกวนเวลาเธอทำงานรึเปล่า?" สิรีโทรถาม อยากได้รายละเอียดเรื่องการทำงานพี.อาร์.ของเพื่อนเก่า

"อ้อ… ไม่เลย ตอนนี้ฉันนอนอยู่บ้าน พร้อมรถแพงๆ อีกคัน ฉันได้เสี่ยรับไปเลี้ยงดู เลยไม่ต้องไปทำงานเป็นพนักงานต้อนรับมาปีกว่าๆ แล้ว แกโทรมามีธุระอะไรรึ?" ฉัตรอาจจะไม่สนิทกับสิรีนัก พวกเธอทั้งสองคนเคยรู้จักกัน แถมยังเคยช่วยเหลือกันบ้าง เมื่อยามยาก…

"อ่อ… แกทำงานเป็็นพี.อาร์.ยังไง ได้เสี่ยไปเลี้ยงดู แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวรึเปล่า?" ราวกับอิทธิพลของแม่ ที่คอยเป่าหูทุกๆ ครั้งตอนกลับบ้านให้ หาคู่แต่งงานอยู่บ่อยครั้ง ทำให้สิรีถามไปแล้ว ฉัตรกลับหัวเราะเหมือนโดนจี้เอว

"โอ๊ยแก!!! นี่อย่าบอกนะ ว่ายังไม่เคยนอนกับผู้ชาย ถามจริงๆ ยังไม่ได้แต่งงานอีกหรอ? จะบอกให้นะแก ฉันเป็นเมียน้อยเสี่ย และเสี่ยก็ไม่ได้มีฉันแค่คนเดียว แถมเสี่ยมีบ้านเล็กบ้านน้อยอีกตั้งสามบ้านและกำลังจะมีบ้านที่สี่ เสี่ยรวยจากการลงทุนคลิปโต สัปดาห์ไหนว่าง เสี่ยก็มานอนกับฉันไง" ฉัตรเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง หลังจากเจอกับสิรีครั้งสุดท้าย ก็ตอนเมาแอ๋อยู่ข้างผับ และสิรีก็ไปทำงานแถวนั้น ขับรถพาเธอกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่ที่ไม่ปลอดภัยก็คนที่บ้านนั้นแหละ สวดเธอยับจนฉัตรต้องออกจากบ้าน มาเป็นพี.อาร์ถาวรในที่ทำงาน เธอก็พึ่งรู้ว่า ฉัตรเลิกงานพี.อาร์ มาเป็นเด็กเสี่ยแทน

"พอจะมีข้อมูลเรื่องความพร้อมในการทำงานพี.อาร์.บ้างมั๊ย?" ด้วยความเป็นนร.ตำรวจมาหลายปี เรื่องเที่ยวเตร่เธอก็พอรู้อยู่บ้าง ว่าพวกรับแขกต้องเป็นแบบไหน เธอแค่อยากทำให้มันดูเป็นมือโปร แต่คนมันไม่เคยแนบชิดอิงชายนี่แหละ ต้องถามฉัตรถึงจะได้รายละเอียด

"อ๋อ นี่แกจะเลิกเป็นตำรวจ ไปรับงานสบายๆ แบบนี้หรอ?" ฉัตรถาม เพราะคิดว่าเพื่อนอาจจะหางานสบายๆ และมีผัวรวยๆ

"มันก็ไม่น่าผิดแปลกอะไรนี่ เปลี่ยนงานบ้าง อาจจะสนุกนะ…" สิรีตอบเสียงสูงบ่ายเบี่ยงตอบเรื่องจริง นึกถึงคำสั่งหัวหน้า อย่าให้ใครรู้ว่า เธอเป็นสายลับและรับงานนี้สืบเรื่องคดีรังตะวันฉายแบบใกล้ตัวสุริยะและภินพัตร แม้กับฉัตรเธอก็ไม่อยากให้รู้รายละเอียดอะไร เกรงว่าจะได้รับอันตรายไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง

"งั้นฉันจะเล่าให้ฟังว่า แกจะต้องทำตัวยังไง ให้เขาสนใจรับแกทำงาน แล้วแกแต่งหน้าฟรุ้งฟริ้งเป็นแล้วใช่มั๊ย? เสื้อผ้าตอนไปสมัครงาน เน้นคอลึกโชว์เนินอกหน่อย ใส่กระโปรงสั้นๆ รัดก้นนิดๆ แกได้งานไวเลยล่ะ" ฉัตรแน่ะนำ เพราะเห็นว่า น่าจะทำให้เพื่อนได้งานไวแถมสบายตัวแบบไม่เหนื่อยมาก

"ฟังดูเข้าท่าดีนะ"... แม้สิรีจะส่งเสียงไปแบบดีใจที่ได้ข้อมูล สีหน้าของเธอเบ้ปาก ขยะแขยงที่่ได้ยินอะไรแบบนั้น เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่มาตลอด คราวนี้ต้องกลายเป็นนางโลมพี.อาร์.เพื่องานสายลับโดยเฉพาะ

******

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel